แฉ..สงครามล่าแต้มชีวิตมนุษย์ ใช้อาวุธหนัก-ชีวภาพ

วันที่ 1 ส.ค.57 แฉ..สงครามล่าแต้มชีวิตมนุษย์ ใช้อาวุธหนัก-ชีวภาพ-เศรษฐกิจ ลดประชากร

ในภาพชาวปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซ่า 2 คน เขากำลังทำอะไรบางอย่าง ดูออกหรือไม่ ว่าเขาทั้งคู่กำลังทำอะไรกัน ? แต่ยังไม่บอกตอนนี้ปล่อยให้คิดไปก่อน !!

ตอนนี้สถานการณ์ที่ตะวันออกกลาง ฉนวนกาซ่า ทหารอิสราเอล กำลัง ก่อมหาโศกนาถกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวปาเลสไตน์ เพื่อไล่ที่แย่งชิงเอาดินแดนฉนวนกาซ่า ถึงแม้ตอนนี้พักฆ่าชั่วคราว 12 ชั่วโมง เพราะฆ่าจนเหนื่อย จึงต้องพักบ้าง

ผลปรากฏว่ามีชาวปาเลสไตน์ตายไปแล้วราว 1,400 ราย และบาดเจ็บกว่า 7,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กมากกว่า 25% ทหารอิสราเอล ตายราว 60 คน ส่วนใหญ่ตายเพราะรบกับกลุ่มฮามาส ในระยะประชั้นชิด หรือ ถูกการลอบโจมตี ในดินแดนของปาเลสไตน์เอง ที่ทหารอิสราเอล บุกล้ำเขตแดนเข้าไปในฉนวนกาซ่า

อเมริกา เพิ่งออกมาแถลงว่า รู้สึกเห็นใจอิสราเอลมาก จากการที่ถูกกลุ่มฮามาส กระทำการยิงจรวดใส่ จึงตัดสินใจขายกระสุน จรวด และลูกระเบิดล็อตใหม่ ให้อิสราเอลไปป้องกันตัว..



อเมริกา เพิ่งออกมาแถลงว่า รู้สึกเห็นใจอิสราเอลมาก จากการที่ถูกกลุ่มฮามาส กระทำการยิงจรวดใส่ จึงตัดสินใจขายกระสุน จรวด และลูกระเบิดล็อตใหม่ ให้อิสราเอลไปป้องกันตัว..

     อ้างกันง่ายๆ ดื้อๆ แบบนี้แหละ ส่วนที่ทางกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ในประเทศยูเครน อเมริกา กลับบอกว่ารับไม่ได้ เครียด ที่รัสเซียสนับสนุนอาวุธให้ เพื่อมาสู้รบกับรัฐบาลยูเครน ตกลงมันจะเอาอย่างไงกันแน่ เพราะการหนุนอาวุธให้อิสราเอล ไปฆ่าเด็ก อเมริกา บอกว่าถูกแล้ว เหมาะสมแล้ว สมควรแล้ว

แต่ในยูเครน มันคือสงครามจริงๆ ที่นั่นเขาไม่ทำร้ายเด็กๆ อะไรเลย เป็นการรบกันของผู้ใหญ่ แบบนักรบ ที่สู้กันจนตายกว่า 1,100 รายแล้ว อเมริกา กลับบอกว่ารับไม่ได้เลย ผู้ใหญ่รบกันแบบนี้ไม่ดี ต้องกดดันในนาม NATO ให้คว่ำบาตรทางการค้ารัสเซียเท่านั้น..มึน !!

กรณีเครื่องบินมาเลย์เซีย MH-17 ที่ถูกยิงตกบริเวณพรมแดนทางด้านตะวันออกของยูเครน เมื่อราว 17 ก.ค.57 ที่ผ่านมาจนมีคนตาย 295 รายนั้น ตั้งแต่วันแรกๆ อเมริกา และผองเพื่อน EU มีความพยายามลุกลี้ลุกลน อย่างผิดปกติวิสัย ปรักปรำว่ากลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ที่สู้รบกับรัฐบาลยูเครน เป็นฝ่ายทำ   ....................................................................

