เพลงฉ่อยชาววัง

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อายุ รบ.ทหารขึ้นอยู่กับ พุงพารวยของประวิทย์ และปากพาซวยของประยุทธ

"เจอไม่ถึง 1% แค่ 0.5% นี่คือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ "
รายงานประจำปี 2556 ที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ของกรมเชื้อเพลิงพลังงานธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน หน้า 46-48 :
http://www.dmf.go.th/…/ass…/common/downloads/publication.pdf
การเจาะหลุมเพื่อการสำรวจและประเมินผลปิโตรเลียมรวมทั้งสิ้นจำนวน 100 หลุม พบ 69 หลุม กำลังดำเนินการเจาะ 3 หลุม
พื้นที่บนบก
1. บริษัท ปตท.สผ. จำนวน 57หลุม พบ 33 หลุม 1 หลุมยังไม่พบ (กำลังดำเนินการ)
2. บริษัท แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอร์ยี่ จำนวน 6 หลุม พบ 3 หลุม
3. บริษัท อพิโก้ จำนวน 1 หลุม พบ 1 หลุม
4. บริษัท Shaanxi Yanchang จำนวน 3 หลุม พบ 2 หลุม
4. บริษัท เทเท็กซ์ ไทยแลนด์ จำนวน 1 หลุม ยังไม่พบ (กำลังดำเนินการ)
5. บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำนวน 1 หลุม ยังไม่พบ (กำลังดำเนินการ)
พื้นที่ในอ่าวไทย
1. บริษัท ซีอีซี จำนวน 2 หลุม พบ 1 หลุม
2. บริษัท เอ็มพี จี จำนวน 4 หลุม พบ 1 หลุม
3. บริษัท ซาลาแมนเดอร์ จำนวน 9 หลุม พบ 3 หลุม
5. บริษัท ปตท.สผ. จำนวน 17 หลุม พบ 17 หลุม
6. บริษัท เชฟรอน จำนวน 9 หลุม พบ 9 หลุม
แยกตามภูมิภาคดังนี้
พื้นที่ภาคกลางตอนบนและตอนล่าง มีการเจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินผลในหลายบริเวณ ดังต่อไปนี้
1. บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินผล 3 หลุมบริเวณโครงสร้ างหัวไม้ซุง(แอ่งสุพรรณบุรี) ซึ่งอยู่ในพื้นที่สงวนแปลง L54/43 ในจังหวัดสุพรรณบุรี คือ หลุมหัวไม้ซุง -เอ01 หัวไม้ซุง -เอ02 และหัวไม้ซงุ -เอ03ข้อมูลจากการหยัง่ ธรณีหลุมเจาะพบนำ้ มันดิบในหินทราย แต่ผลการทดสอบอัตราการไหลของหลุมดังกล่าวโดยใช้ Beam Pump พบว่านำ้มันดิบมีอตัราการไหลน้อยกว่า 1 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากชั้นหินมีความพรุนตำ่ จึงไม่มีสมรรถนะเชิงพาณิชย์ แต่หากมีการกระตุน้ หลุมเพื่อเพิ่มความพรุน เช่น การทำให้หินเกิดรอยแตกโดยอัดของเหลวเข้าไปในชั้นหินหรือที่เรียกว่า HydraulicFracturing อาจช่วยให้นำ้มันดิบไหลได้ดีขึ้นเจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินผลในพื้นที่สงวนและพื้นที่ผลิตของแปลง L22/43 (แอ่งพิษณุโลก) บริเวณโครงสร้างบางแก้ว1 หลุม ไม่พบปิโตรเลียม และในโครงสร้างวังไผ่สูง จำนวน 3 หลุมพบนำ้มันดิบ 2 หลุม
2. บริษัทปตท.สผ. สยาม จำกัด เจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินในแปลง S1 (แอ่งพิษณุโลก) บริเวณจังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชรและพิษณุโลก โดยเจาะในพื้นที่ผลิต รวม 32 หลุม พบปิโตรเลียม 25 หลุมโดยพบก๊าซธรรมชาติในโครงสร้างโนนพลวงและลานกระบือ และพบนำ้มันดิบในโครงสร้างหนองมะขาม หนองตูม ประดู่เฒ่า ทุ่งใหญ่ทับแรต ยางเมือง หนองอ้อ หนองแสงและวัดแตน และเจาะหลุมในพื้นที่สงวน 9 หลุม บริเวณโครงสร้างที่มีขนาดเล็ก พบปิโตรเลียม 5 หลุม โดยพบนำ้มันดิบในโครงสร้างแม่นำ้น่าน บึงแวง ลำคูน และสามพญา ส่วนโครงสร้างหนองกลับ รวงทอง และไทรงาม ไม่พบปิโตรเลียม
3. บริษัท แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอร์ยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด เจาะหลุมประเมินผลในแปลง L53/48 (แอ่งกำแพงแสน) บริเวณจังหวัดนครปฐม จำนวน 6 หลุม พบนำ้มันดิบในชั้นหินทราย 3 หลุม
ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการเจาะหลุมสำรวจตามข้อผูกพันการสำรวจของบริษัทผู้รับสัมปทานหลายราย คือ
1. บริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด เจาะหลุม SPHE-1ST แบบUnder-balanced Drilling ในแปลง L15/43 ทีจ่ งั หวัดอุดรธานี โดยเจาะทางตะวันออกของโครงสร้างภูฮอ่ ม พบก๊าซธรรมชาติในหินปูนชุดผานกเค้าทีม่ คี วามพรุนสูง ซึ่งเกิดจากกระบวนการ HydrothermalAlteration ก๊าซธรรมชาติมีอัตราการไหลสูงสุด 50 ล้านลูกบาศก์ฟตุต่อวัน และพบว่าความดันในแหล่งกักเก็บลดลงเนือ่ งจากมีการผลิตก๊าซมาแล้วหลายปี แสดงถึงความต่อเนื่องของโครงสร้างภูฮ่อม
2. บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชัน่ แนล จำกัด เจาะหลุมรัตนะ-2 บริเวณโครงสร้างชนบท ในแปลง L28/48 จังหวัดขอนแก่นเพื่อทดสอบศักยภาพปิโตรเลียมในหินทรายชุดภูกระดึง (Tight GasSand) ของกลุ่มหินโคราช ที่เป็นเป้าหมายรองในการสำรวจปิโตรเลียมบริเวณที่ราบสูงโคราช เนื่องจากหิ น ทรายดั ง กล่ า วมีความพรุนค่อนข้างตำ่ บริษัทฯ เพิ่มช่องทางในการไหลของก๊าซให้มากขึ้น โดยการทำ Hydraulic Fracturing ซึ่งถือว่าเป็นหลุมที่สองในที่ราบสูงโคราช ถัดจากหลุมภูเค็ง-1 แต่จากการทดสอบอัตราการไหลพบก๊าซธรรมชาติเพียงเล็กน้อยจนไม่สามารถวัดปริมาณได้
3. บริษทั Shaanxi Yanchang Petroleum (Group) Co., Ltd.เจาะหลุมสำรวจ 3 หลุม ในแปลง L31/50 ในโครงสร้างทางตอนใต้ของที่ราบสูงโคราชที่ไม่เคยมีการเจาะหลุมสำรวจมาก่อนคือโครงสร้างชุมพลบุรีและโครงสร้างหนองขมาร โดยเจาะหลุม YPT-2ในโครงสร้างชุมพลบุรีบริเวณจังหวัดสุรินทร์ ผลการเจาะพบหินปูนชุดผานกเค้าแต่ไม่พบปิโตรเลียม นอกจากนี้ทำการเจาะหลุม YPT-1และ YPT-3 ในโครงสร้างหนองขมารบริเวณจังหวัดบุรีรัมย์ ผลการเจาะหลุม YPT-1 ไม่พบปิโตรเลียมในหินปูนชุดผานกเค้าแต่พบก๊าซธรรมชาติในหินทรายชุดภูกระดึงจำนวน 2 โซน แต่ไม่มีการทดสอบอัตราการไหล จึงไม่ทราบศักยภาพที่แท้จริง ส่วนหลุม YPT-3พบก๊าซธรรมชาติในหินปูนชุดผานกเค้า จำนวน 5 โซน ซึง่ อยูร่ ะหว่างรอการทดสอบอัตราการไหล
4. บริษัท เทเท็กซ์ ไทยแลนด์ III แอลแอลซี เจาะหลุม TEW-Kบริเวณโครงสร้างกาฬสินธุ์ ในแปลง L16/50 บริเวณจังหวัดกาฬสินธุ์กำลังเจาะถึงความลึก 3,148 เมตรยังไม่พบปิโตรเลียม
5. บริษทั ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด เจาะหลุมจัตุรัส -3 บริเวณโครงสร้างจัตุรัส ในแปลง L29/50 บริเวณจังหวัดชัยภูมิ กำลังเจาะถึงความลึก 2,650 เมตร ยังไม่พบปิโตรเลียม
และพื้นที่ในอ่าวไทยในปี 2556 มีการเจาะหลุมสำรวจในโครงสร้างใหม่ซงึ่ เป็นหลุมเจาะตามข้อผูกพันการสำรวจ แต่ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ และเจาะหลุมประเมินผลในโครงสร้างที่พบปิโตรเลียมแล้ว ดังนี้
1. บริษัท ซีอีซี อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (สาขาประเทศไทย) เจาะหลุมประเมินผล Skhoweel-01 ในพื้นที่สงวน แปลง G5/43พบเพียงร่องรอยนำ้มันดิบ และเจาะหลุมสำรวจ Ko Kra-2 ในแปลงG5/50 ไม่พบปิโตรเลียม
2. บริษัท เอ็มพี จี1 (ประเทศไทย) จำกัด เจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินผล 3 หลุม ในโครงสร้างมะลิดา ในแปลง G1/48 คือหลุม Malida-1 พบนำ้มันดิบ ส่วน Malida-1ST1 และ Malida-1ST2ไม่พบปิโตรเลียม
3. บริษัท เอ็มพี จี6 (ประเทศไทย) จำกัด เจาะหลุมสำรวจSarapee North-1 ในโครงสร้างสารภี ในแปลง G6/48 ไม่พบปิโตรเลียม
4. บริษัท ซาลาแมนเดอร์ เอ็นเนอร์ยี่ (บัวหลวง) ลิมิเต็ด เจาะหลุมประเมินผล 3 หลุม ในโครงสร้างทางเหนือของแหล่งบัวหลวงแปลง B8/38 หลุม B8/38-9 พบนำ้มันดิบ ส่วนหลุม B8/38-9STและ B8/38-10 ไม่พบปิโตรเลียม และเจาะหลุมสำรวจ 6 หลุม ในโครงสร้างย่อยแบบ Structural Trap แปลง G4/50 พบนำ้มันดิบ1 หลุม และร่องรอยนำ้มันดิบ 1 หลุม ส่วนที่เหลือไม่พบปิโตรเลียม
5. บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจาะหลุมสำรวจTon Koon-5 ในแปลง G12/48 พบก๊าซธรรมชาติ และเจาะหลุมประเมินผล G8/50-14-2X ในแปลง G8/50 พบก๊าซธรรมชาติ
6. บริษทั ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เจาะหลุมประเมินผล 15 หลุมในพื้นที่ผลิตอาทิตย์และบงกช ในแปลงB14A B15A B16A B15 B16 และ B17 พบก๊าซธรรมชาติทุกหลุม
7. บริ ษั ท เชฟรอน ปัตตานี จำกัด เจาะหลุมประเมินผลChongko-04 ในแปลง G4/48 พบนำ้มันดิบและก๊าซธรรมชาติ
8. บริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เจาะหลุมประเมินผล Similan-05 และ Surin-03 ในแปลง G4/43 พบนำ้มันดิบและก๊าซธรรมชาติทั้งสองหลุม
9. บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เจาะหลุมประเมินผล 6 หลุม ในแปลง B11 และ B12/27 บริเวณโครงสร้างไพลิน มรกต ปลาแดง และอุบล พบนำ้มันดิบและก๊าซธรรมชาติทุกหลุม

