เพลงฉ่อยชาววัง

วันพุธที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2568

สนทนากับ“ช่อ พรรณิการ์”

 ฟังนาทีที่ 12.40 เป็นต้นไปค่ะ

 ไม่เชื่อหลังสงรานต์จะยุบสภา-จี้รบ.เร่งเจรจา“ทรัมป์”

 

ก้าวย่างอันตรายของคุณทักษิณ ในบท Peace Promoter เมียนมา
การพบกันระหว่างคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายกอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ประธานอาเซียน และมินอ่องหล่ายน์ ผู้นำเผด็จการเมียนมา ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพ ในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเดินเกมรุก เดินหน้าจัดการเลือกตั้งในเมียนมา
10 เมษายนที่ผ่านมา มินอ่องหล่ายน์ ประกาศชัดเจนว่าจะจัดการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมถึงมกราคมที่จะถึงนี้ โดยแบ่งการเลือกตั้งเป็น 4 เฟส
ปัญหาใหญ่คือ การเลือกตั้งจะเกิดได้อย่างไร ในเมื่อ SAC หรือรัฐบาลทหารเมียนมา ครองพื้นที่เพียง 22% ของ township หรือเมืองทั้งหมดในประเทศ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่เพียง 17% ของแผ่นดินเมียนมาเท่านั้น ส่วนกองกำลังฝ่ายต่อต้านครองพื้นที่กว่า 30% ที่เหลือคือพื้นที่ช่วงชิงที่ยังไม่มีใครครอบครองได้เบ็ดเสร็จ
หากดูจากตัวเลขที่ว่านี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่การเลือกตั้งซึ่งกำลังถูกผลักดันให้เกิดขึ้น จะนำไปสู่การยุติสงครามและเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในเมียนมา เพราะฝ่ายต่อต้านจะไม่เข้าไปมีส่วนในการเลือกตั้งที่มินอ่องหล่ายน์เป็นผู้จัดอย่างแน่นอน
บทบาท Peace promoter สนับสนุนการเลือกตั้งในเมียนมาที่คุณทักษิณกำลังทำอยู่ มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นการฟอกขาวเผด็จการมินอ่องหล่ายน์ หากไม่สามารถดึงเอาผู้นำฝ่ายต่อต้าน และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้
การมาพบปะกันที่กรุงเทพฯ ในวันนี้ กลุ่มฝ่ายต่อต้านฯ ก็ได้มีแถลงการณ์ร่วมกันแสดงความไม่พอใจออกมาแล้ว โดยย้ำว่ามินอ่องหล่ายน์ละเมิด 5-point consensus ของอาเซียน เรื่องการยุติความรุนแรง เพราะจนถึงวันนี้ ท่ามกลางซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหว มินอ่องหล่ายน์ยังคงทิ้งระเบิดใส่พลเรือนทุกวัน การพบปะในครั้งนี้จึงเสี่ยงที่จะละเมิดจุดยืนของอาเซียนเองที่ยืนหยัดต่อต้านเผด็จการทหารเมียนมามาตั้งแต่ปี 2021
ขอย้ำว่า ลำพังเพียงการเลือกตั้ง จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับสถานการณ์สงครามในเมียนมา เพราะตราบใดที่ไม่มีการเจรจากับฝ่ายต่อต้าน จะไม่สามารถยุติการสู้รบได้
เมื่อการรบไม่สามารถยุติได้ ปัญหาต่างๆ ที่ไทยเผชิญผลกระทบอยู่ เช่นยาเสพติด สแกมเมอร์ ผู้หนีภัยทะลักเข้ามาตามชายแดน การค้าชายแดนหยุดชะงัก ก็จะไม่ยุติไปด้วย
จึงเป็นคำถามว่า แล้วไทยจะได้อะไรจากบทบาทของคุณทักษิณในครั้งนี้?
หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้จริงตามแผนของมินอ่องหล่ายน์ เราจะถือว่าเป็นเครดิตของไทยและอาเซียนได้หรือไม่ ในเมื่อการเลือกตั้งอาจจะเป็นแค่พิธีกรรมฟอกขาว สถาปนามินอ่องหล่ายน์ ให้กลับมาเป็นผู้นำโดยชอบธรรมของประเทศ
หรือมันจะกลายเป็นการเสียเครดิตครั้งใหญ่ของไทยกันแน่? แถมเราจะยังพบว่าปัญหาในบ้านเราที่เป็นผลพวงจากสงครามในเมียนมา ก็ไม่ได้หายไปไหนอีกต่างหาก
หากคุณทักษิณอยากสวมบท Peace Promoter เพื่อประโยชน์สุขและเสถียรภาพของไทยและเมียนมาจริงๆ โจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรให้การหยุดยิง "จริงๆ" และการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลทหารกับฝ่ายต่อต้านเกิดขึ้นให้ได้ แล้วจึงคลี่คลายไปสู่การจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม มีทุกฝ่ายร่วมลงสมัครรับเลือกตั้ง
ไทยอยู่ในสถานะที่เป็น Peace promoter แบบนี้ได้จริง แต่ผู้ที่กำลังสวมบทบาทนี้ จะทำหรือไม่เท่านั้น
Cr. ภาพจาก The Reporters

Myanmar in her view 


  #นายกอันวาจามาไทย 17 นะคะ ใช่ไหมคะ ที่ประกาศไว้คือวันที่ 17 เมษา 

ประเด็นสำคัญแรกเริ่ม ไม่น่าใช่ประเด็นทรัมป์ tariff  แต่ว่าในเมื่อมาแล้วก็คงได้คุยกัน ทั้ง 2 เรื่อง แต่ประเด็นหลักจริง ๆ คือเรื่องเมียนม่า

จริง ๆ เป็นที่ทราบกัน ตั้งนานแล้ว ว่ามาเลเซียได้รับตำแหน่งประธานอาเซียน

นายกอันวามีความมุ่งหมายสำคัญมาก อยู่สองเรื่องในการที่จะ ต้องการให้มาเลเซียเป็น Peace Promoter

ก็คือเป็นผู้ส่งเสริมสันธิภาพ ภายในภูมิภาคนี้ 


คำว่าสันธิภาพภายในภูมิภาค มีสอง Hot Spot (สองจุดใหญ่)

ก็คือ #เมียนมา กับ #ชายแดนใต้ของไทย
ถ้าลองย้อนกลับไปสมัยของเศรษฐา เศรษฐากับนายกอันวา

เป็น #สองผู้นำที่เจอกันมากที่สุด ในเวลาไม่ถึง 1 ปี

ที่เศรษฐาเป็นนายก เจอกัน 8 รอบ เจอกัน 8 รอบ คือเยอะมาก

เพราะฉะนั้น แปลว่าอะไร?? แปลว่านายกอันวาทราบดีว่า

ไม่ว่าจะเป็นสันติภาพชายแดนใต้ หรือสันติภาพเมียนมา

ล้วนแล้วแต่ มีไทยเป็นผู้เล่นหลัก

ในเรื่องสันติภาพชายแดนใต้ ชัวร์อยู่แล้ว เพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นที่ประเทศไทย

ส่วนในเรื่องเมียนมาก็แน่นอน เพราะว่าไทยเองเป็นผู้ที่มีบทบาท

ไม่ใช่เฉพาะเรื่องชายแดนติดกัน ซึ่งเรื่องสันติภาพ แต่ว่าไทยค่อนข้างมีสายสัมพันธ์อันดี กับรัฐบาลทหารเมียนมา

ในขณะเดียวกัน ก็มีความใกล้ชิดกับ

กลุ่มกองกำลังชาติพันธ์ต่าง ๆ ก็คือเป็นผู้ที่มีบทบาท

ที่จะเจรจากับทุก ๆ ฝ่ายได้ นั่นเอง ในทีนี้เรื่องชายแดนใต้ คุณช่อจะไม่ขอกล่าวถึง จะตัดออกไป

เธอบอกว่าจะไม่พูดเพราะว่าจะยาว และอีกเหตุเหตุผลนึงก็คือ

เรื่องชายแดนใต้ นายกอันวา พยายามผลักดันมาเป็นปี และไม่เห็นความกระเตื้องจากฝั่งไทย ก็เลยเหมือนกับว่า

ก็เลยอาจจะรู้สึกว่า ถ้างั้นเราก็คงผลักดันอะไรต่อไม่ได้แล้ว  พอเหลือเรื่องเมียนมาคือทำไมมินอ่องหลาย มาไทย เธอให้ข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่ามินอ่องหลายนี่ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เขาไปเยือนต่างประเทศน้อยมาก ในฐานะผู้นำประเทศการทหาร เขาไปจีน พฤษจิกายนที่ผ่านมา เขาไปรัสเซีย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แล้วเขาก็มาไทย คำถามคือ มีนัยยะอะไร ในประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ ที่มินอ่องหลายไป มีนัยยะแน่นอน การไปจีนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ถูกนานาชาติมองว่า เป็นความพยายามครั้งสุดท้าย ของจีน #ไม่ใช่ของมินอ่องหลาย แต่เป็นของจีนที่จะให้โอกาส มินอ่องหลาย คือจีนกับรัฐบาลทหารเมียนมา ป็นความสัมพันธ์ที่หวานอมขมกลืนมาก คือจีนเองก็อยากให้เกิดสันติภาพ เพราะว่าก็ชายแดนติดกัน เหมือนกัน และก็มี #ผลประโยชน์เยอะนะ #ทั้งเมือง #ทั้งอะไรต่างๆ #ทั้งโรงงาน อะไรของเขาก็อยู่ในเมียนมาเยอะ