เพื่อเป้าหมายตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้า คือ คว่ำบาตรรัสเซีย สกัดดาวรุ่งเงินรูเบิ้ล ไม่ให้ผงาดมาครองหรือแย่งส่วนแบ่งดอลล่าห์ แต่อเมริกาก็เพียงเฉี่ยวไปมา ยังหาหลักฐานได้ไม่ชัดเจน เพียงแต่บอกว่า “น่าจะ” และมีเพียงหลักฐานแวดล้อมเท่านั้น

นอกจากนายกรัฐมนตรียูเครน จะเพิ่งลาออกไปแล้ว เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย ตอนนี้การเมืองภายในยูเครน ไม่ค่อยมีเสถียรภาพ และสื่อตะวันตกไซออนิสต์ เช่น BBC , CNN ก็ชี้นำมาตลอดว่ากลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ใช้จรวด BUK ยิง MH-17 จนตก แบบไม่รอผลการสอบสวนใดๆ
ส่วนเสียงสนทนา และภาพ Facebook ที่ยูเครน นำมาเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ว่ากลุ่มติดอาวุธโพส และพูดสื่อสารกันว่ายิงเครื่องบินลำหนึ่งตกนั้น..พิสูจน์แล้วมันดันเป็นเหตุการณ์นานแล้ว ตั้งแต่ก่อนเดือน ก.ค.57 ที่กลุ่มติดอาวุธฯ เขายิงเครื่องบินรบยูเครนตก..ไม่ใช่เครื่อง MH-17 ลำนี้

หรือการที่ออกข่าวว่าไปสัมภาษณ์นักรบกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซีย ว่ายอมรับว่าเคยเห็นรถบันทุกจรวด BUK ที่หัวหน้าเขาสั่งยิง แต่ก็ไม่เคยมีภาพเคลื่อนไหว หลักฐานเป็นทางการใดๆ ออกมา และในช่วงการรบนั้น เป็นที่รู้กันว่าการพูดบล๊าฟกันนั้น ถือเป็นสงครามจิตวิทยาปกติ

แต่พอรัสเซียเริ่มเปิดหลักฐานภาพถ่ายการจับสัญาณว่า มีหอบังคับการบินแจ้งให้นักบินเปลี่ยนเส้นทางการบินจากแนวเดิมไปหลายสิบ กม. จากนั้นรัฐบาลยูเครน ได้ส่งเครื่องบินรบ แบบ Su-25 บินประกบตาม เที่ยวบิน MH-17 ระยะ 3-5 กม.ก่อนจะถูกยิงตก

อเมริกาก็เริ่มดิ้นปั่นป่วนอย่างหนัก จนเสียขบวน ผิดวิสัยจนเว่อ ทั้งๆ ที่อิสราเอลโจมตีปาเลสไตน์ตายเป็นพันกว่าคน อเมริกาไม่ตื่นเต้นเลย ต่อมาเยอรมันที่เพิ่งติดต่อปูติน ของรัสเซีย ขอเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ก็เผยออกมาอีก ว่า MH-17 ถูกเครื่องบินยิง ไม่ใช่ถูกยิงโดยจรวดจากพื้นดิน

ล่าสุดปรากฏภาพหลักฐานช็อคโลกออกมาว่า บริเวณส่วนหัว ห้องนักบิน และส่วนอื่นๆ มีร่องรอยความเสียหายจากกระสุนปืน ขนาดประมาณ 30 มม.ที่ยิงมาจากเครื่องบิน..ไม่ใช่จากอานุภาพจรวดจากพื้นดินใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งการยิงโดยปืนกลจากเครื่องบิน ไม่จำเป็นต้องยิงจากระดับความสูงเท่ากันก็ได้

** ดูภาพที่https://www.facebook.com/thailandcoup/posts/330966803737167

เครื่อง MH17 บินระยะความสูง 10 กม. เครื่องบินรบ Su-25 บินระยะความสูง 7 กม. ห่างจาก MH17 ประมาณ 3-5 กม. แม้จะเป็นลักษณะมุมเฉียงขึ้น ระยะห่างเท่านี้ ก็ทำให้ Slop มุมเอียงไม่ชันมากนัก วิถีกระสุนปืนกล 30 มม.จึงทำได้ อีกอย่างปืนกลจากเครื่องบินรบ สามารถปรับระดับยิงได้ตามแต่นักบินต้องการ ไม่ได้ยึด Fix กับตัวเครื่อง

ร่องรอยกระสุน แม้ไม่ได้เกาะกลุ่ม แต่ตามรายงานของเยอรมันนั้น MH17 โดนยิงด้วยปืนกล 30 มม.ไม่กี่นัดเท่านัดเท่านั้น แต่กระสุนไปโดนบริเวณส่วนหัว ห้องนักบิน ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ส่วนรูอื่นๆ นั้น มีขนาด และรูปร่างไม่แน่นอน อีกทั้งมีทั้งเปิดผิวมานอก ยุบเข้าใน น่าจะเกิดการตกกระแทกพื้น แล้วระเบิด ทำให้ร่องรอยต่างๆ ไม่เป็นระเบียบ