‎ทำไมสุเทพต้องบวช

รู้ทันช่องโหว่ ของ กฎหมายไทย
อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่สุเทพ ออกบวช เพื่ออาศัยช่องว่าง ทางกฎหมาย ในการหลบเลี่ยงการพิจารณาดีในชั้นศาล กล่าวคือ ประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง ในมาตรา 106/1 ได้มีการวางหลักไว้ ว่า
ห้ามมิให้ออกหมายเรียกพยาน ดังต่อไปนี้
(1) พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
(2) พระภิกษุและสามเณร ในพุทธศาสนา ไม่ว่าในกรณีใด ๆ
(3)
ผู้ที่ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกันตามกฎหมาย
ในกรณีตาม (
2) และ (3) ให้ศาลหรือผู้พิพากษาที่รับมอบ หรือศาลที่ได้รับแต่งตั้งออก "คำบอกกล่าว" ว่าจะสืบพยานนั้น ณ สถานที่และวันเวลาใดแทนการออกหมายเรียก โดยในกรณีตาม (2) ให้ส่งไปยังพยาน 
ส่วนตาม (3) ให้ส่ง "คำบอกกล่าว" ไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อดำเนินการ ตามบทบัญญัติว่าด้วยการนั้น หรือตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
อธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจก็คือ "ห้าม" ผู้พิพากษา หรือ ที่เราเข้าใจกันทั่วไปว่า ศาล ออกหมายเรียก เจ้า พระ,เณร (ศาสนาพุทธ) แล้วก็ บรรดาพวกทูต (อารมณ์ประมาณนี้) มาเป็นพยานในศาลดังนั้น ห้ามออกหมายเรียกคนเหล่านี้นะ
(พวก ส.ส. ก็มีเอกสิทธิ์คุ้มครองนะ เฉพาะ ติดช่วงสมัยประชุม)
แต่ กฎหมาย "ยกเว้น" ว่า ให้ส่ง "คำบอกกล่าว" ไปได้ แต่ส่งไปได้เฉพาะ พระ-เณร-ทูต เท่านั้น เจ้า ไม่ได้คือ หมายเรียก ไม่มา ก็ออก ซ้ำได้ สุดท้ายก็ไปหมายจับ
--- แต่ คำบอกกล่าว มันไม่ได้บังคับ ดังนั้น จะมา หรือ ไม่มาก็ได้
สรุป คือ สุเทพ บวช ...ถ้าจะเรียกมันไปเป็นพยาน ก็ออกหมายเรียกไม่ได้ ต้องส่งคำบอกล่าวมา ส่วนมันจะมาศาลหรือไม่มาก็เรื่องของมัน
ต่อมา กฎหมาย วิแพ่ง มาตรา 115 
ก็วางหลักไว้อีกว่า มาตรา 115 พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือพระภิกษุและสามเณรในพุทธศาสนา แม้มาเป็นพยาน จะไม่ยอมเบิกความหรือตอบคำถามใด ๆ ก็ได้สำหรับบุคคลที่ได้รับเอกสิทธิ์หรือความคุ้มกันตามกฎหมาย จะไม่ยอมเบิกความหรือตอบคำถามใด ๆ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามกฎหมายนั้น ๆ ก็ได้
สรุปคือ ถ้าสุเทพ มาศาล จะไม่เบิกความก็ได้ แล้ว ศาลก็ไปบังคับไม่ได้ด้วยเช่น สมมุติว่า สุเทพ ตอบข้อซักถามของอัยการ จะไม่ตอบคำถามค้าน ของทนายจำเลยก็ได้ เพราะกฎหมาย ได้ให้เอกสิทธิ์พระสุเทพที่จะไม่ยอมเบิกความหรือตอบคำถามใดๆก็ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 115
แล้ว การที่พระสุเทพ นิ่งเฉย ไม่ตอบคำถามค้านของทนายจำเลย ศาลก็ "ไม่มีอำนาจที่จะบังคับ"ให้เบิกความ ตอบคำถามค้านได้ ศาลทำได้แค่ "จดลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา" ของศาล ถึงการที่สุเทพ "ยอม หรือ ไม่ยอม" เบิกความแล้วนอกเหนือไปจากนี้
ป.วิอาญา มาตรา 15 ยังวางหลักไว้อีกว่า
วิธีพิจารณาข้อใด ซึ่งประมวลกฎหมายนี้ มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้นำบทบัญญัติ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับ เท่าที่พอจะใช้บังคับได้
พูดง่ายๆ คือ วิธีพิจารณาความแพ่ง ที่กล่าวมาข้างต้น ในมาตรา 106/1 และ กฎหมาย วิแพ่ง มาตรา 115 สามารถนำเอาไปใช้ในกฎหมายอาญาได้
--
ไอ้เรื่องที่สุเทพ ไม่ต้องมาศาล และไม่ต้องตอบคำถามห่าไรเนี่ย สรุปทั้งหมด คือ คนที่รู้กฎหมาย ก็สามารถใช้ช่องโหว่นี้ทำให้ตัวเองไม่ต้องไปศาลได้ถ้าต้องไปเบิกความก็จะตอบหรือไม่ตอบคำถามก็ได้ ก็เป็นผลดีต่อตัวมันเอง
สมมุติ เราอ้างแม่งเป็นพยาน มันจะไม่พูดความจริงเลยก็ได้นี่หว่าหรือ มันจะเงียบ ไม่พูดอะไรเลยก็ได้หรือ มันจะไม่พูดอะไรที่จะเป็นการช่วยให้เราได้ผลดีก็ได้ ประมาณนี้
ดังนั้น สุเทพ บวช คราวนี้ มันคือ อลัชชี หนีคดีอาญา ฆาตกร ห่มเหลือง คิดหาทาง
หลบลี้หนีกฎหมายทางที่ควรจะต้องทำ คือ จับมันสึก และเอามันไปดำเนินคดี ในฐานะ 
ไอ้สุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ. ศอฉ. ที่สั่งฆ่าประชามือเปล่าตายไปหลายสิบศพ
ช่วยกันแชร์ บอกต่อ 
อย่าปล่อยให้ ไอ้เหี้ยสุเทพ ลอยนวล
- ขอบคุณนายทหารใหญ่ จากกรมพระธรรมนูญ ผู้ช่วยชี้แจงข้อกฎหมายให้กูเข้าใจ
ปล. มีคนท้วงว่า..ในฐานะพยาน แต่ในฐานะผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ได้รับยกเว้นหรอก
คำตอบเพื่อความกระจ่าง เวลาเบิกตัวมาให้การ เขาจะอ้างเป็นพยานเบิกความหมดน่ะ
โจทก์อ้างตัวเป็นพยาน จำเลยอ้างตัวเป็นพยาน ได้
ทนายฝั่งตัวเองจะซักพยาน  ทนายฝั่งตรงข้าม(อัยการ) จะถามค้าน 
แล้วฝั่งเราจะถามติงอีกรอบ
ปกติแล้ว พยานจะต้องตอบ ไม่มีสิทธิ์จะไม่ตอบมันต้องมี cross-examination เพื่อทานข้อเท็จจริงกันทั้งสองฝ่าย แต่ กฎหมายตามที่อธิบายไป ของไทยนี้ไม่เป็นธรรมเลย 
เพราะให้พระ มีอภิสิทธิ์เกินไปที่เป็นอย่างนี้ เพราะมันตั้งอยู่บนข้อสันนิษฐานว่าพระต้องไม่มุสาไง ถ้าบังคับให้พระพูด อาจจะบังคับให้มุสา(ถ้าคนที่อยู่ในศาลก็ต้องไม่มุสาอยู่แล้ว ไม่งั้นจะมีพวกคำสาบาน หรือกฎว่าจะไม่โกหกศาลทำไม เนาะ?
สรุป คือ สุเทพแม่ง จะบวชหนีความผิด
ปล.2 ตอนแรกก็โหนเจ้า ต่อมามันก็โหนธงชาติ สุดท้ายก็โหนผ้าเหลือง 
ไอ้เมือกมันจะทำลายทุกสถาบันหรืออย่างไง
ที่มา/Cr: Johnie Red Lable