มันจึงไม่มีประโยชน์กับใครเลยที่มันมีสงครามอยู่แบบนี้ กระทบกับการ บริหารความมั่นคงชายแดน ของจีนเองด้วย เพราะฉะนั้นจีนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่อยากจะ ยุติสงคราม ให้สงบในเมียนมา แต่กับมินอ่องหลาย ก็หวานอม ขมกลืน เหมือนกับว่ามันไม่จบไม่สิ้นซะที และทำให้ Reputation (เครดิต-ชื่อเสียง) ของรัฐบาลทหารเมียนมามันก็ยิ่งตกต่ำลง ไปเรื่อยๆ จนจีนก็คงปวดหัวนั่นแหละ เพราะฉะนั้นในปลายปี ที่ผ่านมามันจึงถูกมองว่าอาจเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่จีนรู้สึกว่า “เอ้า ลองกับ มิน อ่อง หลาย ดูอีกสักตั้งนึง ว่าเราจะทำยังไงกับเมียนมาได้บ้าง ประมาณนั้น!!😂

แล้วหลังจากนั้น มิน อ่อง หลาย ก็ไปรัฐเซีย ก็คงเป็นความพยายามในการ Diversify (กระจายความเสี่ยง) หมายความว่า #พยายามจะคบกับมหาอำนาจที่ยอมคบกับเขา แต่ว่าเรื่องรัฐเซีย มันเป็นการ #ไปทำ MOU ด้านพลังงาน นิวเคลียร์ ซึ่งบางคนก็บอกว่า เป็นการพยายามที่ไปถ่วงดุลอำนาจอะไรบางอย่าง หรือเปล่า 🤔🤔 แต่เรื่องรัฐเซียนี้เป็นที่กังวลกันเยอะ เรื่องการทำ MOU เรื่องนิวเคลียร์ ซึ่งมันก็เหมือนกับ #การดึงรัสเซียเข้ามา ในความขัดแย้ง #มันอะไรกันหรือจะแถว่าเป็นเรื่องของ โรงไฟฟ้าอะไรมันก็ไม่มีความปลอดภัยใช่ไหม?? สรุปสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ยิ่งทำให้เกิดความจำเป็นมากขึ้น ที่ 📌📌ทุกฝ่ายจะรู้สึกว่าสงครามในเมียนมาต้อง ยุติได้แล้ว‼️ทีนี้แล้วเกี่ยวอะไรกับประเทศไทยก็ย้อนกลับไปเรื่องเดิม ไทยเป็นคนที่ถูกมองตรงกันจาก ทุกๆฝ่ายว่า👉ถ้าจะมีการเอาเรื่องเมียนมาเข้าโต๊ะเจรจา 👉เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่าน  👉เป็น Democratic Transition(เป็น ปชต) ยังไงก็ต้องให้ไทยเป็นคนทำ เพราะเขาคุยกันไม่ได้ เพราะว่าคืออยู่ดีๆ จีนจะมาทำเหรอ มันก็ในทางการทูตมันลำบากอยู่ อธิบายยาก มันอธิบายยากอยู่ว่าจีนมาจากไหน  แต่ไทยนี่คือได้แน่นอนเพราะว่า  ✅เฮ้ยเรื่องของคุณกระทบชายแดนเรานะ  ✅เราก็เป็นเพื่อนกันมานาน  ✅แม่ทัพนายกองเราก็รู้จักกันหมด  ✅กลุ่มชาติพันธ์เราก็รู้จัก  ✅รัฐบาลทหารเราก็รู้จัก มันเข้าใจได้  ✅แล้วคนงานของคุณเป็นล้านคนมาทำงานอยู่ ในประเทศเรา อะไรแบบนี้ใช่ไหม นอกจากเหตุผลข้างต้น ดังกล่าวแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งคือ ✅👉👉อาจจะเป็นแรงผลักดันจากหลายๆฝ่าย รวมถึงจีน👉ที่ต้องการ   ✅👉👉ให้เกิดการเลือกตั้งเร็วๆ 

ทีนี้ถ้าจะให้เกิดการเลือกตั้งเร็วๆ ทำยังไง ✅ก็ต้องทำให้คุยกันให้ได้ เพื่อเกิดการเลือกตั้ง ก็จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม BIMSTEC 2025 ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน 2568 นี่คือเหตุผล ทำไมรัฐบาลไทย จึงเลือกที่จะเชิญ มิน อ่อง หลายมาซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้รับเชิญเลย มันมีตั้งหลายประชุม ที่เมียนมาจะต้องไป แต่ก็ไม่ได้ไป หรือว่า อาจจะเป็นแค่ระดับตัวแทน ที่ไม่ใช่ ระดับมิน อ่อง หลาย ไป ก็อาจจะมีเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นมันเป็นความตั้งใจออกแบบ เพื่อที่จะปูทางไปสู่  👉การพูดคุยเจรจาหยุดยิง 👉แล้วก็การเลือกตั้ง  แต่ปรากฏว่า เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นว่า ถ้าเอามิน อ่อง หลายมาแล้วก็จะทำให้ทุกฝ่ายแฮปปี้ 👉แล้วก็หยุดยิง 👉แล้วก็เลือกตั้ง ถ้าง่ายแบบนั้นมันก็จบไปนานแล้ว เรื่องกลับตาละปัตร มิน อ่อง หลายมาก็เกิดเรื่องที่น่าอับอายขายหน้ามากของเรา ถ้ามิน อ่อง หลาย มาบนเงื่อนไขล่วงหน้ามาก่อน ให้ชัดเจนว่า..ก่อนอื่นคุณต้องหยุดยิง เพื่อที่เราจะเชิญคุณมา จะได้ปูทางว่า พอหยุดยิงไปสู่การเจรจาได้ 

พระเจ้าช่วย ปรากฏว่าเกิดอะไรขึ้น 28 มีนาคม 2568 แผ่นดินไหวครั้งใหญ่  เขย่าประเทศเมียนมาและส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วภูมิภาค2พม่าคนตายไปหลายพัน มิน อ่อง หลายไม่หยุดยิง กระหน่ำยิงต่อไป  จนกระทั่งกลุ่มกองกำลังฝ่าย ต่อต้านทั้งหมด #ประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียว ผ่านไปหนึ่งวัน มีนองหลายถึงหยุดยิง!! แย่ไปกว่านั้นส่วนหนึ่งก็เกิดเรื่องเกิดราวดันยิงใส่ #หน่วยกาชาดจีนด้วย ซึ่งจีนไม่พอใจมาก ว่า #คุณบ้าหรือเปล่า คุณไปยิงใส่หน่วยกาชาดเขา ที่กำลังลำเลียงยาลำเลียงสิ่งของ ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่ จากนั้นเหตุการณ์ก็ดูเหมือนจะดี

มิน อ่อง หลาย ประกาศหยุดยิงได้วันเดียว ก็ถึงวันที่จะต้องบินมาประชุมที่ไทย พอเครื่องบินแตะถึงพื้นเมืองไทย #ยิงต่อเลย😲😧 คือแบบนี้คนไทยมันรับไม่ได้นะ คือรู้ไหม ประเทศไทยอุตส่าห์ ยอมรับรองผู้นำของ ประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นรบ.ของรัฐประหาร ที่เป็นที่ทราบกันดีว่ามีคดีพัวพันคดีอยู่ ในศาลหลายประเทศรวมถึงศาลอาญาระหว่าง ประเทศก็มีการขอออกหมายจับอยู่

#การหยุดยิงปลอม มันเป็นเรื่องใหญ่มาก คือเวลาที่คุณประกาศหยุดยิง ถึงเวลาแล้วคุณไม่หยุดยิง มันทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจอะไรต่างๆ ทั้งในประเทศเขาเอง ในระดับ นานาประเทศ มันเสียหายไปหมด แล้วกลายเป็นว่า

บทที่เราควรจะได้เล่น ในการที่ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เชิญมาแล้วเขาหยุดยิง 👉 แล้วก็จะได้ปูทาง 👉 ไปสู่การเจรจาขั้นตอนต่อไป 