ถ้ายิงจรวด BUK ใส่นั้น เครื่องบินควรจะต้องระเบิด แตกกระจายกลางอากาศก่อนตกลงพื้นดิน แต่หลักฐานที่มีคนถ่ายไว้มันไม่ใช่ แต่ถ้ายิงด้วยปืนกลจากเครื่องบินรบ Su-25 เข้าที่บริเวณส่วนหัว ห้องนักบิน จนรูพรุน กระสุนคงโดนนักบินพาณิชย์ และระบบควบคุมที่ห้องนักบิน

และไปโดนจุดอื่นๆ ของลำตัวเครื่องบิน จนลำตัวเครื่องฉีกขาด แรงอากาศก็จะฉีกเครื่องบินให้รูกว้างขึ้น ผู้โดยสารจึงร่วงลงมาผลอยๆ ตกใส่หลังคาบ้านบ้าง ตกลงไปกลางห้องนอนชาวบ้านบ้าง เกลื่อนไปหมด รัศมีถึง 15 กม. จากนั้นเครื่องบิน MH17 ก็ดิ่งหัวลงมาตามคลิป

แต่โครงสร้างตัวเครื่องยังครบ ไม่หักครึ่ง พุ่งดิ่งปักหัวลง กระแทกพื้นโลก ตูม!! เกิดระเบิดที่พื้น ไฟไหม้ผู้โดยสารที่เหลือดำเป็นตอโก เศษเครื่องบินกระจุกไม่ได้กระเด็นไปไกล

ปริศนาคือ เครื่องบินรบ แบบ Su-25 ยูเครนทำไมต้องยิงเครื่องบินโดยสาร MH-17 ลำนี้ ?? ...เมื่อค้นดูภาพเครื่องบินประจำตำแหน่งของพี่หมีขาวปูติน ก็จะถึงบางอ้อ..ขนาดและสีคาดลำตัวเครื่อง มันคล้ายกันมากเหมือนพี่กับน้องเลย..เฮ้อ

ตอนนี้แถวแอฟริกา 3 ประเทส คือ กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ก็เกิดการระบาดอย่างหนัก ของเชื้อไวรัสอีโบล่า การตายเพิ่มขึ้นพรุ่งพรวดเป็นราว 730 คนแล้ว ติดเชื้อไปอีกราว 1,400 คน และหมอที่ปฏิบัติงานรักษา ก็ตายเป็นเบือเร็วมาก บางวันหมอตายเป็น 10 คน ก็มี นี่มันเชื้ออะไรกัน ? ไม่เคยเจอการตายจากโรคติดต่ออะไรจะเร็วขนาดนี้มาก่อน มันผิดปกติ และผิดธรรมชาติของเชื้อโรคเกินไป

ธรรมชาติการเกิดโรคสายพันธุ์ธรรมดานั้น มันมีความสมดุลของตัวมันเอง และมีการควบคุมได้ในเวลาสั้นๆ จากประวัติการเกิดโรคนี้ แค่ระบาดไม่เกิน 1 เดือน นี่ก็ว่านานแล้ว เพราะวิทยาการทางการแพทย์เดี๋ยวนี้ ทันสมัยมาก แต่การระบาดไวรัสอีโบล่าครั้งนี้ ยาวนานมาถึง 5 เดือนติดต่อกันแล้ว และยังมืดมนไม่เห็นหนทางใดๆ ว่าจะหยุดการระบาดมันได้ นี่ย่อมไม่ใช่ไวรัสสายพันธุ์ตามธรรมชาติปกติแล้ว

งานนี้มีคนจงใจให้เกิดเชื้อไวรัสอีโบล่ากลายพันธุ์ คนทั้งโลกกำลังถูกใครบางคนต้มจนเปื่อย ที่น่าประหลาดพิลึกพิลั่น คือ อเมริกากลับปิดข่าวเงียบกริบ ว่ามีเด็กแอฟริกาคนหนึ่งอายุ 14 ปี ในพื้นที่ระบาด ที่ดันมีภูมิคุ้มกันกับเชื้ออีโบล่า สายพันธุ์พิลึกกึกกือมรณะนี้ และเขาหายจากโรคนี้ เขาสามารถทนกับเชื้อนี้ได้ ร่างกายดีเฉย วิ่งปร๋อ

