หลวงปู่สึกลดพรรษา!!!
ไปอ่านพบบทความของกองบรรณาธิการ นิตยสารอาทิตย์ ต่อกรณี “สึกลดพรรษา” ของหลวงปู่พุทธะอิสระในเว็บของ http://www.dragon-press.com/ มีเนื้อหาของข่าว ดังนี้
การตกเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งของ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" เป็นสิ่งที่มีการคาดหมายกันนานแล้ว แต่สิ่งที่ไม่มีใครนึกถึงก็คือ แทนที่จะโดนข้อหา "ปาราชิก" (เช่น เสพเมถุน อวดอุตริ ฯลฯ) อย่างที่นิยมกัน
หลวงปู่หนุ่มแห่งวัดอ้อน้อยกลับโดนข้อหา "พิลึก" นั่นคือ "สึกปุ๊ป - บวชปั๊บ" ซึ่งโยงใยไปถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างพระศรีรัตนโมลี กับมูลนิธิธรรมอิสระที่เป็นคดีความกันอยู่ในชั้นศาล
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มูลเหตุขัดแย้งที่สะสมกันมานาน "อาทิตย์" ขอลำดับเหตุการณ์และตัวละครที่เกี่ยวข้องนำเสนอเป็นพื้นความเข้าใจของท่าน
กุมภาพันธ์ 2544 มีการจัดอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ที่วัดวังตะกู จังหวัดนครปฐม
มีนาคม - เมษายน 2544 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นตีข่าว "พระภิกษุสงฆ์ยกแขนขาผิดหลักวิปัสสนาหวั่นลัทธิฝ่าหลุมกงแทรก" พาดพิงถึง "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ผู้เป็นวิทยากรว่าเป็นคนทรงหลวงปู่โลกอุดรและหวั่นจะเกิดลัทธิใหม่
"พระเทพคุณาภรณ์" เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เสนอชื่อ "วัดอ้อน้อย" เป็น 1 ใน 8 สำนักวิปัสสนาจารย์ ต่อ "สมเด็จพระมหาธีราจารย์" วัดชนะสงคราม แต่ถูกยับยั้งการเสนอชื่อในที่ประชุมมหาเถรฯ เหตุเพราะกรมศาสนาตั้งข้อสังเกตว่า วัดอ้อน้อยมีหลักคำสอนที่บิดเบือนต้องใช้เวลาตรวจสอบ
ต่อมา "นายปัญญา สลักทองตรง" และ "นายเสนาะ ผดุงฉัตร" เจ้าหน้าที่วิชาการกรมศาสนาได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมได้สรุปว่า หลักคำสอนของหลวงปู่พุทธะอิสระบิดเบือนจากพระไตรปิฏกไป 9 ข้อ ไม่สมควรอนุญาตให้ตั้งเป็นสำนักวิปัสสนาจารย์
พฤษภาคม - มิถุนายน 2544 หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับเดิมตีพิมพ์บทความของ "พระศรีรัตนโมลี" "กะเทาะเปลือกสัทธรรม ปฏิรูปพระวิปัสสนาจารย์ ต้องไม่ทรงเจ้า! "
พาดพิงเครื่องหมายของวัดอ้อน้อย (สวัสติกะ) เป็นเครื่องหมายฮิตเลอร์ การใช้ชื่อพุทธะอิสระ และธรรมอิสระ และเห็นหลวงปู่พุทธะอิสระกำลังเข้าทรงหลวงปู่โลกอุดร พร้อมระบุถ้าเป็นฝ่ายผิดเองก็จะพิจารณาตัวเองโดยการลาสิกขาก็ยอม
กรกฎาคม 2544 มูลนิธิธรรมอิสระ โดย "นายนพพร ปริปุณณะ" และ "นายจิโรจน์ ทีปกานนท์" ฟ้อง "นายพิเชษฐ์ อินทิน" เจ้าของ นสพ. และ "พระศรีรัตนโมลี"
ข้อหาหมิ่นประมาท มีการเจรจาจาก "เจ้าคณะจังหวัด" เพื่อไกล่เกลี่ยและให้ถอนฟ้องโดยให้พระศรีรัตนโมลีแก้ข้อกล่าวหา
สิงหาคม 2544 "พระศรีรัตนโมลี" ยอมเขียนหนังสือแก้ข้อกล่าวหาทั้งหมด 7 ข้อ "อาทิตย์รายสัปดาห์" ฉบับ 1183 ตีพิมพ์เป็นรายงานข่าว "พระศรีรัตนโมลี" "แก้ข่าว" ขอรอมชอมคดีหมิ่นประมาท"
แต่อีกไม่นาน "พ.อ. (พิเศษ) ทองขาว พ่วงรอดพันธ์" และ "นายกมล ศรีนอก" ได้ทำหนังสือยื่นต่อ "สมเด็จพระมหาธีราจารย์" วัดชนะสงคราม เพื่อให้ตรวจสอบการพบหลักฐาน "โกงพรรษา" ของ "พระสุวิทย์ ธัมมธีโร" (หลวงปู่พุทธะอิสระ)
กันยายน 2544 มีใบปลิวแจกไปตามหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับ ในจังหวัดนครปฐม และได้จากพระภิกษุสามเณรบางรูป กล่าวหาพระเทพคุณาภรณ์ และพระสุวิทย์ ธัมมธีโร ทำผิดกฏระเบียบและพระวินัยอย่างร้ายแรง