แต่ขั้นแรกเริ่มสุดซึ่งมันต้องหยุดยิง มันก็พังทะลายไปตั้งแต่ตอนนั้นเลยกลายเป็นว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทร โมธี ของอินเดีย ที่เป็นผู้ที่นัดบายแลต (bilateral บายแลตเทอรัล) ก็คือการพบแบบ ทวิภาคี กับมิน อ่องหลายเหมือนกัน ที่BIMSTECที่ประเทศไทย กลายเป็นคนที่ได้บทนั้นว่า เป็นคนที่พูดเสียงแข็งกับมินอ่องหลาย ว่าคุณต้องหยุดยิง กลายเป็นนายกรัฐมนตรีนเรนทร โมที ของอินเดีย ที่มา ได้ seen ในการจัดประชุมBIMSTECของประเทศไทย ทั้งๆที่ไทยควรจะได้seen นี้ เพราะเราเป็นเจ้าภาพ คือเราอย่าไปมัวกังวล ว่า เราต้องเป็นเจ้าภาพแสนดี เมียนม่าเป็นประเทศที่มีสงครามอยู่ แล้วก็เป็นที่จับจ้อง คือถ้าเกิดว่ามาถึงแล้วหยุดยิง แล้วไม่หยุดยิงจริง แล้วเพิ่งเกิดภัยพิบัติกับคนตายเป็นพันๆ ยังเก็บศพกันไม่เสร็จแล้วคุณยิงต่อ แล้วคุณไม่ได้ยิงอย่างเดียวนะ คุณทิ้งระเบิดในเขตสกาย (เมืองสะกาย,พม่า,เมืองพุทธศาสนา,Sagiang Myanmar ที่มันคือเขตสงครามที่เขายังเก็บซากศพกันอยู่เลย แต่คุณก็ไปทิ้งระเบิดต่อ มันโดยสภาพแล้ว มันไม่ใช่แค่เป็นความเสียหาย ทางมนุษยธรรมอย่างเดียว แต่มันเป็นความเสียหายต่อเครดิตของผู้ที่เชิญมาด้วย 

เพราะฉะนั้นแค่เริ่มต้น มันก็แปลกประหลาดมากแล้ว แล้วยิ่งคุณทักษิณมาพูดตอนหลังอีก คือพูดหลังจาก ผ่านไปหลายสัปดาห์แล้ว ว่า ได้พบกับมิน อ่อง หลาย จริง อันนี้มันก็ชัดเจน ว่าที่เราพูดไปตอนต้น แต่ว่ามัน เหมือนกับเป็นการพูดหลังฉากอยู่ มันก็คือเรื่องจริง 

การเชิญมิน อ่อง หลายมาครั้งนี้ ไม่ใช่เชิญมาประชุม BIMSTEC แต่เป็นการเชิญมาเพื่อ ปูทางไปสู่การเจรจา และการเลือกตั้ง ภายในปีหน้า นี่ก็เป็นที่ทราบกันว่า เป้าหมายของมหาอำนาจ ก็คือ #ต้องการให้เกิดการเลือกตั้งอย่างช้าภายในปีหน้า ซึ่งไทยเองก็ได้รับ ได้รับมอบบทบาท ว่าจะต้อง เป็นตัวกลาง ในการทำหน้าที่นี้ เพราะฉะนั้น มันก็เห็น ใช่ไหมคะ ว่า ความจริงก็คือที่เชิญมิน อ่อง หลายมา แล้วก็คุณทักษิณได้พูดคุย ก็คือการพูดคุยเรื่องนี้ 

การที่นายก อันวาจะมาวันที่ 17 ฉันก็เชื่อว่าเรื่องใหญ่ จริงๆ เรื่องหนึ่งก็คงจะเป็นเรื่องนี้นั่นแหละ ก็ที่คุณอันวา #ตั้งคุณทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จริงๆก็เพราะว่า #เพื่อเสริฟวัตถุประสงค์หลักของเขา ที่บอกว่า เขา(อันวา)ต้องการเป็นผู้ส่งเสริม การ สร้างสันติภาพในสองจุดฮอทสปอร์ตของอาเซียน ก็คือสันติภาพชายแดนใต้กับเมียนมา ซึ่งทั้งสองเรื่องก็ เกี่ยวพันกับคุณทักษิณ จริงๆหลายท่านนั้นอาจไม่ทราบว่า คุณทักษิณเองก็ได้ #พูดคุยกับผู้นำกลุ่มชาติพันต์ต่างๆ ไปแล้วนอกรอบด้วย เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นบทบาทของคุณทักษิณ ในการที่พยายามจะเป็น พีชโปรโมเตอร์ Peace Promoter โดยเฉพาะ ✅ในเรื่องเมียนมา ✅ในเรื่องสันติภาพชายแดนใต้ มียังนิ่งๆอยู่ อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ว่าในเรื่องเมียนมา ก็จะเห็นปฏิบัติที่ชัดเจน คุณช่อกล่าวว่าเธอไม่อยาก กลับไปพูดแล้ว ว่าคุณทักษิณมีสถานะอะไร  เรามาพูดเนื้อหาไปเลยดีกว่าว่า บทบาทคุณทักษิณ มันจะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อรัฐบาลไทย

อันที่จริงถ้าทำสำเร็จมันก็จะเป็นเรื่องดี เป็นเครดิตให้กับประเทศชาติในภาพรวมทั้งหมด ถ้ามีการหยุดสงครามได้เราก็จะได้ผลประโยชน์ได้เพราะ

❌ไม่มีการทะลักเข้ามาของผู้หนีภัย ❌ไม่ต้องคอย support ผู้ลี้ภัย ❌โรงพยาบาลก็ไม่ต้องรับผู้ที่เจ็บป่วยต้องข้ามหนีมา ทั้งคนโดนยิงทั้งคนป่วยอีก มันจะยิ่งบานปลายมากมากเลย แรงงานบางส่วนที่เขาทำงานอยู่ในบ้านเรามันหนาแน่น พอเหตุการณ์สงบเขาก็อาจจะกลับไปทำงานบ้านเขา

สรุปถ้าสงครามจบโดยภาพรวมมันได้อยู่แล้ว

✅ทุกฝ่ายได้หมดเลย ดีกับทุกฝ่ายหมดเลย ที่นี่มาพูดถึงการผลักดันให้มีการเลือกตั้ง เพื่อเปลี่ยนผ่านให้มีประชาธิปไตย 

ถ้าเป็นไปตามแผนของมหาอำนาจอันดับ 1 แล้วมันจะไม่จบสวยแบบนั้น 

✅✅จริง ๆ มันคือ การพยายามฟอกขาว มิน อ่อง หลาย 👉ผ่านการเลือกตั้งแล้วก็ให้มิน อ่อง หลาย 👉 บริหารประเทศไปอย่าง #ถูกต้องชอบธรรม 

***ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นสงครามมันจะไม่จบง่ายๆ มันจะยิ่งบานปลายยิ่งกว่าเดิม

ดิฉันได้คุยกับเพื่อนในแวดวง แวดวงนักการทูตเนี่ย หลายคนต่างประเทศนะ หลาย ๆ คนบอกว่า เอาจริง ๆ บรรญากาศของเมียนมาก ตอนนี้ เหมือน ตอนเกิดพายุนาคีส มันเป็นภัยพิบัติใหญ่มาก มีผู้เสียชีวิตเป็นหลักพันหลักหมื่นคน แล้วก็บ้านเมืองแบบพินาศสันตะโรสุด ๆ ไปเลย แล้วมันก็เลยนำไปสู่การที่ เริ่มเกิดการคลี่คลาย บรรยากาศทางการเมือง #สุดท้ายนำไปสู่การที่ รัฐบาลทหารในตอนนั้น มีการจัดการประชามติ แล้วก็นำไปสู่ #การจัดการเลือกตั้ง ซึ่งมันก็เป็น #การคลี่คลาย ระดับหนึ่งทางการเมือง แม้ว่าสุดท้ายก็นำไปสู่การรัฐประหารอีกรอบหนึ่ง ที่เป็นรอบปัจจุบันนี้ แต่ว่า บรรยากาศมันคล้ายๆ ก็คือบ้านเมืองเกิดภัยพิบัต เสร็จปุ๊บมันก็เป็นช่องให้ นานาชาติเนี่ยเข้าไปให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ปุ๊บบรรยากาศมันเริ่มเหมือนกับคลี่คลาย แล้วก็รัฐบาลทหารก็ เป็นจุบที่ทำได้ แล้วก็ในรัฐธรรมนูญของเมียนมา ไม่จำเป็นต้อง จัดการเลือกตั้งให้ได้ทั้งประเทศ จัดการเลือกตั้งเท่าที่จัดได้ทั้งประเทศเขาหมดสิทธิ์เลย ซึ่งหลายคนก็งงว่าจะ จัดการเลือกตั้งได้ไง ดิฉันก็เพิ่งทราบว่ารัฐธรรมนูญเมียนมา เขาไม่ต้องจัดเลือกตั้งทั้งประเทศก็ได้ เขาก็จัดเท่าที่จัดได้ แล้วก็ชนะแล้ว มินอ่องหลายเป็นรัฐบาลต่อ ซึ่งถ้าจัดเท่าที่จัดได้ มินอ่องหลายได้อยู่แล้ว เพราะว่าพื้นที่ที่เขาจัดไม่ได้ก็คือพื้นที่มินอ่องหลาย จะไม่ชนะ มันก็เลยจัดไม่ได้ เพราะว่าเป็นพื้นที่ ในกลุ่มกองกำลังของฝ่ายต่อต้าน มันก็เลยจัดไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าจัดการเลือกตั้ง มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามินอ่องหลายก็จะชนะ แล้วกลุ่มชาติพันต์ต่างๆ ก็จะถูกทิ้ง เอาไว้กลางคันเหมือนเดิม ซึ่งมันก็จะเห็นได้ชัดว่า  การเร่งรัดไปสู่การเลือกตั้ง แบบที่ดูเหมือนกำลังเป็นอยู่ ที่คุยๆกันเยอะๆ แล้วก็ถึงกลับเชิญมินอองหลายมา แล้วก็ตามด้วยการพูดคุยกัน มันเป็นไปได้ว่ามันจะมีความพยายาม ผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว ความกังวลของฉันก็คือ การเลือกตั้งโดยเร็ว มันฟังดูดีทุกคนก็ชอบอยู่แล้ว เลือกตั้งเสร็จสำคัญ จบ Happy Ending ซึ่งนั้นคือนิยาย ในเรื่องจริงมันไม่ง่ายแบบนั้น ถ้าเป็นไปตามแผนเร่งรัดจัดการเลือกตั้ง แล้วไม่สามารถรวมเอากลุ่มชาติพันธ์ เข้ามาสู่ระบบการเลือกตั้งได้ อย่าลืมว่าตอนครั้งเลือกตั้งหลัง นาคิส ที่ประชามติผ่านรัฐธรรมนูญเสร็จ แล้วจัดการเลือกตั้งกัน กลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ เข้าสู่การเลือกตั้ง เข้าสู่การเลือกตั้งทั้งหมดเลย ก็ได้ออกมาเป็นรัฐบาลที่หน้าตาก็ดูดีพอสมควร 