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ได้จริงหรือ?

คลังถก "หม่อมอุ๋ย" เตรียมคลอด "นาโนไฟแนนซ์"


3,459 views
รัฐมนตรีคลัง หารือ "หม่อมอุ๋ย" บ่ายสามวันนี้ เตรียมออกสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หากเห็นชอบดำเนินการทันที

ยอมรับว่าขณะนี้เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณที่อยู่ในภาวะเงินฝืด เนื่องจากคนมีรายได้น้อย ไม่มีงานทำ และไม่มีเงินใช้จ่าย ส่วนคนที่มีรายได้มาก ก็ไม่อยากจะลงทุน หรือใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้ทุกอย่างอยู่ในภาวะนิ่งไปหมด


สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีคลัง บอกว่า โครงการการปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano-Finance) ให้กับประชาชนในวงเงินไม่เกิน 100,000 - 120,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 36 ต่อปี จะให้ภาคเอกชนเข้ามาเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีกี่รายให้ความสนใจเข้าร่วม แต่รัฐบาลจะเป็นผู้รับรองในการดำเนินกิจการให้ ซึ่งเรื่องทั้งหมดจะมีการเสนอเพื่อหารือกับ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ให้เห็นชอบในหลักเกณฑ์วันนี้เวลา 15.00น. 

โดยยืนยันว่าโครงการดังกล่าว จะไม่เป็นการเพิ่มปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนให้กับประชาชน แต่จะเป็นการทดแทนหนี้ครัวเรือน ในส่วนที่เป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ในส่วนนี้ดีขึ้น ซึ่งหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นไม่ได้เกิดจากการกู้เพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจหลาย ๆ ส่วน จึงต้องลงไปดูในรายละเอียด

นาโนไฟแนนซ์ ...

เครื่องมือที่เรียกว่า "นาโนไฟแนนซ์" หรือบริษัทสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย (มาก) โดยมีกลุ่มเป้าหมายเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับคนที่เข้าถึงสินเชื่อทั่วไปไม่ค่อยได้ (จะเรียก ซับไพร์ม แบบอเมริกาก็คงไม่ผิดอะไร) ซึ่งปัจจุบันถูกขูดเลือดขูดเนื้อจากภาวะหนี้นอกระบบอย่างแสนสาหัสฟังดูโดยหลักการแล้ว ก็ถือเป็นหลักการทั่วไป ไม่มีอะไรเสียหาย

- ให้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ไม่ใช่เพื่อการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
- อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 36% ต่อปี (คิดกลมๆก็ตกประมาณ 3% ต่อเดือน) ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลที่ระดับ 24-28% ต่อปีในปัจจุบัน
- ปล่อยกู้ได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อลูกค้าหนึ่งราย และปล่อยกู้ได้เฉพาะในเขตจังหวัด หรือพื้นที่ตัวเอง
- บริษัทที่ปล่อยกู้ห้ามระดมเงินฝาก ต้องปล่อยกู้โดยใช้เงินตัวเอง

หากมองในด้านดี นี่คือโอกาสที่คนทำมาหากินจะเข้าถึงสินเชื่อในระดับที่ดีกว่าการกู้หนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงมาก และทำได้แค่ผ่อนดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ อย่างไร้อนาคต

สุดท้ายแล้ว "สินเชื่อ" ก็เป็นเพียงเครื่องมือซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่าผู้กู้จะนำมันไปใช้สร้างความมั่งคั่งร่ำรวย หรือสร้างความยากจนให้กับตัวเอง

กลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ... ยังไง "ความฉลาดทางการเงิน" ก็คงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้
เรื่องโดย Nation TV
วันที่ 24 ตุลาคม 2557 12:37 น.


ชง"นาโนไฟแนนซ์"-ปล่อยกู้รากหญ้า ให้เอกชนลงทุนคิดดอก36%-ชี้แก้เงินนอกระบบ

ผุดไอเดียใหม่ปล่อยกู้รากหญ้าหวังแก้เงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ให้เอกชนตั้ง"นาโนไฟแนนซ์"ปล่อยกู้รายย่อยที่ไร้หลักประกันรายละไม่เกิน 1 แสน ให้คิดดอกสูงถึง 36% ชี้หากคสช. ไฟเขียวเดินหน้าได้ทันที

นาย กฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.เสนอหลักการเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อรายย่อยสำหรับประชาชนที่มีรายได้ น้อยและไม่มีหลักประกัน ในรูปของสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano-Finance) ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว เพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่สถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ ไม่ให้บริการด้านสินเชื่อเพราะมองว่าไม่คุ้มค่าต่อต้นทุน

นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า รูปแบบการให้บริการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ให้เอกชนเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อ แต่ภาครัฐจะเข้าไปกำกับดูแลให้การดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมกับผู้รับบริการ โดยเอกชนที่ร่วมงานต้องมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 10 ล้านบาท