โดยพระเทพคุณาภรณ์กลายเป็นเป้าโจมตี ซึ่งกล่าวหาท่านได้รับ "รถตู้" และ "เงิน 8 หลัก" เพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขอายุพรรษาของพระสุวิทย์เพื่อการแสวงหาประโยชน์นทางคณะสงฆ์
ใบปลิวดังกล่าวอ้างว่ามาจาก "ชมรมชาวพุทธจังหวัดนครปฐม"
"พระเทพคุณาภรณ์" แถลงข่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาตามใบปลิวพร้อมชี้แจงยืนยันว่าเรื่องหลักฐานอายุพรรษาเป็นเรื่องความผิดพลาดด้านเอกสาร และได้อนุมัติให้ "พระสุวิทย์" ลาออกจากเจ้าอาวาส และเจ้าคณะตำบลเรียบร้อยแล้ว
ตุลาคม 2544 "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ตัดสินใจดับครหาประกาศ "สึกลดอายุพรรษา" กลางงานกฐินของวัดอ้อน้อย
กรณี “สึกลดพรรษา” ของหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่ 2 วัน
ในวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน 2544 หลวงปู่พุทธะอิสระได้ชี้แจงเหตุผลของการ "สึกลดพรรษา" ผ่านรายการ "คารวะแผ่นดิน" ทางสถานีวิทยา FM 99.5 MHz โดยมี "นายสนธิ ลิ้มทองกุล" เป็นผู้ดำเนินรายการ
เหตุผลของหลวงปู่พุทธะอิสระ ก็มีดังนี้
เหตุที่เราอยากสึกก็เพราะ เราอยากจะลดอหังการ มนังการ และมานะทิฐิ ความเป็นตัวเป็นตนซึ่งมีอยู่ในอุปกิเลส 16 ข้อ
พวกนักวิปัสสนาต้องมีและต้องรู้จัก และการลดอหังการ มนังการ และความถือตัวถือตนความเย่อหยิ่ง ทระนง จองหอง ยโส อวดดี พูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คืออยากลดอีโก้ (ไอ้โก้) ตนเองลงบ้างเท่านั้น
พูดง่าย ๆ คือ ไม่อยากแก่ และจะได้ทำตัวสบาย ๆ ไม่ต้องมีอะไรหนักหนา ทำงานของตนเองที่ตนเองรักไปก็คือทำงานพระศาสนา
การให้เหตุผลของหลวงปู่พุทธะอิสระมีมากกว่านั้น แต่อ่านดูแล้ว “ใช้ไม่ได้” คือ ไม่ตรงกับประเด็นที่ท่านปฏิบัติไป
เรื่องของเรื่องก็คือ ท่านต้องการให้วัดอ้อน้อยเป็นสำนักวิปัสสนา แต่ทางพระผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ ซึ่งประเด็นนี้ ผมก็เห็นว่า “พระผู้ใหญ่ทำถูกต้องแล้ว”
หลวงปู่พุทธะอิสระ ท่านไม่เป็นพระวิปัสสนา ท่านเป็น “เกจิอาจารย์” อย่างเช่น หลวงพ่อคูณ หลวงพี่น้ำฝน ฯลฯ เป็นต้น
เมื่อพระผู้ใหญ่ไม่ยอม หลวงปู่พุทธะอิสระก็ฟาดงวงฟาดงา อาละวาด เหมือนเด็กที่ไม่ได้ดังใจ พอดีไปพลาดเรื่องการโกงอายุพรรษาเข้า
เมื่อจะถูกเล่นงานเรื่องนี้อีก ท่านก็ลดประชด และเกิดเหตุการณ์ “ลึกลดพรรษา” ขึ้น คือ สึกแล้วบวชเดี๋ยวนั้นเลย
เรื่องนี้ อ่านแล้วก็น่าสะใจดี คือ มันดี อ่านแล้วเลือดลมซู่ซ่า ถ้ามันเป็นหนัง ไม่ใช่เหตุการณ์จริง
หลวงปู่พุทธะอิสระสึกแล้วบวชเพื่อประชดพระผู้ใหญ่นั้น ไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวของหลวงปู่พุทธะอิสระเองเลย อย่างน้อย ก็เป็นหลักฐานยืนยันว่า ท่านไม่ใช่พระโพธิสัตว์แน่
พระโพธิสัตว์ไม่แก้ปัญหาแบบนี้
และที่ท่านบอกว่า “เหตุที่เราอยากสึกก็เพราะ เราอยากจะลดอหังการ มนังการ และมานะทิฐิ ความเป็นตัวเป็นตนซึ่งมีอยู่ในอุปกิเลส 16 ข้อ”
เราก็ไม่เชื่อ การจะลดอหังการ มนังการ และมานะทิฐิต้องไม่ใช้วิธีนี้ วิธีนี้เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ท่านมี “อหังการ มนังการ มานะทิฐิ” อยู่ท่วมตัว
http://phutthaitsara.blogspot.com/2013/07/blog-post_14.html
วารีนา ปุญญาวัณน์
กลับหน้าหลัก
มันเป็นตัวยุ่งและมีแต่ความร้ายกาจ
ตอบลบทำแต่สิ่งไม่ถูกต้อง ขัดแย้งตลอด
ประเด็นสึกแล้วบวชภายในวันเดียวกัน
มีทำอยู่คนเดียวในปท.
คนแบบนี้สมควรโดน....อะไรดี เจ้าทรงหลวงปู่เทพ โลกอุดร ...ชัดช้าอวดอุตริ
แต่อาศัยวิ่งเข้าหาผู้ใหญ่ ช่วยเหลือบิดเบือนความให้
จนกลับกลายมาเป็นขี้ข้าให้. รับใช้
ชนิดถวายหัว. แม้ว่าจะผิดมหันต์ก็.....กูจะทำ
แม้ว่าจะทรยศต่อชาติและประชาชนอย่างเราๆ
ประวัติแย่ร้ายกาจ โรคจิต หลงตัวเอง