แต่ว่าครั้งนี้มันจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร เพราะว่า กลุ่มกองกำลังชาติพันธ์ต่างๆ เขายึดครองพื้นที่ครึ่งประเทศ เขามาไกลมากเกินกว่าที่จะถอยกลับไป ยอมอยู่ภายใต้รัฐบาล เขาไม่ไหวแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราจะยังไม่เห็นว่า การเดินหน้าเพื่อ ไปสู่การจัดการเลือกตั้งโดยเร็ววัน มันจะนำไปสู่การยุติสงครามได้อย่างไร ซึ่งถ้ายุติสงครามไม่ได้ แล้วมันจะทำให้เกิดผลประโยชน์ กับประเทศไทยได้อย่างไร 

เพราะว่าเดินพันของประโยชน์ประเทศไทย มันขึ้นอยู่กับว่า สงครามต้องยุติเท่านั้น มันไม่ใช่นะคะ มันไม่ใช่ว่ามินอ่องหลาย ได้เป็นรัฐบาลโดยชอบธรรม แล้วประเทศไทยจะได้ประโยชน์ ไม่ใช่ !!!❌❌💯

#ประเทศไทยจะได้ประโยชน์เมื่อสงครามยุติ เพราะว่าเมื่อสงครามยุติ  ✅การค้าชายแดนจะกลับมาเปิดได้อีกครั้ง อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่ครึ่งครึ่งกลางกลางแบบวันนี้  ✅ผู้ลี้ภัยต่างๆ ก็ไม่ต้องมาอออยู่ที่ชายแดนไทย ไม่เป็นภาระกับระบบสาธารณสุขของเรา  ✅แรงงานที่หนีเรื่องเกณฑ์ทหารหนีอะไรมา และบางส่วนก็จะได้กลับไป  ✅ส่วนที่ทำงานอยู่แล้วก็จะได้อยู่อย่างมีเอกสารถูกต้อง ✅✅ทั้งหมดนี้มันจะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีสงคราม 

❌❌ไม่ใช่เกิดขึ้นเมื่อมินอ่องหลายได้ กลับมาเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม 

เพราะฉะนั้นดิฉันจึงคิดว่า เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ต้องถามว่า ตกลงทำไปประชาชนคนไทยได้อะไร หรือทำไปเพื่อเอาใจมหาอำนาจบางประเทศเท่านั้น โดยที่เราก็ไม่รู้เหมือนกัน  ว่าทำไปแล้ว ประเทศไทยได้อะไร เหมือนการส่งอุยกูย์กลับ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปแล้ว ประเทศไทยหรือคนไทยได้อะไร ถูกไหมคะ 

นี่ดิฉันไม่ได้พูดเพื่อปกป้องคนเมียนมาเลย นี่ที่ฉันกำลังพูดแล้วคิดว่า แล้วที่เราไปเป็นตัวตั้งตัวตีจะผลักดัน ให้เลือกตั้งเร็วๆเพื่อฟอกข่าวมินอ่องหลาย คนไทยได้อะไร ถ้าสงครามไม่หยุด 

ถูกค่ะถ้าสงครามไม่หยุดคนไทยก็ไม่ได้อะไร 

โอเค เป็นโจทย์ใหญ่คือกระบวนการและเส้นทาง เหมือนจะดีแล้ว แต่ว่าปลายทางเริ่มจะมีคำถามค้างอยู่ 

คือเรื่องนี้มันอธิบายยาก เพราะว่าถ้าพูดว่า เปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย จากการเลือกตั้ง ใครๆก็ชอบใช่ไหมคะ แต่ถ้าอธิบายให้เห็นเนื้อในของมัน มันก็จะเห็นว่า อันนี้มัน ไม่ใช่กระบวนการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย เพื่อจบสงคราม  มันเป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านให้เกิดการเลือกตั้ง เพื่อฟอกมินอ่องหลาย เป็นครั้งสุดท้าย โอกาสสุดท้ายที่ถูกหยิบยื่นให้

สรุปการหยิบยื่นให้ในลักษณะนี้นะ ไอ้ปัญหาสแกมเมออะไรต่างๆ ที่มันเป็นผลพวง ที่เกิดจากสงครามกลางเมืองเมียนมา มันก็ไม่มีอะไรจบสักอย่างเลย 

แล้วเราก็เลยไม่รู้ว่า แล้วเราจะไป ส่งเสริมสันติภาพในประเทศเพื่อนบ้านเรา ให้มันได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อเราจะไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากแบกรับจ๊อบมา ทำให้เสร็จเฉยๆ เพราะว่ามหาอำนาจต้องการ 

โอเค เป็นโจทย์ยาก คือเขาอาจจะมีโจทย์ไม่เหมือนเรา คนที่ทำก็อาจจะมีโจทย์หนึ่ง แต่เราในฐานะของคนไทย เห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเรา แล้วก็เป็นอีกโจทย์หนึ่ง ก็ที่ฉันบอกเลยว่าที่ฉันเห็นด้วยอย่างมาก และจะชื่นชมอย่างมาก ถ้ารัฐบาลไทยเล่นบทพีชโฟร์โมเตอร์ peace Promoterในการส่งเสริม การเปลี่ยนผ่านสันติภาพ ของเมียนมาจริงๆ จริงๆนะ ที่ไม่ใช่การฟอกขาวมินอ่องหล่าย เพราะว่าเนี่ยจะเป็นสิ่งที่คนไทย ได้ประโยชน์จริงๆ ถ้ายุติสงครามในเมียนมาได้ มันจะมีสถานการณ์ชายแดน อะไรต่างๆ รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหายาเสพติด มันจะดีขึ้นเยอะมาก ยาเสพติดที่มันล้น ๆเมืองอยู่ มันก็เกิดจากสูญญากาศ จากสงครามกลางเมือง มันก็ทำให้เกิดโรงงานยาเสพติดเต็มไปหมด 

Related Link

https://www.youtube.com/watch?v=-y1o5tgerZY




หลังสงกรานต์แล้วเราต้องโฟกัสเรื่องอะไรต้องเตรียมรับมือกับอะไร?🤔🤔⁉️

เรื่องใหญ่ที่สุดก็ยังคงเป็นเรื่องของทรัมป์ทารีฟ  ถึงแม้ว่าเราได้พักยก 3 เดือนก็จริง แต่มันก็ขึ้นมาแล้ว 10% และถ้าการเปิดฉากปะทะระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนเต็มรูปแบบจะกระทบไทยแน่นอน ถ้าสินค้าจีนเข้าอเมริกาโดนภาษีนำเข้า 145% (ล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 245%)มันเข้าอเมริกาไม่ได้อยู่แล้วแน่นอนดังนั้นสินค้าจีนทะลักไปทุกทิศทุกทาง และ #ทิศทางใหญ่ที่จะทะลักเข้ามาก็คือทางประเทศไทย 👉🇹🇭 🇹🇭👈