"การปล่อยสินเชื่อของนาโนไฟแนนซ์ กำหนดไว้ให้ไม่เกินรายละ 1 แสนบาท เพื่อให้เพียงพอต่อการเป็นทุนในการประกอบกิจการต่างๆ และป้องกันการกู้เงินมากเกินควร ขณะที่การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 36% ต่อปี เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น แต่เป็นอัตราต่ำกว่าอัตราสินเชื่อนอกระบบในปัจจุบัน" ผู้อำนวยการ สศค.กล่าว

นาย กฤษฎากล่าวอีกว่า การกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เกิน 36% ต่อปี หรือเฉลี่ยเดือนละไม่เกิน 3% แม้จะมองว่าเป็นอัตราที่สูง แต่ต้องเห็นใจผู้ปล่อยกู้ด้วยเพราะรายย่อยถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงควรมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 28% และต้องจำกัดการปล่อยสินเชื่อต่อราย รวมถึงพื้นที่ในการให้บริการด้วย และไม่ให้รับฝากเงิน

ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวอีกว่า การกำกับดูแลอาจจะไม่ได้เข้มงวดเหมือนธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หลังจากที่ผ่านความเห็นชอบจาก คสช.แล้วสามารถเดินหน้าได้เลยซึ่งสอดคล้องกับการแก้หนี้นอกระบบของคสช.และพ. ร.บ.ทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรมด้วย

"ส่วนคุณสมบัติผู้กู้นาโนไฟแนนซ์จะ ต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีหรือไม่มีหลักประกันในการกู้ก็ได้ โดยการพิจารณาสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ให้สินเชื่อ ซึ่งความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นก็จะถูกชดเชยโดยการอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจ คิดอัตราดอกเบี้ยได้สูงขึ้น" นายกฤษฎากล่าวและว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เห็นด้วย เพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชน
 

รัฐประหาร เพื่อ ฮุบสมบัติแผ่นดิน หรือ เพื่ออะไร

 รัฐประหาร  และทุนพลังงาน เพื่อ ฮุบสมบัติแผ่นดิน หรือ เพื่ออะไร    ๕ ตค ๕๗

         มหากาพย์การฮุบสมบัติชาติโดยใช้ทหาร  และรัฐประหารเป็นเครื่องมือสนองกลุ่มทุน   กลุ่มอำนาจ เก่า+ใหม่    หรือไม่

       ตัวละคร ใครเป็นใครดูเอาคะ

      แต่ประชาชน ประเทศชาติเจ๊ง ลูกเดียว

         ปฏิวัติทีไร เร่งรีบเสียหายแก่ประชาชน ตั้งแต่การโอนโรงไฟฟ้าระยอง  ขนอม     ท่อก๊าซ และสัมปทานครั้งที่ ๒๐   ครั้งที่ ๒๑มีตัวละครที่เกี่ยวข้องได้แก่

๑   ขายโรงไฟฟ้า ระยองและขนอม  
เริ่มตัวละครตั้งแต่  ๖ สค  ๒๕๓๔  สมัย อานันท์ ปันยารชุน และ ปิยสวัสดิ์  อัมระนันท์    

รัฐบาลจากการปฏิวัติ    คณะรัฐมนตรี  รัฐบาล อานันท์ ปันยารชุน       พ.ศ.๒๕๓๕       รัฐบาล แต่งตั้ง จากการปฏิวัติ  )  (http://www.eppo.go.th/nepc/NEPC-PRVT-EGAT.html)
 มี นาย ปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์       ๒๕๓๕ - ๒๕๓๗   เป็นรองเลขาธิการ  และ เป็นเลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ  (วันที่ ๒๕๓๗-๒๕๔๓ )
 ผลงาน   มติ ครม  เมื่อ ๖สค ๒๕๓๔      (อานันท์ ปันยารชุน  )    ให้มีการระดมทุน บริษัทผลิตไฟฟ้า ของกฟผ ( ระยอง และขนอม ) .  ผ่านตลาดหลักทรัพย์  ( แปรรูปโรงไฟฟ้า) ร่วมกับรัฐบาลชวน หลีกภัย

 มติ กพช. ซึ่ง ครม.   ๑๒   กย  ๒๕๓๗  และ  ๓๑พค ๒๕๓๗    รัฐบาล ปชป.     เห็นชอบในหลักการการดำเนินงานตามแผนงานและแนวทาง  จัดตั้งบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (บผฟ.=EGCO ) เพื่อรับซื้อโรงไฟฟ้าระยอง และให้กระจายหุ้นเข้า ตลาดหลักทรัพย์ฯ
 และ  บผฟ. (EGCO )  รับซื้อโรงไฟฟ้าขนอมทั้งหมด         เตรียมการ  เปลี่ยนแปลง กฟผ. กฟน. และ กฟภ. เป็นบริษัทจำกัดโดยการแก้ไข พรบ. ของทั้ง ๓ หน่วยงาน   ถูกตีตกไป  โดยศาลปกครองสูงสุด
วันที่  ๒๓ มีค ๒๕๓๗    นาย สมหมาย ภาษี   นายศิรินทร์  นิมมานาเหมินท์กับพวก จดทะเบียน เป็นบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (ต่อมาคือ  EGCO )  รองรับ โรงไฟฟ้า ระยอง     เลขทะเบียน เลขที่  ๐๑๐๗๕๓๗๐๐๐๘๖๖     ต่อมาก็มีนายพรชัย รุจิประภา เป็นประธานกรรมการบริษัท   (  http://www.egco.com/th/corporate_gove rnance_message_chairman.asp )

ปี๒๕๓๘      .กฟผ. ได้ดำเนินการ จัดตั้งบริษัทผลิตไฟฟ้าจำกัด (บผฟ)  มีการถ่ายโอนทรัพย์สินของการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทย (โรงงานไฟฟ้า ระยอง  ขนอม  ) ให้บริษัทผลิตกระแส ไฟฟ้าจำกัด  EGCO จำกัด ( เอกชน)    ในสมัยที่ นาย ปิยสวัสดิ์  อัมระนันท์เป็นเลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย พลังงานแห่งชาติ  ตามหนังสือ ที่นร (กพช)  ๐๙๐๑/๑๓๑๔ลงวันที่ ๑๙ เดือน สิงหาคม ๒๕๓๗  เรื่องมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ   ลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๓๗  ข้อ ๕ สัญญาจะซื้อ จะขาย ทรัพย์สินและสัญญาซื้อขายไฟฟ้า    ที่อนุมัติให้กฟผ.ขายโอนโรงงานไฟฟ้าระยอง ให้บริษัทผลิต ไฟฟ้าจำกัด (EGCO )  โดยมีนายสมหมาย  ภาษี  กับพวก ร่วมจดทะเบียนเป็นกรรมการบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (บริษัทเอกชน ) รองรับการถ่ายโอน     ตามหนังสือรับรองกรมพัฒนา ธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์   ทะเบียน เลขที่    ๐๑๐๗๕๓๗๐๐๐๘๖๖     ใน วันที่ ๒๓  มีค ๒๕๓๗ ก่อนที่ จะมีมติ กพชให้ขายโอนบริษัทผลิตไฟฟ้าระยองให้แก่ บริษัทผลิต ไฟฟ้า จำกัด (EGCO)  ที่เป็นของเอกชน     วันที่ ๘ เดือน สิงหาคม ๒๕๓๗

ปี๒๕๓๘  ขายโรงไฟฟ้า ขนอม    สมัย นายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรี  มีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ

๒   ขายโรงไฟฟ้าราชบุรี   สมัย รัฐบาล ชวน หลีกภัย  (รัฐบาลจากการเลือกตั้ง )
       คณะกรรมการนโยบายพลังงาน แห่งชาติมีมติที่ประชุมเมื่อ ๑๓กค  ๒๕๔๓   แต่เตรียมการ มาตั้งแต่สมัยปิยสวัสดิ์เป็นเลขาเมื่อ ปี ๒๕๔๒ ให้ขายทรัพย์สินของโครงการโรงไฟฟ้าราชบุรี ให้บริษัทผลิต ไฟฟ้าราชบุรีจำกัด จำนวนเงิน ๕๕,๗๗๒.๙๕๐   ล้านบาท      โดยมีนาย อารีพงศ์  ภู่ชอุ่ม กับพวก ไปจดทะเบียน บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด  ต่อมาคือบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิงค์ จำกัดมหาชน     ที่ปัจจุบัน มี คุรุจิต นาครทรรพ เป็นประธานกรรมการ บริษัท  และยังเป้น บอร์ดการไฟฟ้าด้วย    มีการเซ็นต์สัญญา โดยให้ กฟผ จ่ายต้นทุนเงินกู้  ดอกเบี้ย และค่าบริหารจัดการ ค่าบำรุงรักษา ค่าเชื้อเพลิงทั้งหมด แทนบริษัทเอกชน