ถึงขนาดที่ว่า ดร.เบรดลี่ แพทย์อเมริกาผู้ชาย ที่เพิ่งติดเชื้ออีโบล่า พร้อม แนนซี ไรโบน มิชชันนารี แล้วหามร่องแร่งจากประเทศไลบีเรีย นำกลับประเทศไป ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในนครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจียร์ อเมริกา เขาจะไม่ใช้เซรุ่มทดลอง แต่เลือกวิธีถ่ายเลือด จากเด็กคนนี้มาใส่ตัวเขา

นั่นแสดงว่าแพทย์คนนี้ที่กำลังอาการทรุด เขารู้ว่าเลือดของเด็กคนนี้ มันมีแอนติบอดี้อะไรสักอย่าง ที่ต่อต้านไวรัสอีโบล่าได้ ที่ผ่านมาคนอเมริกา ตายจากเชื้อนีไปแล้ว 2 คน และมีคนสัมผัสเชื้อจากเขาอีกถึง 30,000 คน อังกฤษ ถึงกับเรียกประชุม ครม.ด่วนเพื่อรับมือการระเบาดของโรค

กำลังจะสื่อบอกอะไรรู้ไหม ? นี่มันคือแผนการณ์ใหญ่ ของใครบางคน ที่ต้องการสร้างความหวาดกลัวให้คนทั่วโลก 200 กว่าประเทศ ราว 7 พันล้านคน โดยใช้ชีวิตคนแอฟริกา เป็นเหยื่อ แล้วจะทำเซรุ่ม หรือ ยารักษามาบังคับขาย ในราคามหาโหด

แน่นอนว่า ถ้ามีเซรุ่มไวรัสอีโบล่านี้ออกมา ทุกประเทศยินดีจ่ายไม่อั้นต่อเซรุ่มตัวนี้ และมันจะติดสิทธิบัตรไปอย่างน้อย 6 ปีขึ้นไป ความรวยจะเกิดขึ้นกับบริษัทขายยานั้นๆ แบบรวยบ้าเลือดเลยทีเดียว ประเทศที่ผลิตเซรุ่มนี้ จะสามารถต่อรอง เอาอะไรก็ได้ ในประเทศพื้นที่การระบาด เช่น สัมปทานน้ำมัน แลกกับเซรุ่มแบบจีทูจี ถ้าไม่ยอมก็จะไม่ขายเซรุ่มให้

แต่หมูจะหามอยู่แล้ว ดันมีคานมาสอด ก้างขวางคอมีอีกจนได้ เพราะดันมีเด็กแอฟริกาเจ้ากรรม มีภูมิคุ้มกันกับเชื้อไวรัสมฤตยูซะงั้น ชะตากรรมของเด็กคนนี้ ชีวิตเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เขาอาจไม่ตายจากโรคอีโบล่าก็จริง แต่เขาอาจต้องตายจากคมกระสุน ของน้ำมือมนุษย์ที่โหดร้ายแทน

แต่ก่อนตายเขาคงต้องโดนอุ้มไปเจาะดูดเอาเลือดจนซีด และทำลายร่าง เพื่อไม่ให้ใครนำไปใช้ประโยชน์ได้อีก

เชื้อโรคที่ว่าร้าย มันไม่ร้ายเท่าใจของมนุษย์ด้วยกัน เพราะมันเหี้ยมโหด เกินจินตนาการจริงๆ เมืองไทยเอง คนที่เดินทางเข้ามาจากแอฟริกาเข้ามาไทยมา อยู่แถวจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออก และลือว่าติดเชื้ออีโบล่านั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตรวจทางห้องแล็ปวิทยาศาสตร์แล้ว เป็นแค่โรคไข้เลือดออกธรรมดา

โรคอีโบล่านี้ เป็นเชื้อไวรัสในตระกูลไข้เลือดออก ปกติคนแอฟริกา จะมียีนส์ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ต่อโรคมาลาเรีย เขาจะตายง่ายกว่าคนไทยมาก ไข้เลือดออกก็เป็นโรค ที่มีวิธีการพาหนะนำโรคคล้ายๆ กัน