คุณเตรียมใจไปได้เลยว่า 3 เดือน 6 เดือนหลังจากนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย (โดยที่ยังไม่ได้โดนเก็บภาษีจากอเมริกาเลยนะ) แค่ผลกระทบทางอ้อมที่ #จีนกับอเมริกาเขาประกาศศึกกัน คุณจะมี #ผู้ประกอบการไทย จำนวนมากที่อยู่ไม่ได้ ถึงขั้น #ล้มละลาย ปิดโรงงานเลิกจ้าง เพราะคุณ #สู้กับสินค้าจีนไม่ได้ ในช่วงปี 2 ปีที่ผ่าน ถ้าคุณคุยกับผู้ประกอบการไทยจำนวนมาก ก็ #ปิดโรงงานหนีของจีนไปเยอะมากแล้ว เพราะว่าเขา #ทำราคาสู้ไม่ได้จริงๆ ก็ต้องพายแพ้ไป และเราจะเห็นปรากฏการณ์นั้นมากขึ้นเรื่อยๆ 

แล้วสถานการณ์แบบนี้ มันจะกระทบไปถึงเศรษฐกิจรากหญ้าจริงๆ ในเมื่อคนถูกเลิกจ้าง คนที่จะไปจับจ่ายใช้สอยในตลาด ในร้านค้าต่างๆ ก็ไม่มี #จะมีคนตกงาน มันจะทำให้เศรษฐกิจไทย #ซึมยาวจริงๆ นี่ไม่นับว่าเราจะโดนเก็บภาษี 30 กว่าเปอร์เซ็นต์หรือเปล่านะ ❓🤔🤔 นี่ไม่นับเลยนะ เอาแค่ผลพวงที่จะเกิดขึ้น จากการที่จีนกับอเมริกาเปิดศึกกัน (ซึ่งดูไม่จบง่ายๆแน่นอน) ไม่นับกับ #สินค้ายานยนต์ ซึ่งโดนขึ้นภาษีไปแล้วก่อนนั้นมี 25% ซึ่งก็เป็นภาคการผลิตที่ใหญ่ของประเทศไทยเช่นเดียวกัน 

เพราะฉะนั้น ไตรมาศที่ 2-3-4 ของปีนี้ ยังไงประเทศไทยก็แย่ คุณอาจจะคิดว่าไตรมาศแรกที่ว่าแย่แล้ว ไตรมาศ2-3-4 นี่จะหนักกว่ามากๆ ☹️😢
อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทย  #มีเงินแล้วเก็บเงินไว้ ถ้า #มีงานรักษาไว้ให้มั่น เพราะว่าเชื่อว่าปีนี้ เราจะเจอ #การเลย์ออฟ(เลิกจ้างงาน) ครั้งใหญ่แน่นอน😭😢


อีกจุดหนึ่งซึ่งหลายคนก็พยายามจะชี้ อย่างนักวิชาการหลายคนที่ผมคุยบอกว่า ไทยเราต้องมีท่าที ไทยเราต้องเป็นคนเจรจาหรือเปล่า เพราะด้วยความที่เป็นประเทศที่มีชายแดนติดแล้วยาวที่สุด มันเป็นโอกาสใช่ไหม อย่างล่าสุดที่มีมินอ่อง หล่าย มา แล้วคุณทักษิณก็บอกว่า ผมได้ไปคุยมาแล้ว เขาไปรับฟังดีนะอะไรอย่างนี้ 


ช่อ ปัญหาเมียนม่าเนี๊ยะ ต้องพูดแบบนี้ก่อนนะคะ

เอาเรื่องใกล้ตัวที่สุด นายกอันวาจามาไทย 17 นะคะ ใช่ไหมคะ ที่ประกาศไว้คือวันที่ 17 เมษา ก็คือเปิดราชการมาเลย แต่ของเราพอดีก่อนหน้านี้ติดวันหยุดราชการ ก็เป็น 17 เมษา 

ดิฉันเชื่อว่า ประเด็นสำคัญแรกเริ่ม ไม่น่าใช่ประเด็นทรัมป์ tariff  แต่ว่าในมื่อมาแล้วก็คงได้คุยกัน 


แต่ประเด็นหลักจริง ๆ คือเรื่องเมียนม่า จริง ๆ เป็นที่ทราบกัน ตั้งนานแล้ว ว่ามาเลเซีย ในการรับตำแหน่งประธานอาเซียน นายกอันวามีความมุ่งหมายสำคัญมาก อยู่สองเรื่อง ในการที่จะ ต้องการให้มาเลเซียเป็น Peace Promoter ก็คือเป็นผู้ส่งเสริมสันธิภาพ ภายในภูมิภาค 


คำว่าสันธิภาพภายในภูมิภาค มีสอง Hot Spot สองจุดใหญ่ ก็คือเมียนมากับชายแดนใต้ ถ้าลองย้อนกลับไปสมัยของคุณเศรษฐานี่ คุณเศรษฐากับนายกอันวา เป็นสองผู้นำที่เจอกันมากที่สุด ถ้าดิฉันจำไม่ผิดนะ 8 ครั้ง ในเวลาไม่ถึง 1 ปี ที่คุณเศรษฐานเป็นนายก เจอกัน 8 รอบ เจอกัน 8 รอบ ขออภัยนะ ถ้าไม่ 7 ก็ 8 ประมาณนี้ คือเยอะมาก เพราะฉะนั้น แปลว่าอะไร แปลว่านายกอันวาทราบดีว่า ไม่ว่าจะเป็นสันติภาพชายแดนใต้ หรือสันติภาพเมียนมา ล้วนแล้วแต่ มีไทยเป็นผู้เล่นหลัก ในเรื่องสันติภาพชายแดนใต้ ชัวร์อยู่แล้ว เพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ส่วนในเรื่องเมียนมาก็แน่นอน เพราะว่าไทยเองเป็นผู้ที่มีบทบาท ไม่ใช่เฉพาะเรื่องชายแดนติดกัน ซึ่งเรื่องสันติภาพ แต่ว่าไทยค่อนข้างมีสายสัมพันธ์อันดี กับรัฐบาลทหารเมียนมา ในขณะเดียวกัน ก็มีความใกล้ชิดกับ กลุ่มกองกำลังชาติพันธ์ต่าง ๆ ก็คือเป็นผู้ที่มีบทบาท ที่จะเจรจากับทุก ๆ ฝ่ายได้ นั่นเอง 


ทีนี้เรื่องชายแดนใต้จะตัดออกไป จะไม่พูดเพราะว่าจะยาว และอีกเหตุเหตุผลนึงก็คือ เรื่องชายแดนใต้ ที่ฉันก็ขออนุญาตพูดเลยว่า นายกอันวายพยายามผลักดันมาเป็นปี และไม่เห็นความกระเตื้องจากฝั่งไทย ก็เลยเหมือนกับว่า ก็เลยอาจจะรู้สึกว่า ถ้างั้นเราก็คงผลักดันอะไรต่อไม่ได้แล้ว มันก็เลยเหลือเรื่องเมียนม่า 


พอเหลือเรื่องเมียนมาเข้ามา ก็เหตุที่มินอองไหลมาไทย จริง ๆ หลายซับหลายซ้อน แต่ว่า ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของตัวฉันก็คือ มินอองไหลไป ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เขาไปเยือนต่างประเทศน้อยมาก ในฐานะผู้นำประเทศการทหาร เขาไปจีน พฤษจิกายนที่ผ่านมา เขาไปรัสเซีย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แล้วเขาก็มาไทย คำถามคือ มีนัยยะอะไร ในประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ ที่มินอ่องไหลไป มีนัยยะแน่นอน 


การไปจีนในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ถูกนานาชาติมองว่า เป็นความพยายามครั้งสุดท้าย ของจีน ไม่ใช่ของมินอองไหล ของจีนที่จะให้โอกาสมินอองไหล คือจีนกับรัฐบาลทหารเมียนมา เป็นความสัมพันธ์ที่หวานอมขมกลืนมาก คือจีนเองก็อยากให้เกิดสันติภาพ เพราะว่าก็ชายแดนติดกันเหมือนกัน และก็มีผลประโยชน์เยอะนะคะ ทั้งเมือง ทั้งอะไรต่างๆ โรงงานอะไรเขาเนี่ย ก็อยู่ในเมียนมาเยอะ มันก็ไม่มีประโยชน์กับใครเลย ที่มันมีสงครามอยู่แบบนี้ ผลประโยชน์ของจีนกระทบกับการ บริหารความมั่นคงชายแดน ของจีนเองด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นจีนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่อยากจะ ยุติสงคราม ให้สงบในเมียนมา แต่กับมินอองไลน์ก็หวานอม ขมกลืน เหมือนกับว่ามันไม่จบไม่สิ้นสะที และก็เรียกว่า Reputation  เครดิตของรัฐบาลทหารเมียนมา มันก็ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ จนจีนก็ปวดหัวนะคะ เพราะฉะนั้นในปลายปีที่ผ่านมา มันเป็นความเป็นที่มองกัน มันอาจเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่จีนรู้สึกว่า “เอ้า ลองกับ มิน อองไลน์ ดูอีกสักตั้งนึง ว่าเราจะทำยังไงกับเมียนมาได้บ้าง 