               การถ่ายโอนทรัพย์สินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  (โรงงานไฟฟ้าราชบุรี )ให้บริษัทผลิตไฟฟ้า ราชบุรีจำกัด   ตามหนังสือ ที่นร (กพช) ๐๙๐๔/๑๘๑๓      เรื่องมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติครั้งที่   ๖/๒๕๔๓   ลงวันที่  ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๓   ข้อ ๒    เรื่องแผนระดมทุนจากภาคเอกชนในโครงการไฟฟ้าราชบุรี  ข้อ ๒.๑   เห็นชอบราคาทรัพย์สินของโครง การโรงไฟฟ้าราชบุรี   ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะขายและโอนให้บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีจำกัด      และมีนาย อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม   ร่วมจดทะเบียนเป็นบริษัท ผลิตไฟฟ้า ราชบุรีจำกัด (บริษัทเอกชน )  รองรับการถ่ายโอน    และ เป็นกรรมการในบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีเมื่อวันที่  ๒๐  มีนาคม ๒๕๔๓   ตามหนังสือรับรอง  สำนักงาน ทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท จังหวัดราชบุรี     ทะเบียนเลขที่   ๐๑๒๕๕๔๓๐๐ ๒๒๘๘       ก่อนที่จะมีมติ  กพช.ให้ขายโอนโรงไฟฟ้าราชบุรีให้แก่ บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด ที่เป็นของเอกชน           ที่มีบอร์ดการไฟฟ้านายคุรุจิตนาครทรรพ ไปนั่งเป็นประธานกรรมการ กลับมีกำไรเพิ่มเช่น บริษัทราชบุรีโฮลดิงค์มีกำไรโบนัสให้ตนเอง     การที่กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่ซื้อขาย แพงกว่าเอกชนรายอื่น และกำไรของบริษัทผลิต ไฟฟ้าราชบุรี กำไรเพิ่มขึ้น  กรรมการได้โบนัสเพิ่มถือเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย และมีผลประโยชน์ทับซ้อนชัดเจน และ บริษัทราชบุรีโฮลดิงค์   ปี๒๕๕๔  กำไรสุทธิ ๔๘๔๐.๖๔ ล้านบาท  และปี๒๕๕๕ กำไร ๗,๗๒๖.๒๗ล้านบาท    ซึ่งกำไรเพิ่มขึ้นกว่า ๕๐%       แต่ค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นตกเป็นภาระ แก่ประชาชน
และนายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน  
และอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  เป็นประธานกรรมการบริษัทผลิตไฟฟ้า ราชบุรีโฮลดิงค์      จนปัจจุบัน (http://www.ratch.co.th/about/structure/board     ) เป็นกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเมื่อพ.ศ.๒๕๕๓ ถึง  ปัจจุบัน

             นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม กินตำแหน่งในขณะถ่ายโอนปี ๒๕๔๓ คือ เป็น  นักวิชาการคลังสำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลัง  และ   กรรมการบริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีจำกัด  และกรรมการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)  http://www.mof.go.th/home/aripong.htmlhttp://www.oic.or.th/fund_nonlife/file/เกรียติประวัติคณะกรรมการบริหารกองทุนประกันวินาศภัย.pdf

The Story of the Koh Tao Murder

The Story of the Koh Tao Murder (English)
excellent video!!!!
เพื่อนชาวต่างประเทศช่วยทำ Video เป็นภาษาอังกฤษให้ครับ 



วิเศษมาก ๆ เลยค่ะ ต้องขอบคุณแอดมิน และแฟน ๆ เพจ CSI LA  ที่เข้าไปแชร์ความเห็น ช่วยกันเสนอแนะ ชี้จุดที่น่าสนใจประกอบการวิเคราะห์เหตุการณ์ และความน่าจะเป็น จนมาถึงระดับนี้ วีดีโอนี้ตัดต่อและนำเสนอเล่าเรื่องราวได้กระชับแต่ไม่ตกหล่นจุดสำคัญต่าง ๆ ถือเป็นงาน MASTER PIECE ของคุณแอดมินและเพื่อน ๆ จริง ๆ

แน่นอนเรื่องยังไม่จบ แต่เดินทางมาถึงจุดสำคัญ หัวเลี้ยวหัวต่อได้ทันเวลาพอดี  หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงควรหันมาเอาใจใส่ และให้ความสำคัญกับรายงานบทสรุปชี้นนี้ อย่างจริงจัง คนบางกลุ่มได้พยายามดึงให้มันเกี่ยวข้องกับการเมือง ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้โปรดอย่าอคติ หลงประเด็นตามเลย ควรให้เกียรติแอดมิน CSI LA และตระหนักว่า)ปณิธาน ของเขาคือ สลายสี คิดต่างได้ แต่ไม่แตกแยก  แฟนเพจนี้มีคนเห็นต่างทางการเมืองก็เยอะ ต่างชาติต่างภาษาก็มี  ทุกคนร่วมมือ เหมือนเป็นทีมเวริ์คที่ดี
นี่คือตัวอย่างของการสร้างความปรองดองอย่างแท้จริง ตลอดจนเป็นการสร้างพลังและโชว์ให้เห็นถึงศักยภาพของ โซเชียลมีเดียไปในทางที่ถูกต้องและสร้างสรรค์เป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคมออนไลน์อย่างน่าชื่นชมที่สุด
เราหวังว่าสื่อระดับโลกคงให้ความสำคัญกับข่าววิเคราะห์ชี้นนี้นะคะ ขอบคุณแอดมินที่ทำให้ชาวโลกเกรงใจและให้เกียรติคนไทย(สื่อพลเมือง)มากขึ้น ท้ายสุดเกาะเต่าจะกลายเป็นตำนาน(ที่เตือนสติ)ของนักท่องเที่ยวและเจ้าของประเทศทั่วโลกให้รู้จักรักธรรมชาติ รักเพื่อนมนุษย์และอยู่ด้วยกันอย่างมีสติ เจ้าหน้าทุกส่วนที่เกี่ยวข้องโปรดสง่างามทำทุกอย่างอย่างเต็มกำลังด้วยสติปัญญาเพื่อรักษากฏหมาย “เอาคนผิด”มาลงโทษให้ได้ในเร็ววัน
#มาฟังการแถลงตอบเรื่องแพะคดีเกาะเต่านะคะ..

แล้วถ้าเป็น แพะ จริงๆ ใครจะรับผิดชอบ



ตำรวจไทยนี้ตลกนะค่ะ.....เหมือนมีคำตอบไว้แล้ว แค่เติมช่องว่างให้ตรงกับคำตอบ
อยากเอาหน้านาย...ไม่เลือกเวลาอับอาย จริงๆ ฟังคุณสนธิเลยค่ะ







----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    We hope that the global media will continue to focus on this horrific criminal case and understand the complications and difficulties that have arisen. Thank the ‘ Facebook Web page Administrator’ (CSILA) for making the world more considerate and respectful of Thailand (and the majority of Thai citizens). It is clear that this ‘KOH TAO’ Island incident will become a legend, plus a reminder to tourists and everyone around the world to not only preserve our precious nature, but to love and respect all human beings, so that we can consciously learn to live together in love and peace.
We implore all of the officials involved in this case; - Please do everything correctly, with transparency, and use justice, wisdom and mercy to uphold the law. Use ethical methods to bring "The Criminals” to the justice soon.
    This could be a great piece of ‘video crime investigation,’ thanks to the Administrator of this web-page (CSILA) and his fans for sharing their opinions, and who have helped to recommend useful and interesting points for the analysis of the events. Also the possibilities which led us to this level in utilizing ‘video editing’ and ‘correct presentations’ of this story. These are concise but do not drop any key points which have made this presentation to be widely recognized as a MASTERPIECE.’
     Of course the story is not over yet (and maybe it is only just beginning), but we have come to the ‘turning point’ in time, when the various parties involved should turn their attention to the report's conclusion and that  the officers involved do not seriously prejudice these proceedings. Such people should not “lose it,” by trying to make it relevant to politics, (both local, national and international). We should respect the ‘Webb Administrator’ (CSILA) and realize that he has made himself clear regarding his “Examination” of the facts; - (He is not a Pro “red shirt” or “yellow shirt” member) His web-page supporters are from a wide variety of political view-points and there are also many nationalities involved. They are all conscientiously working together as a unified team, to achieve a ‘fair and just’ outcome in this complex case.
    This should be an example of a true reconciliation, (and certainly an ‘Empowerment’), as well as showing the potentially powerful of ‘Social Media’ the correct way to be a good example of ‘online community support’ with their most admirable work.