ดังนั้นถ้าเอาบรรทัดฐาน โรคมาลาเรียเป็นตัวตั้ง คนไทยก็จะทนทานต่อเชื้ออีโบล่ามากกว่าคนแอฟริกา และเมืองไทยเอง ก็ไม่มีสัตว์ที่เป็นรังโรคนี้ โอกาสการติดเชื้อจึงน้อยกว่า แต่ยังไม่รู้ว่าเชื้ออีโบล่าสายพันธุ์ที่ระบาดในแอฟริกา 3 ประเทศขณะนี้ มีใครดัดแปลงพันธุกรรม มาเพื่อแค่ทดลองขายเซรุ่ม หรือ เอาทำอาวุธชีวภาพทางทหารจริงๆ เพื่อฆ่ามนุษย์ และลดจำนวนประชากรกันแน่

เพราะนักวิทยาศาสตร์อเมริกา เขาเคยทำช็อคโลกมาเมื่อเดือนก่อน บอกว่ารับเงินจากรัฐบาลราว 360 ล้านบาท เพื่อดัแปลงพันธุกรรมไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 ที่เชื้อของเขาสามารถฆ่าคนได้คราวละ 5 แสนคนต่อการใช้ครั้งเดียว

ถ้าดูภาพแผนที่โลกด้านล่างประกอบ จะถึงกับอึ้ง เพราะตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา CIA ของอเมริกา ได้เข้าแทรกแซงทางทหาร แทบหมดโลกเลย ยกเว้นประเทศตนเองเท่านั้น มีทั้งการวางระเบิด และลอบสังหารผู้นำประเทศต่างๆ จำนวนครั้งนับไม่ถ้วน

ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า อิสราเอล กับ อเมริกัน กำลังแข่งกันล่าแต้ม ฆ่า ชีวิตเพื่อนมนุษย์ ยอดการตายจากการกระทำสงครามของ 2 ประเทศนี้ ทั้งจากอาวุธสงคราม และ อาวุธชีวภาพ เริ่มสูสีกันแล้ว เขาอาจกำลังทดลองว่าอาวุธใหม่ทั้ง 2 ประเภทนี้ ว่าแบบไหนมีประสิทธิภาพสูงกว่ากัน ในราคาต้นทุนที่ต่ำกว่า หากจะต้องก่อสงครามในอนาคต

เฉลยในภาพคนปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซ่า 2 คน เขากำลังเก็บชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ ที่เป็นเด็กๆ ราว 16 คน ที่อิสราเอล ยิงปืนใหญ่ ยิงใส่โรงเรียน ที่เป็นค่ายอพยพ ในความคุ้มครองของ UN จนมีเด็กๆ ที่กำลังนอนพักอยู่ตาย

ชิ้นส่วนร่างกาย กระจัดกระจายเละทะ พวกเขา 2 คน จึงต้องมานั่งเก็บชิ้นส่วนร่างกายเด็กๆ เหล่านั้น เพื่อแยกว่าชิ้นส่วนใดน่าจะเป็นคนเดียวกัน แล้วนำไปรวมกัน เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป เป็นภาพที่แทบไม่น่าเชื่อ ว่าประเทศอิสราเอล ที่ได้ชื่อว่าประเทศที่เจริญแล้ว ถึงกลับลงมือฆ่าเด็กจำนวนมาก

ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นหนีร้อนมาเพิ่งเย็น อยู่ในความคุ้มครองค่ายอพยพของ UN ด้วยซ้ำ หากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ในอนาคต อาวุธที่จะนำมาใช้กันช่วงแรกๆ จะเป็นอาวุธนิวเคลียร์เพียงเล็กน้อยอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น เพราะต่างฝ่ายต่างก็กลัวกัน ระยะต่อมาจะเป็นอาวุธสงครามปกติ และจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กภาคสนาม ที่เคลื่อนย้ายได้ง่ายๆ

จุดชี้ขาดชัยชนะคงหนีไม่พ้นอาวุธชีวภาพ ที่มีต้นทุนต่ำกว่า แต่อานุภาพร้ายแรงกว่า สามารถทำลายชีวิตศรัตรูเป้าหมายได้คราวละมากกว่า และแต่ละฝ่ายก็จะต้องมีเซรุ่มแก้พิษอาวุธชีวภาพด้วย

บทความนี้เขียนโดย
@ เสธ น้ำเงิน4
https://www.facebook.com/topsecretthai
ในฐานะแอดมินบล็อกนี้ ขอแชร์มาให้อ่านกัน วิเคราะห์กันตามสติปัญญาและข้อมูลที่ตนมี
 โปรดงดออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในตอนนี้ (งดออกความเห็นที่เกี่ยวกับความขัดแย้ง และเห็นต่างทางการเมือง
วารีนา 
https://www.facebook.com/warina.p


วารีนา ปุญญาวัณน์


กลับหน้าหลัก