แล้วหลังจากนั้นการไปรัฐเซีย ก็คงเป็นความพยายามในการ Diversify (กระจายความเสี่ยง) หมายความว่า พยายามจะคบกับมหาอำนาจที่ยอมคบกับเขา แต่ว่าเรื่องรัฐเซีย มันเป็นการไปทำ MOU ด้านพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งบางคนก็บอกว่า เป็นการพยายามที่ไปถ่วงดุลอำนาจอะไรบางอย่างหรือเปล่า งั้นเราก็ตัดเรื่องรัฐเซียไปจะยาวเกินไป


ข้ามกลับมาที่ประเทศไทย แต่เรื่องรัฐเสียนี้เป็นที่กังวลกันเยอะ เรื่องการทำ MOU เรื่องนิวเคลียร์ ซึ่งมันก็เหมือนกับการดึงรัสเซียเข้ามาในความขัดแย้งมันอะไรกันหรือจะแถว่าเป็นเรื่องของโรงไฟฟ้าอะไรมันก็ไม่มีความปลอดภัยใช่ไหม เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ยิ่งทำให้เกิดความจำเป็นมากขึ้น ที่ทุกฝ่ายจะรู้สึกว่าสงครามในเมียนมาต้องยุติได้แล้ว ทีนี้แล้วเกี่ยวอะไรกับประเทศไทย ก็ย้อนกลับไปเรื่องเดิม 


ไทยเป็นคนที่ถูกมองตรงกันจากทุกๆฝ่าย ว่าถ้าจะมีการเอาเรื่องเมียนมาเข้าโต๊ะเจรจา เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนผ่าน เป็น Democratic Transition ยังไงก็ต้องให้ไทยเป็นคนทำ เพราะเขาคุยกันไม่ได้ เพราะว่าคืออยู่ดีๆ จีนจะมาทำเหรอ มันก็ในทางการพูดมันลำบากอยู่ อธิบายยาก มันอธิบายยากอยู่ว่าจีนมาจากไหน 


แต่ไทยนี่คือได้แน่นอนว่า เฮ้ยเรื่องของคุณกระทบชายแดนเรานะ เราก็เป็นเพื่อนกันมานาน แม่ทัพนายกองเราก็รู้จักกันหมด กลุ่มชาติพันธ์เราก็รู้จัก รัฐบาลทหารเราก็รู้จัก มันเข้าใจได้ แล้วคนงานของคุณเป็นล้านคนมาทำงานอยู่ในประเทศเรา อะไรแบบนี้ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นในทางหนึ่ง ก็อาจจะเป็นแรงผลักดันจากหลายๆฝ่าย รวมถึงจีนที่ต้องการให้เกิด การเลือกตั้งเร็วๆ ทีนี้ถ้าจะให้เกิดการเลือกตั้งเร็วๆ ทำยังไง ก็ต้องทำให้คุยกันให้ได้ เพื่อเกิดการเลือกตั้ง ก็จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมรัฐบาลไทย จึงเลือกที่จะเชิญ มิน อ่อง หลายมาใน??win step  ไม่ต้องพูดนะคะ บินสติกก็ต้องเชิญเมียนม่ามา ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้รับเชิญเลย มันมีตั้งหลายประชุม ที่เมียนมาจะต้องไป แต่ก็ไม่ได้ไป หรือว่าเขาอาจจะเป็นแค่ระดับตัวแทน ที่ไม่ใช่ระดับมิน อ่อง หลาย มา ก็มีเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นมันเป็นความตั้งใจออกแบบ เพื่อที่จะปูทางไปสู่ การพูดคุยเจรจา หยุดยิงแล้วก็การเลือกตั้ง ปัญหาก็คือ เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นว่า เอามิน อ่อง หลายมาแล้วก็จะ ทุกฝ่ายแฮปปี้แล้วก็หยุดยิง แล้วก็เลือกตั้ง ถ้าง่ายแบบนั้นมันก็จบไปนานแล้ว 


มิน อ่อง หลายมา ก็เกิดเรื่องที่น่าอับอายขายหน้ามากของเรา ก็คือ ดิชั้นจะไม่คัดค้าน ถ้ามีมิน อ่อง หลาย มาบนเงื่อนไข ที่ว่า

ก่อนอื่นคุณหยุดยิง เพื่อที่เราจะเชิญคุณมา และมันจะได้ปูทางนะคะ 

พอหยุดยิงไปสู่การเจรจาได้ ปรากฏว่าอะไรฮะแผ่นดินไหวนะ คนตายไปหลายพัน มิน อ่อง หลาย ไม่หยุดยิง จนกระทั่งกลุ่มกองกำลังฝ่ายต่อต้านทั้งหมด ประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียว ผ่านไปหนึ่งวัน มีนองหลายถึงหยุดยิง ส่วนหนึ่งก็เกิดเรื่องเรื่อง เกิดราวที่ยิงใส่หน่วยกาชาดจีนด้วย ซึ่งจีนไม่พอใจมากนะคะ ว่าคุณบ้าหรือเปล่า คุณไปยิงใส่หน่วยกาชาดเขา ที่กำลังลำเลียงยาลำเลียงสิ่งของ ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่ ก็เหมือนจะดี มิน อ่อง หลาย ประกาศหยุดยิงได้วันเดียว พอเครื่องบินแตะถึงพื้นเมืองไทย #ยิงต่อเลย คือแบบนี้มันรับไม่ได้นะ คือรู้ไหม คุณอุตส่าห์ ยอมรับรองผู้นำของประเทศเพื่อศาลอาญาระหว่างประเทศด้วย มีการขอออกหมายจับอยู่ใช่ไหมคะหยุดยิงปลอมมันเป็นเรื่องใหญ่มาก คือเวลาที่คุณประกาศหยุดยิง ถึงเวลาแล้วคุณไม่หยุดยิง มันทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจอะไรต่างๆ ทั้งในประเทศเขาเอง ในระดับ นา นาประเทศ มันเสียหายไปหมด แล้วกลายเป็นว่า บทที่เราควรจะได้เล่น ในการที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เชิญมาแล้วเขาหยุดยิง แล้วก็จะได้ปูทาง ไปสู่การเจรจาขั้นตอนต่อไป ขั้นแรกเริ่มสุดซึ่งมันต้องหยุดยิง มันก็พังทะลายไปตั้งแต่ตอนนั้น กลายเป็นว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทร โมธี ของอินเดีย ที่เป็นผู้ที่นัดบายแลต ก็คือพบธวิภาคี กับมีนองหลายเหมือนกัน ที่บินเซ็กที่ประเทศไทย กลายเป็นคนที่ได้บทนั้นว่า เป็นคนที่พูดเสียงแข็งกับมีนองหลาย ว่าคุณต้องหยุดยิง กลายเป็นนายกรัฐมนตรีนเรนทร โมที ของอินเดีย ที่มาได้ seen ในการจัดประชุมบินเซ็ก ของประเทศไทย ทั้งๆที่ไทยควรจะได้seen นี้ เพราะเราเป็นเจ้าภาพ แล้วถ้ามาถึงแล้ว คือคุณไม่ต้องกังวล ว่าคุณต้องเป็นเจ้าภาพแสนดี เงียนมากเป็นประเทศที่มีสงครามอยู่ แล้วก็เป็นที่จับจ้อง คือถ้าเกิดว่ามาถึงแล้วหยุดยิง แล้วไม่หยุดยิงจริง แล้วเพิ่งเกิดไพพิบัติกับคนตายเป็นพันๆ ยังเก็บศพกันไม่เสร็จแล้วคุณยิงต่อ แล้วคุณไม่ได้ยิงอย่างเดียวนะ คุณทิ้งระเบิดในเขตสกาย ที่มันเขตสงครามแห่งมิวไว ที่เขายังเก็บปูซากสบกันอยู่เลย แต่คุณก็ไปทิ้งระเบิดต่อ มันโดยสภาพแล้ว มันไม่ใช่แค่เป็นความเสียหาย ทางมนุษยธรรมอย่างเดียว แต่มันเป็นความเสียหายต่อเครดิตของผู้ที่เชิญมาด้วย เพราะฉะนั้นแค่เริ่มต้น มันก็แปลกประหลาดมากแล้ว แล้วยิ่งคุณทักษิณมาพูดตอนหลังอีก คือพูดหลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์แล้ว ว่าได้พบกับมิน อ่อง หลาย จริง อันนี้มันก็ชัดเจน ว่าที่เราพูดไปตอนต้น แต่ว่ามันเหมือนกับเป็นการพูดหลังฉากอยู่ มันก็คือเรื่องจริง การเชิญมิน อ่อง หลายมาครั้งนี้ ไม่ใช่เชิญมาประชุมวินเศษ เป็นการเชิญมาเพื่อ ปูทางไปสู่การเจรจา และการเลือกตั้ง ภายในปีหน้า นี่ก็เป็นที่ทราบกันว่า เป้าหมายของมหามนา ก็คือต้องการให้เกิดการเลือกตั้งอย่างช้า ภายในปีหน้า ซึ่งไทยเองก็ได้รับ ได้รับหมอบบทบาท ว่าจะต้องเป็นตัวกลาง ในการทำหน้าที่นี้ เพราะฉะนั้น มันก็เห็นใช่ไหมคะ ว่า ก็จริงก็คือที่เชิญมิน อ่อง หลายมา แล้วก็คุณทักษิณได้พูดคุย ก็คือการพูดคุยเรื่องนี้ การที่นายก อันวาจะมาวันที่ 17 ฉันก็เชื่อว่าเรื่องใหญ่จริงๆ เรื่องหนึ่งก็คงจะเป็นเรื่องนี้นั่นแหละ ก็ที่คุณอันวาตั้งคุณทักษิณ เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จริงๆก็เพราะว่าเพื่อเสริฟ วัตถุประสงค์หลักของเขาที่บอกว่า เขาต้องการเป็นผู้ส่งเสริมการ สร้างสันติภาพในสองจุดฮอทสปอร์ตของอาเซียน ก็คือสันติภาพชายแดนใต้กับเมียนมา ซึ่งทั้งสองเรื่องก็ เกี่ยวพันกับคุณทักษิณ จริงๆหลายท่านนั้นไม่ทราบว่า คุณทักษิณเองก็ได้พูดคุยกับ ผู้นำกลุ่มชาติพันต์ต่างๆ ไปแล้วนอกรอบด้วย เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นบทบาทของคุณทักษิณ ในการที่พยายามจะเป็นพีชโปรโมเตอร์ Peace Promoter โดยเฉพาะในเรื่อง ในเรื่องเมียนมา ในเรื่องสันติภาพใส่แดนใต้ มียังนิ่งๆอยู่ อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ว่าในเรื่องเมียนมาก็จะเห็นปฏิบัติที่ชัดเจน ที่ฉันก็จะไม่อยากกลับไปพูดแล้ว ว่าคุณทักษิณมีสถานะอะไร  เรามาพูดเนื้อหาไปเลยก็แล้วกันว่า บทบาทคุณทักษิณ มันจะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อรัฐบาลไทย