    We hope that the global media will continue to focus on this crime case and understand the complications and difficulties involved, especially when dealing with local government agencies, plus the customs and cultures of various countries. 
Once again we thank the administrator for advising the world to be more considerate and respectful of Thailand (and the respectable Thai citizens). Finally, the ‘KOH TAO’ Island, (for both good and bad reasons), will become a “Thai Legend” (and a stern reminder) to tourists and the people of all nations around the world to live and love together as human beings in peace and harmony. 


ด่วน!!ตำรวจอังกฤษได้รับอนุญาตเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำคดี David กับ Hannah เเล้ว
  อีกมุมมองหนึ่งเรื่องคดีเกาะเต่า วิเคราะห์น่าสนใจมากค่ะ 

------------------


ทำไมนักสืบ Scottland Yard ถึงมโนเหมือนกับนักสืบ Social
How come the Scottland Yard Detectives have the same information as CSI LA detective?
1.เพื่อนซี้คนตาย“คริสโตเฟอร์ อลันแวร์”พลิกสถานการณ์จากเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยกลายเป็นพยานให้นักสืบผู้ดีมีหลักฐานฉีกหน้าโปลิศไทย ระบุมาเฟียเกาะเต่าเป็นคนสังหาร “ฮันนาห์-เดวิด” หลังรุมมอมยาและรุมโทรมข่มขืนแหม่ม “สมยศ” ซึมสถานการณ์กดดันหนักถึงกับป่วย อ้างหลังเดี้ยงลาพัก 3 วัน
Chris Ware is now a major witness and said that Koh Toh Mafia killed Hannah and David. The mafia actually drugged Hanna and raped her. Pol General Somyod is on the sick leave right now.
2.อังกฤษให้ความสนใจก็คือกลุ่มอิทธิพลบนเกาะเต่า ซึ่งชาวบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ไทยก็ทราบกันดีว่าเป็นใครบ้าง การข่าวจากนักสืบสกอตแลนด์ยาร์ดที่เคยมาสังเกตการณ์คดีอื่นๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามากมายหลายคดี แต่มิได้แจ้งกับทางการไทยก็พบว่าขบวนการมาเฟียใหญ่อยู่ที่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเกาะพงันเจ้าตำรับฟลูมูนปาร์ตี้ อันเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดระดับโลก หรือที่เกาะเต่าล้วนมีผลประโยชน์เกี่ยวเนื่อง
British Investigators knows and understands about the power and influence of Koh Tao, Koh Pangnan Mafia. They also have records about unreported incident and drugs trade activities.
3. นอกจากนั้นในวันเกิดเหตุผลการสืบสวนของอังกฤษ กลับตรงข้ามฝ่ายไทยอย่างสิ้นเชิงโดยเชื่อว่าระหว่างคนตายกับเพื่อนๆออกมาปาร์ตี้กันอยู่มีกลุ่มฆาตกรเฝ้าจับตาอยู่ห่างๆซึ่งวิธีการมอมเหล้านั้นมีหลายรูปแบบทั้งเพิ่มสีสันต์บรรยากาศ หรือเข้าไปตีสนิทจนถึงแอบผสมยาเสพติดบางชนิดในเครื่องดื่มอันเป็นวิธีที่กลุ่มมาเฟียประจำเกาะใช้จัดการกับเหยื่อและเมื่อดูตามรูปการณ์มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะปฏิบัติการช่วงแยกย้ายกันกลับที่พักพอสบโอกาสก็ลากตัวน.ส.ฮันน่าห์ วิทเธอร์ริดจ์ ไปข่มขืน แต่เนื่องจากเป็นการล่วงละเมิดในลักษณะที่คนตายเมามายไม่ได้สติจึงมิได้ขัดขืน ซึ่งตรงกับการชันสูตรศพที่พบว่าไม่มีร่องรอยถูกทำร้ายตามร่างกาย มีแต่บาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าจนเสียชีวิต. The British investigator found that Hannah was a target of local mafia. They set up fun enviornment and slipped date rape drugs into her drink. This made Hannah loss her concious and unable to fight back. That's why, there was not sign of resistant from Hanah.
4. นายมิลเลอร์ มาเห็นจึงเข้าช่วยจึงถูกทำร้ายก่อนลากไปทิ้งให้จมน้ำตาย อย่างไรก็ตามประเด็นนี้อาจไม่ชัดเจนนัก เพราะนายคริสโตเฟอร์ อลันแวร์ แทนที่จะเป็นพยานปากสำคัญให้ทางการไทย เมื่อรีบปล่อยกลับประเทศ เขาก็กลายเป็นพยานสำคัญของสกอตแลนด์ยาร์ด เกมเปลี่ยน แรงกดดันจึงมาตกที่ทางการไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ David Miller saw what happened to Hannah and was trying to help. Unfortunately he was attcked and drawn by local mafia.
5.ส่วนฆาตกรตัวจริงที่ทางอังกฤษจับตานั้น เป็นผู้ต้องสงสัยกลุ่มเดิมๆซึ่งไม่พ้นลูกหลานผู้มีอิทธิพลบนเกาะเต่าเจ้าเก่านั้นเอง มีการระบุด้วยว่าพวกนี้ปลูกรากฝังลึกมาเป็นเวลานาน มีธุรกิจหลายอย่างทั้งสีเทา สีดำ และสีขาวมีอิทธิพลการเงินสูงเป็นที่เกรงอกเกรงใจของเจ้าหน้าที่ไทยบางคนจนชาวบ้านไม่กล้าพูด เพราะกลัวเภทภัยถึงตัว อีกทั้งพฤติกรรมของมาเฟียกลุ่มนี้เป็นที่กล่าวขานกันทั้งเกาะในความโหด เลว ไม่มีดี มีเรื่องล่อลวงนักท่องเที่ยวหญิงไปอนาจารกันเป็นประจำและ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ ก็คือ 1 ในเหยื่อ The main suspects here is still Nomsod, Nomsod's Uncle and his other friends. Nomsod's family has lots of influence plus grey, blcak and white busienss. This is why nobody dare to speak up to Thai authorities.
ที่มา ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการ online
คดีเกาะเต่า”ส่อเค้าวุ่นไม่จบ! โปลิสอังกฤษกุม “ข้อมูลลับ” ชี้มาเฟียพื้นที่ “ฆาตกรตัวจริง”
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx…


วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ด่วน!!ตำรวจอังกฤษได้รับอนุญาตเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำคดี David กับ Hannah เเล้ว

สดๆร้อนๆ มีข่าวดีมาบอก
ตำรวจอังกฤษได้รับอนุญาติเข้ามาทำคดีในประเทศไทยเพื่อทำคดี David กับ Hannah เเล้วหลังจากรัฐมนตรีอังกฤษ David Cameron ได้คุยตัวต่อตัวกับ พลเอก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ the Asia Europe Meeting ในประเทศ อิตาลี่

UK police to travel to Thailand to probe tourist murders

UK police have been cleared to travel to Thailand to investigate the murders of British tourists Hannah Witheridge and David Miller after the country's military ruler dropped his objections.
Miss Witheridge, 23, from Great Yarmouth, and 24-year-old Mr Miller, from Jersey, were brutally murdered on the holiday island of Koh Tao in September. Two men have been charged with their murders.




Police to examine DNA and duress claims in Thai case


British detectives travelling to investigate the backpacker murders in Thailand are expected to focus on independent checks of DNA samples central to the case against two Burmese men accused of the crime and their claims to have been mistreated.
Diplomatic sources said Thailand's military ruler accepted the sending of a delegation to investigate the killing of Hannah Witheridge and David Miller when pressed on the issue by David Cameron during their summit meeting.
Obviously it is for the Thai authorities to lead and carry out that judicial process. But it is important that it is fair and transparent and that both of the families can be reassured that it is the murderers that have been brought to justice.
There are two areas we are particularly concerned about. One is the verification of the DNA samples of the suspects, making sure there is further independent verification. And the second is the investigation into allegations of mistreatment of the suspects. What the PM secured this morning was agreement from the Thai PM that we can send some British police investigators to Kho Tao to work with the Royal Thai Police on this.
– DIPLOMATIC SOURCE





ตอนนี้คำร้อง ที่มีผู้ลงนาม 100,000 คน ถูกส่งให้รัฐบาลอังกฤษเเล้วค่ะ 
-------------------------------------------------------------------------
 this web-page (CSILA)
เราได้เกิน 1 เเสนรายชื่อเเล้วครับ ขอขอบคุณทุกๆคุณที่ร่วมมือกันร่วมใจกันนะครับ เพราะสิ่งที่เราขอร้องคือความโปร่งใสเเละยุติธรรมเท่านั้นเอง
Congratulation everybody, we exceed our goal of 100,000 signatures. We would like to thank everybody for participating in this petition. Fairness and transparency is an international standard. People want fairness and transparency. WE want fairness and transparency.


The Story of the Koh Tao Murder


วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เศรษฐกิจพอเพียง"แบบไหนหรือคะ คสช.


สิ่งที่กังวลใจที่สุดได้เริ่มปรากฎเค้าลางความเป็นจริงขึ้นแล้ว ประเทศไทยกำลังย่างก้าวเข้าสู่ยุคทาสทุนนิยมสามานย์โลก และเริ่มจะถลำลึกลงไปเรื่อยๆ กับนโยบายด้านการเกษตรที่เริ่ม"ฆ่าตัดตอน"เกษตรกรไทย แปลงเกษตรกรให้เป็นแรงงานในฟาร์มของบรรษัทอุตสาหกรรมเกษตรของต่างชาติ เริ่มด้วยการบ่อนเซาะอาชีพชาวนา-ชาวสวนยางเอกระที่บรรพบุรุษเราสร้างชาติกันมาด้วยข้าว+ยางพารา นโยบายพลังงานที่ยังไม่ปรับเปลี่ยน 
ตัวอย่างของวิกฤติในยูเครนขณะนี้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกันบ้าง ลองดูแล้วนำเอามาสร้างจินตการประเทศไทยในอีกสิบปีข้างหน้านะคะ
" ในบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิที่อุทิศตนทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้ชาวยูเครนพ้นจากการครอบงำของรัสเซียคือบุคคลดังต่อไปนี้
-Melissa Agustin ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการระหว่างประเทศและการค้าสำหรับ Monsanto (บรรษัทยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมการเกษตรจีเอ็มโอ)http://www.monsanto.com/pages/default.aspx ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนพฤษภาคม 2013, Monsanto บรรษัทผลิตเมล็ดพันธุ์การเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีแผนจะทุ่มทุน 140,000,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อเพาะเมล็ดข้าวโพด ดัดแปลงพันธุกรรมในยูเครน.
-Brigitte Dias Ferreira ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของ John Deere (บรรษัทขายเครื่องจักรกลการเกษตรข้ามชาติ)http://www.deere.com/en_US/regional_home.page
Steven Nadherny ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ CNH industrial บรรษัทขายเครื่องจักรกลการเกษตรข้ามชาติ http://www.cnhindustrial.com/en-us/pages/homepage.aspx
-Jeff Rowe ผู้อำนวยการภูมิภาค ของ DuPon Pioneer บรรษัทยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมการเกษตรอีกแห่งหนึ่ง http://www.dupont.com/
-John F. Steele ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของ Eli Lilly & Company บรรษัทอุตสาหกรรมยาข้ามชาติhttp://www.lilly.com/products/Pages/default.aspx
และแน่นอน, บรัษัทอุตสาหกรรมการเกษตรครบวงจรทั้งพืช ปศุสัตว์ ยาและการเงิน Cargill ของ Van A. Yeutter (http://www.cargill.com/company/index.jsp) ก็ได้เข้าร่วมวงไพบูลย์ด้วย
และบรรษัทข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องพลังงาน Chevron ก็กำลังกังวลกับความขัดแย้งทางการเมือง+การทหารอันเนื่องมาแต่สัมปทานห้าสิบปีของการผลิตก๊าซและน้ำมันในยูเครน

แด่นักสู้ธุลีดินชาวไทย เมื่อหลักอารยะถูกหมู่มารย่ำทำลาย

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กีฬาสี

 สีเหลือง-แดงราวีถึงชีวิต
สีฟ้าอำมหิตคิดหัวใส
ชักธงพาฆ่ากันจนบรรลัย
แล้วปล้นชัยให้พวกเดียวสีเขียวครองฯ
อุษาสวัสดิ์ครับมวลมิตร- เมื่อคืนฝันว่านั่งดูกีฬาสีครับ ปรากฎว่าสีเขียวครองแชมป์ประเทศไปแบบไม่ต้องเหนื่อยลงเล่มเกมด้วย แต่คงต้องเหนื่อยยอมโดนด่าเพื่อรักษาแชมป์ ไม่รู้ว่าจะไปรอดแค่ไหน ?
แทน ราศนา
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