อันที่จริงถ้าพูดไม่ภาพกว้างภาพใหญ่เนี่ยถ้าเราทำสำเร็จมันก็จะเป็นเรื่องดีเป็นเครดิตให้กับประเทศชาติในภาพรวมทั้งหมด ถ้ามีการหยุดสงครามได้เราก็จะได้ผลประโยชน์ได้ด้วยไม่มีการทะลักเข้ามาของผู้หนีภัยไม่ต้องคอย support ผู้ลี้ภัยโรงพยาบาลอะไรก็ไม่ต้องรับผู้ที่เจ็บป่วยต้องข้ามหนีมา ทั้งคนโดนยิงทั้งคนป่วยอีก มันจะยิ่งบานปลายมากมากเลย แรงงานบางส่วนที่เขาทำงานอยู่ในบ้านเรามันหนาแน่นพอเหตุการณ์สงบเขาก็อาจจะกลับไปทำงานบ้านเขาสรุปถ้าสงครามจบด้วยภาพรวมมันได้อยู่แล้วทุกฝ่ายได้หมดเลยดีกับทุกฝ่ายหมดเลย ที่นี่มาพูดถึงการผลักดันให้มีการเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนผ่านให้มีประชาธิปไตย ถ้าเป็นไปตามแผนของมหาอำนาจอันดับ 1 แล้วมันจะไม่จบสวยแบบนั้น จริง ๆ มันคือการพยายามฟอกขาว มิน อ่อง หลาย ผ่านการเลือกตั้งแล้วก็ให้มิน อ่อง หลาย บริหารประเทศไปอย่างถูกต้องชอบธรรม 

ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นสงครามมันจะไม่จบง่ายๆมันจะยิ่งบานปลายยิ่งกว่าเดิมดิฉันได้คุยกับเพื่อนในแวดวง แวดวงนักการทูตเนี่ย หลายคนต่างประเทศนะ หลาย ๆ คนบอกว่า เอาจริง ๆ บัญญากาศของเมียนมากตอนนี้ เหมือนตอนนากีส ตอนที่เกิดพายุนาคีส ใช่ไหมฮะ แล้วก็มันเป็นภัยพิบัติใหญ่มาก มีผู้เสียชีวิตเป็นเหมือนกันนี้หลักพันหลักหมื่นคน แล้วก็บ้านเมืองแบบพินาศสันตะโรสุด ๆ ไปเลย แล้วมันก็เลยนำไปสู่การที่ เริ่มเกิดการคลี่คลายบรรยากาศทางการเมือง สุดท้ายนี่นำไปสู่การที่ รัฐบาลทหารในตอนนั้น มีการจัดการประชามติ อะไรแบบเนี้ยนะคะ แล้วก็นำไปสู่การจัดการ เลือกตั้ง ซึ่งมันก็เป็น มันก็เป็นการคลี่คลาย ระดับหนึ่งทางการเมือง แม้ว่าสุดท้ายก็นำไปสู่การรัฐประหาร รอบหนึ่งที่เป็นรอบปัจจุบันนี้ แต่ว่า บรรยากาศมันคล้ายๆ ก็คือบ้านเมืองเกิดภัยพิบัต เสร็จปุ๊บมันก็เป็นช่องให้ นานาชาติเนี่ยเข้าไปให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ปุ๊บบรรยากาศมันเริ่มเหมือนกับคลี่คลายแล้วก็รัฐบาลทหารก็ เป็นจุบที่ทำได้ แล้วก็ในรัฐธรรมนูญของเมียนมา ไม่จำเป็นต้อง จัดการเลือกตั้งให้ได้ทั้งประเทศ จัดการเลือกตั้งเท่าที่จัดได้ ทั้งประเทศเขาหมดสิทธิ์เลย ซึ่งหลายคนก็งงว่าจะจัดการเลือกตั้งได้ไง ดีฉันก็เพิ่งทราบว่ารัฐธรรมนูญเมียนมา เขาไม่ต้องจัดเลือกตั้งทั้งประเทศก็ได้ เขาก็จัดเท่าที่จัดได้ แล้วก็ชนะแล้ว มินอ่องหลายเป็นรัฐบาลต่อ ซึ่งถ้าจัดเท่าที่จัดได้ มินอ่องหลายอยู่แล้ว เพราะว่าพื้นที่ที่เขาจัดไม่ได้ก็คือพื้นที่มินอ่องหลายจะไม่ชนะ มันก็เลยจัดไม่ได้ เพราะว่าเป็นพื้นที่ ในกลุ่มกองกำลังของฝ่ายต่อต้าน มันก็เลยจัดไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าจัดการเลือกตั้ง มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามินอ่องหลายก็จะชนะ แล้วกลุ่มชาติพันต์ต่างๆ ก็จะถูกทิ้ง เอาไว้กลางคันเหมือนเดิม ซึ่งมันก็จะเห็นได้ชัดว่า การเร่งรัดไปสู่การเลือกตั้ง แบบที่ดูเหมือนกำลังเป็นอยู่ ที่คุยๆกันเยอะๆ แล้วก็ถึงกลับเชิญมินอองหลายมา แล้วก็ตามด้วยการพูดคุยกัน มันเป็นไปได้ว่ามันจะมีความพยายาม ผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว ความกังวลของฉันก็คือ การเลือกตั้งโดยเร็ว มันฟังดูดีทุกคนก็ชอบอยู่แล้ว เลือกตั้งเสร็จสำคัญ จบ Happy Ending ซึ่งนั้นคือนิยาย ในเรื่องจริงมันไม่ง่ายแบบนั้น ถ้าเป็นไปตามแผนเร่งรัดจัดการเลือกตั้ง แล้วไม่สามารถรวมเอากลุ่มชาติพันธ์ เข้ามาสู่ระบบการเลือกตั้งได้ อย่าลืมว่าตอนครั้งเลือกตั้งหลัง นาคิสที่ประชามติผ่านรัฐธรรมนูญเสร็จ แล้วจัดการเลือกตั้งกัน กลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ เข้าสู่การเลือกตั้ง เข้าสู่การเลือกตั้งทั้งหมดเลย ก็ได้ออกมาเป็นรัฐบาลที่หน้าตาก็ดูดีพอสมควร แต่ว่าครั้งนี้มันจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร เพราะว่ากลุ่มกองกำลังชาติพันธ์ต่างๆ เขายึดครองพื้นที่ครึ่งประเทศ เขามาไกลมากเกินกว่าที่จะถอยกลับไป ยอมอยู่ภายใต้รัฐบาล เขาไม่ไหวแน่ๆ เพราะฉะนั้นเราจะยังไม่เห็นว่า การเดินหน้าเพื่อ ไปสู่การจัดการเลือกตั้งโดยเร็ววัน มันจะนำไปสู่การยุติสงครามได้อย่างไร ซึ่งถ้ายุติสงครามไม่ได้ แล้วมันจะทำให้เกิดผลประโยชน์กับประเทศไทยได้อย่างไร 


เพราะว่าเดินพันของประโยชน์ประเทศไทย มันขึ้นอยู่กับว่าสงครามต้องยุติ มันไม่ใช่นะคะ มันไม่ใช่ว่ามินอ่องหลายได้เป็นรัฐบาลโดยชอบธรรม แล้วประเทศไทยจะได้ประโยชน์ ไม่ใช่ !!!


#ประเทศไทยจะได้ประโยชน์เมื่อสงครามยุติ เพราะว่าเมื่อสงครามยุติ การค้าชายแดนจะกลับมาเปิดได้อีกครั้ง อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ใช่ครึ่งครึ่งกลางกลางแบบวันนี้ ผู้ลี้ภัยต่างๆ ก็ไม่ต้องมาอออยู่ที่ชายแดนไทย ไม่เป็นภาระกับระบบสาธารณสุขของเรา แรงงานที่หนีเรื่องเกณฑ์ทหารหนีอะไรมา และบางส่วนก็จะได้กลับไป ส่วนที่ทำงานอยู่แล้วก็จะได้อยู่อย่างมีเอกสารถูกต้อง ทั้งหมดนี้มันจะเกิดขึ้นเมื่อไม่มีสงคราม ไม่ใช่เกิดขึ้นเมื่อมินอ่องหลายได้กลับมาเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรม เพราะฉะนั้นดิฉันจึงคิดว่า เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่อง ที่ต้องถามว่า ตกลงทำไปประชาชนคนไทยได้อะไร หรือทำไปเพื่อเอาใจมหาอำนาจบางประเทศเท่านั้น โดยที่เราก็ไม่ดูเหมือนกัน เหมือนการส่งอุยกูย์กลับ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปแล้ว ประเทศไทยหรือคนไทยได้อะไร ถูกไหมคะ นี่ดิฉันไม่ได้พูดเพื่อปกป้องคนเมียนมาเลย นี่ที่ฉันกำลังพูดแล้วคิดว่า แล้วที่เราไปเป็นตัวตั้งตัวตีจะผลักดัน ให้เลือกตั้งเร็วๆเพื่อฟอกข่าวมินอ่องหลาย คนไทยได้อะไร ถ้าสงครามไม่หยุด ถูกค่ะถ้าสงครามไม่หยุดคนไทยก็ไม่ได้อะไร โอเค เป็นโจทย์ใหญ่คือกระบวนการและเส้นทางเหมือนจะดีแล้ว แต่ว่าปลายทางเริ่มจะมีคำถามค้างอยู่ 


คือเรื่องนี้มันอธิบายยาก เพราะว่าถ้าพูดว่าเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย จากการเลือกตั้งใครๆก็ชอบใช่ไหมครับ แต่ถ้าอธิบายให้เห็นเนื้อในของมัน มันก็จะเห็นว่า อันนี้มันไม่ใช่กระบวนการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย เพื่อจบสงคราม มันเป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านให้เกิดการเลือกตั้ง เพื่อฟอกมินอ่องหลาย เป็นครั้งสุดท้าย โอกาสสุดท้ายที่ถูกหยิบยื่นให้


สรุปการหยิบยื่นให้ในลักษณะนี้นะไอ้ปัญหาสแกมเมออะไรต่างๆ ที่มันเป็นผลพวง ที่เกิดจากสงครามกลางเมืองเมียนมา มันก็ไม่มีอะไรจบสักอย่างเลย แล้วเราก็เลยไม่รู้ว่า แล้วเราจะไปส่งเสริมสันติภาพในประเทศเพื่อนบ้านเรา ให้มันได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อเราจะไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากแบบรับจ๊อบมา ทำให้เสร็จเฉยๆเพราะว่ามหาอำนาจต้องการ 


โอเค เป็นโจทย์ยาก คือเขาอาจจะมีโจทย์ไม่เหมือนเรา คนที่ทำก็อาจจะมีโจทย์ แต่เราในฐานะของคนไทย เห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเรา แล้วก็เป็นอีกโจทย์หนึ่ง ก็ที่ฉันบอกเลยว่าที่ฉันเห็นด้วยอย่างมาก และจะชื่นชมอย่างมาก ถ้ารัฐบาลไทยเล่นบทพีชโฟร์โมเตอร์ peace Promoterในการส่งเสริม การเปลี่ยนผ่านสันติภาพ ของเมียนมาจริงๆ จริงๆนะ ที่ไม่ใช่การฟอกขาวมินอ่องหล่าย เพราะว่าเนี่ยจะเป็นสิ่งที่คนไทยได้ประโยชน์จริงๆ ถ้ายุติสงครามในเมียนมาได้ มันจะมีสถานการณ์ชายแดน อะไรต่างๆรวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติปัญหายาเสพติด มันจะดีขึ้นเยอะมาก ยาเสพติดที่มันล้น ๆเมืองอยู่ มันก็เกิดจากสูญญากาศ จากสงครามกลางเมือง มันก็ทำให้เกิดโรงงานยาเสพติดเต็มไปหมด 


ไหนๆก็หลังสงกรานต์ละอยากทราบว่าคุณช่อคิดว่าเราต้องโฟกัสอะไรต้องเตรียมรับมือกับอะไร

เรื่องใหญ่ที่สุดก็ยังคงเป็นเรื่องของทรัมป์ทารีฟ  สมมุติว่าเราได้พักยก 3 เดือนก็จริง 90 วันแต่มันขึ้นมาแล้ว 10% นะคะและถ้าการเปิดฉากระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนเต็มรูปแบบจะกระทบไทยแน่นอนถ้าสินค้าจีนเข้าอเมริกาไม่ได้ซึ่งภาษีนำเข้าตั้ง 140 กว่าเปอร์เซ็นต์มันเข้าไม่ได้อยู่แล้วแน่นอนดังนั้นสินค้าจีนทะลักไปทุกทิศทุกทาง และทิศทางใหญ่ที่จะทะลักเข้ามา ก็คือทางประเทศไทย 

คุณเตรียมใจไปได้เลยว่า 3 เดือน 6 เดือนหลังจากนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยที่ยังไม่ได้โดนเก็บภาษีจากอเมริกาเลยนะ แค่ผลกระทบทางอ้อมที่จีนกับอเมริกา เขาประกาศศึกกัน คุณจะมีผู้ประกอบการไทยจำนวนมาก ที่อยู่ไม่ได้ ถึงขั้นล้มละลายปิดโรงงานเลิกจ้าง เพราะคุณสู้กับ สินค้าจีนไม่ได้ แค่ปัจจุบันนี้ในช่วงปี 2 ปีที่ผ่าน ถ้าคุณคุยกับผู้ประกอบการไทยจำนวนมาก ก็ปิดโรงงานหนีของจีนไปเยอะมากแล้ว เพราะว่าเขาทำราคาสู้ไม่ได้จริงๆ ก็ต้องพายแพ้ไป เราจะเห็นปรากฏการณ์นั้นมากขึ้นเรื่อยๆ 


แล้วสถานการณ์แบบนี้ มันจะกระทบไปถึงเศรษฐกิจรากหญ้าจริงๆ ในเมื่อคนถูกเลิกจ้าง คนที่จะไปจับจ่ายใช้สอยในตลาด ในร้านค้าต่างๆ ก็ไม่มี จะมีคนตกงาน มันจะทำให้เศรษฐกิจไทยซึมยาวจริงๆ นี่ไม่นับว่าเราจะโดนเก็บภาษี สามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า นี่ไม่นับเลยนะ เอาแค่ผลพวงที่จะเกิดขึ้น จากการที่จีนกับอเมริกาเปิดศึกกัน ซึ่งดูไม่จบง่ายๆแน่นอน ไม่นับกับสินค้ายานยนต์ซึ่งโดนขึ้นภาษีไปแล้วก่อนนั้นมี 25% ซึ่งก็เป็นภาคการผลิตที่ใหญ่ ของประเทศไทยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นดิฉันจึงคิดว่าไตรมาศที่ 2-3-4 ของปีนี้ ยังไงประเทศไทยก็แย่ คุณอาจจะคิดว่าไตรมาศแรกที่ว่าแย่แล้ว ไตรมาศ2-3-4 นี่จะหนัก หนักกว่ามากๆ อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทย มีเงินแล้วเก็บเงินไว้ ถ้ามีงานรักษาไว้ให้มั่น เพราะว่าเชื่อว่าปีนี้ เราจะเจอการเลย์ออฟ ครั้งใหญ่แน่นอน


ช่อ พรรณิการ์🧡คุยเรื่อง softpower แบบจริงจัง 101

ขอบคุณมากค่ะคุณช่อที่ออกมาเคลียร์และ

อธิบายเรื่อง soft power หลายรอบ หลายVersion 
เพราะจะเห็นได้ว่ามีคนพูดกันมากหันไปทางไหน
ทําอะไรก็ soft power จนอยากจะอาเจียน 
แม้กระทั่งหมูกระทะก็จะเอามาอ้างเป็น soft power
🧡🧡🧡🧡🧡🍊🍊🍊🍊🍊



🙏🏿🙏🏿🙏🏿🙏🏿🙏🏿👏👏👏👏👏




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น