“ประยุทธ์”ไม่เหมาะเป็นนายกฯ อคติ –อาฆาต เผด็จการกว่ายุค 14 ตุลา








ปวศ ต้องจารึก นักข่าวไล่นายกฯ
“ยุวดี”นักข่าวอาวุโสทำเนียบวิจารณ์ “ประยุทธ์”ไม่เหมาะเป็นนายกฯ อคติ –อาฆาต เผด็จการกว่ายุค 14 ตุลา เตือนระวัง“พัง”พร้อมเสนอ ปฎิรูปกองทัพก่อนปฎิรูปประเทศ
.
นางยุวดี ธัญญศิริ นักข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ประจำทำเนียบรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ “Thaivoicemedia.com” กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่พอใจเกี่ยวกับการซักถามและการทำข่าว ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า โดยส่วนตัวไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไร กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะตลอดเวลาการทำงานข่าวมา 40 ปี จะให้เกียรติกับแหล่งข่าวเสมอ ไม่ว่า นายกรัฐมนตรี จะมาจากการเลือกตั้ง หรือ มาจากการรัฐประหาร ซึ่ง นักข่าวทุกคน จะต้องศึกษา ประวัติความเป็นมา ลักษณะอุปนิสัยของนายกรัฐมนตรีแต่ละคนอยู่แล้ว จะถามอย่างไร ถึงจะได้คำตอบ หรือได้ข่าว ถามแนวไหน แบบไหนถึงจะได้ประเด็นข่าว เพื่อให้ความกระจ่างชัดในประเด็นที่ถามได้
.
นางยุวดีกล่าวว่า กรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น คิดว่า ยังไม่เข้าใจการทำหน้าที่ของนักข่าวดีพอ นักข่าวไม่ได้มีหน้าที่เสนอข่าวด้านรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ต้องมีแง่มุมอื่น หรือความคิดเห็นอื่น ๆ ที่จะต้องนำเสนอให้รอบด้านครบถ้วน ไม่ใช่หลับหูหลับตาฟัง โดยไม่ตั้งคำถาม หรือถามอะไรที่ไร้สาละ หน่อมแน่ม ไม่ใช่
“อย่างเรื่อง คดีนักท่องเที่ยวอังกฤษถูกฆ่าที่เกาะเต่า คุณประยุทธ์ก็หาว่าพวกเราเดินตามตูดฝรั่ง ที่กล่าวหาว่า การสอบสวนของตำรวจไทยหลงทาง เราก็ถามไปตามหน้าที่ นายกฯก็ชี้แจงมาสิว่า หลงทางหรือไม่ หลงทาง เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน ไม่ใช่มาต่อว่า ว่าตามตูดฝรั่ง ซึ่งผู้นำที่ดี เขาไม่พูดอย่างนี้ มาด่าพวกเราว่า ไม่รักชาติบ้านเมือง นักข่าวก็เป็นคนไทย รักบ้านเมืองด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่มีแต่คุณประยุทธ์ คนเดียวเสียเมื่อไหร่ ที่รักบ้านรักเมืองมากกว่าคนอื่น พูดอย่างนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำ” นางยุวดีกล่าว
.
นักข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล ยังกล่าวด้วยว่า การแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ละครั้ง แทนที่จะเอาข้อเท็จจริงที่นักข่าวสงสัยมาอธิบาย หรือมาชี้แจง กลับมาสอน มาอบรมนักข่าว บางทีพูดอบรมข่มขู่นักข่าว เป็นชั่วโมง แล้วมาต่อว่าอีกว่า ปล่อยให้พูดเป็นชั่วโมง ซึ่งก็แนะนำไปว่า ให้พูดข้อเท็จจริง กระชับ สั้น ๆ ก็พอ เพราะมีหลายเรื่องหลายประเด็น แต่กลับมาตำหนิอีกว่า ให้พูดสั้น ๆ แล้วไม่รู้เรื่อง ปัญหาบ้านเมืองจึงไม่จบ นี่ไม่ใช่วิสัยของผู้นำที่มีพฤติกรรมแบบนี้
“จะบอกว่าเมื่อลงข่าวไปแล้ว เกิดความเสียหายขึ้น ใครรับผิดชอบ นักข่าวและต้นสังกัดของนักข่าวฉบับนั้น ๆ เขารับผิดชอบของเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเขาหรอก ห่วงตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าเถอะ” นางยุวดีกล่าว
.
นางยุวดีกล่าว คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องมีจิตใจที่เมตตา มีความยุติธรรม เป็นกลาง แต่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ดูเหมือนจะดำเนินนโยบาย ของกลุ่ม กปปส.มาปฎิบัติเป็นส่วนใหญ่ และกลุ่มบุคคลที่อยู่ฝั่ง กปปส.ทำอะไรก็ไม่ผิด แต่ถ้าเป็นฝ่าย นปช.พรรคเพื่อไทย คอยคิดที่จะจองล้างจองผญาญไม่จบ ไม่สิ้น
“คณะกรรมการ หรือ สมาชิก สนช. หรือ สปช.อะไรทั้งหลายทั้งปวงที่ตั้งกันขึ้นมาก็เห็นตั้งเฉพาะพวกเดียวกันเข้ามาทั้งนั้ขณะที่ ฝ่ายตรงกันข้ามอย่าง พวกเสื้อแดง พวก นปช. ก็เอาเขาไปขังไว้เป็นปี ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีที่มาจากการทำรัฐประหาร เมื่อเข้ามาแล้วจะต้องนิรโทษกรรมให้กับฝ่ายต่าง ๆ ทั้งหมด เพื่อให้ บ้านเมืองมันเกิดความสว่าง ไม่ต้องมาขัดข้องหมองใจ ให้อภัยกันไปเสียบ้าง ยุคเผด็จการสมัยก่อน เมื่อยึดอำนาจมาแล้วสิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะต้องทำคือ
1. จะต้องนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง หากคนไหนไม่มีคดีอาญาก็ต้องปล่อยไป ไม่ใช่ขังเขาไว้เป็นเวลา 2-3ปีแบบนี้ เราเคยถามว่าทำไมไม่ทำ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยังมีหน้ามาบอกว่า ไม่เห็นมีนักโทษทางการเมือง ถ้าคิดอย่างนี้ ก็เลิกพูดกัน แล้วไอ้ที่ขังเขาอยู่นั่นนะ มันเป็น หมา เป็น แมว หรือไงวะ จะอาฆาตกันไปถึงไหน แค่มีความเห็นต่างทางการเมืองกันก็เท่านั้น จะเอาเป็นเอาตายกันเลยหรือ คนไทยด้วยกันทั้งนั้น” นางยุวดีกล่าว
.
นางยุวดีกล่าวต่อไปว่า สมัย 14 ตุลา เมื่อ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ยังเสนอให้มีการนิรโทษกรรมให้นักศึกษาที่หนีเข้าป่า ให้กลับออกมาด้วยซ้ำ เพราะเห็นว่า ประเทศชาติจะขาดปัญญาชนไม่ได้ เพราะยุคนั้นปัญญาชนที่มีความรู้ ความสามารถ เข้าป่ากันไปเป็นจำนวนมากทีเดียว อีกอย่าง พ่อแม่ ครอบครัวเขาที่อยู่ข้างหลัง จะได้รู้สึกสบายใจ บรรยากาศทางการเมืองที่เคยคับแค้นใจกัน หรือมีแต่ความมืดก็จะสว่างขึ้น แต่ ตรงกันข้ามกับเผด็จการสมัยนี้ ที่มี นายกรัฐมนตรี ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามสร้างแต่พระเดช แต่ไม่ได้สร้างพระคุณ ดังนั้นเมื่อพูดอะไรไป ก็ไม่มีใครฟัง ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครศรัทธา
.
“เวลาที่คุณประยุทธ์ต่อว่า หรือดุด่าอย่างมีอารมณ์กับเรานั้นนะ เรารู้สึกสงสารเขานะ คือคนที่เข้ามานั่งในระดับสูงสุดของประเทศแบบนี้ ถ้าไม่รู้จักปรับตัว ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง เคยชินกับการสั่งแต่คนอื่นตลอดเวลาแบบนี้ รับรองว่า พัง นายกฯคนนี้ทำอะไรไม่ฉลาด ต้องรู้จักผ่อนหนัก ผ่อนเบาบ้าง อย่าลืมว่า นายกรัฐมนตรีนั้นมีหน้าที่ดูแลแก้ปัญหาให้กับประชาชน ต้องเข้าใจประชาชน ไม่ใช่ให้ประชาชนมาเข้าใจตัวเอง เราว่า เผด็จการในอดีตสมัย จอมพลถนอม จอมพลประภาส ไม่มีปัญหากับนักข่าวเหมือนคุณประยุทธ์ ผู้นำเผด็จการเมื่อก่อนยังพร้อมที่จะรับฟัง ทำข่าวง่ายกว่ายุคนี้เยอะ” นักข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาลกล่าว
.
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรกับการที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะปฎิรูปประเทศซึ่งรวมถึงการปฎิรูปสื่อด้วย นางยุวดีกล่าวว่า คณะกรรมการปฎิรูปทั้ง 11 ด้าน กลับไปปฎิรูปตัวเองก่อนดีกว่า สื่อมวลชนจำเป็นต้องปฎิรูปและปรับตัวอยู่แล้ว ไม่งั้นจะอยู่ไม่ได้ และกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ปฎิรูปก็พวกเดียวกันทั้งนั้น คิดไปในทำนองเดียวกัน เป็นทหารเสียมากกว่าครึ่งด้วยซ้ำ อย่างนี้แล้วมันจะปฎิรูปสำเร็จได้อย่างไร
.
“กองทัพเองต่างหากละ ที่จะต้องเร่งปฎิรูปก่อนใครเพื่อน คิดดู นายพล ในกองทัพไทย มีจำนวนเป็นพันแล้วตอนนี้ ทำไมตั้งกันเยอะแยะ เดินกร่างเต็มไปหมด จะเหยียบกันตายอยู่แล้ว ขนาดนายกสมาคมกีฬา สมาคมมวยสมัครเล่น อะไรต่อมิอะไร ก็เป็นนายพลทั้งนั้น มันอะไรกัน และเมื่อเข้ามารับตำแหน่งด้านการบริหารต่าง ๆ โอกาสที่จะเกิดการทุจริต โดยการเรียกเปอร์เซ็นต์จากโครงการนั้น โครงการนี้ก็มีเหมือนกัน เรื่องนี้ จะไม่ให้ตรวจสอบ ไม่ให้ตั้งคำถามไม่ได้” นางยุวดีกล่าว
.
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดขอความเห็นใจว่าไม่อยากที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง บังคับให้ทหารต้องออกมารับผิดชอบ นางยุวดีกล่าวว่า พูดแบบนี้ เขาเรียกว่า พูดแบบปากกับใจไม่ตรงกัน ก็คอยดูกันต่อไปแล้วกัน
.
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่เพียง 1 ปี จริงหรือไม่ นางยุวดีกล่าวว่า ก็คงจะตะแบงไปเรื่อย หากรัฐธรรมนูญร่างไม่เสร็จ ก็ยืดไปเรื่อย เปิดทางไว้แล้ว ไม่แน่อาจจะเลือกตั้งในปี 2559 ก็ได้
.
“เราทุกคนรักบ้านเมืองกันทั้งนั้นแหละ อะไรที่ไม่ถูกไม่ต้องก็ต้องวิพากษ์วิจารณ์กัน
ไป ผู้บริหารประเทศก็ต้องรับฟัง จะเชื่อไม่เชื่อ จะทำไม่ได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่มองคนอื่นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นศัตรูไปเสียหมด” นางยุวดีกล่าว.


ที่มา: