เรื่องของ "สามเจ้าสัว" : เจ้าสัวจัสตินกินขาดครับ กินแบบเสือนอนกิน แบบไม่ต้องทำงานอะไรเลยก็กิ
ผมเห็นคนแชร์กระทู้ของ BrandAge Online เปรียบเทียบ เจ้าสัวเจริญ (ไทยเบฟ) กับเจ้าสัวธนินท์ (ซีพี) (ดูกระทู้ที่นี่ https://goo.gl/wcTqzs)
ผมก็ว่า กลุ่มทุนซีพีและไทยเบฟ เป็นกลุ่มทุนที่มีลักษณะผูก
แต่อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทีย
ตอนนี้ ไม่มีทางที่ใครจะมาอ้างว่า ทรัพย์สินส่วนที่เรียกว่า "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริ
มูลค่าทรัพย์สินฯดังกล่าว ประเมินกันตั้งแต่ต่ำสุด ราว 35 พันล้านเหรียญ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) ถึงสูงสุด ราว 55 พันล้านเหรียญ (ราว 1.8 ล้านล้านบาท)
เราเอาตัวเลขต่ำสุดก็ได้* เทียบกับ เจ้าสัวธนินท์ ตัวเลขปี 2017 จาก Forbes อยู่ที่ 21.5 พันล้านเหรียญ (ราว 7 แสนล้านบาท) เจ้าสัวเจริญ อยู่ที่ 15.4 พันล้านเหรียญ (ราว 5 แสนล้านบาท)
*(ความจริงตัวเลขมูลค่าทรัพ
จะเห็นว่า เจ้าสัวจัสติน "กินขาด" ในแง่ความรวยแล้ว นี่ยังไม่นับทรัพย์สินส่วนท
และทั้งนี้ ไม่นับการที่รัฐจ่ายงบประมา
............
สามัคคี "สามเจ้าสัว"
เมื่อเดือนก่อน "เจ้าสัวธนินท์" ไปให้เงิน "เจ้าสัวจัสติน" ใช้จ่ายเล่นๆ 45 ล้านบาทhttps://goo.gl/ULDJTF
---------------
FYI ธนินท์ ซีพี ถวายเงินให้กษัตริย์ใช้ตามใจชอบ 45 ล้านบาท
อาจจะจำกันได้ว่า เดือนก่อน กษัตริย์บินกลับมา 2 วัน นอกจากเพื่อทำพิธีเข้าพรรษา-อาสาฬะแล้ว ก็มีข่าวให้บางคนเข้าเฝ้า ซึ่งที่น่าสนใจสำหรับผม คือกรณี เสี่ยธนินท์ ซีพี เข้าเฝ้าถวายเงิน เพราะดังที่ทราบกันดีว่า ซีพีสร้างสัมพันธ์อันดีมากกับกษัตริย์องค์ก่อน ผมจึงสนใจว่าความสัมพันธ์กับกษัตริย์ใหม่จะเป็นอย่างไร (ดูรูปประกอบจากข่าวตอนนั้น หรือดูกระทู้เก่าของผมอันนี้ ย่อหน้าที่สาม https://goo.gl/Tcwjqj )
----------
----------
"เสี่ยจัสติน" กลับมา "ทำงาน" ได้ 2 วัน* ก็กลับไปสำราญบานใจ(รวมทั้งขับเครื่องบินเล่น)ที่เยอรมัน อีกแล้วหรือ? "คุ้ม" จริงๆครับ เงินที่ประชาชนจ่ายไปกับเขาปีละเป็นหมื่นล้าน
บางคนอาจจะสังเกตว่า หลังจาก "เสี่ยจัสติน" กลับไทยวันที่ 8 ตามที่ผมบอกไว้ล่วงหน้าจริงๆ (ดูกระทู้ "เบ็คคั่ม" วันที่ 5 ของผม ที่นี่ https://goo.gl/5fSGPX)
ปรากฏว่า หลังจากมีข่าวในราชสำนักว่า เขาทำโน่นนี่ในวันที่ 8 และ 9 เช่น เปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต ประกอบพิธีอาสาฬหะและเข้าพรรษาที่วัดพระแก้วและวัดบวร และให้เจ้าสัวซีพีเข้าถวายเงิน - ดูรายงานที่นี่ https://goo.gl/8BKFH3 และที่นี่ https://goo.gl/zwErWY
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ไม่มีข่าวการปรากฏตัวของเขาในไทยอีกเลย (ดูรายงานข่าวในราชสำนัก ที่นี่ https://goo.gl/UanEJU)
ขณะเดียวกัน ในยุโรป เครื่องบินส่วนตัวทั้ง 2 ลำของเขา (หากใครต้องการฟื้นความจำเรื่องเครื่องบินส่วนตัวของเขา ดูกระทู้เก่าอันนี้ https://goo.gl/RkvokK)
โดยเฉพาะเครื่องใหม่เอี่ยมล่าสุด HS-HMK (His Majesty the King) ขึ้นลงบินวนบริเวณมิวนิค หลายเที่ยว (ไม่น่าเป็นไปได้ ที่คนอื่นจะเอาเครื่องบินส่วนตัวนี้ของเขาไปขับเล่นได้)
วันที่ 10 กรกฎาคม
เวลา 12:43-13:19 น. เครื่อง HS-HMK บินจากมิวนิค ไปซูริค
(ภาพประกอบที่หนึ่ง หรือดูที่นี่ https://goo.gl/wPf6DV)
(ภาพประกอบที่หนึ่ง หรือดูที่นี่ https://goo.gl/wPf6DV)
เวลา 14:06-14:44 น. เครื่อง HS-HMK บิน(กลับ)จากซูนิค ไปมิวนิค
(ภาพประกอบที่สอง หรือดูที่นี่ https://goo.gl/N1Fnzu)
(ภาพประกอบที่สอง หรือดูที่นี่ https://goo.gl/N1Fnzu)
วันที่ 11 กรกฎาคม
เวลา 19:14-20:25 น. เครื่อง HS-HMK บินวนรอบแถวมิวนิค
(ภาพประกอบที่สาม หรือดูที่นี่ https://goo.gl/Z4S7xG)
(ภาพประกอบที่สาม หรือดูที่นี่ https://goo.gl/Z4S7xG)
วันที่ 12 กรกฎาคม
เวลา 12:50-14:10 น. เครื่อง HS-HRH บินวนรอบแถวมิวนิค
(ภาพประกอบที่สี่ หรือดูที่นี่ https://goo.gl/34R1tn)
(ภาพประกอบที่สี่ หรือดูที่นี่ https://goo.gl/34R1tn)
วันที่ 13 กรกฎาคม
เวลา 12:49-13:47 น. เครื่อง HS-HMK บินวนรอบมิวนิค
(ภาพประกอบที่ห้า หรือดูที่นี่ https://goo.gl/djdM3M)
(ภาพประกอบที่ห้า หรือดูที่นี่ https://goo.gl/djdM3M)
ภาพประกอบที่หกและเจ็ด เป็นตารางสรุป การบินของเครื่องบินส่วนตัว 2 ลำของเขาในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดังกล่าวข้างต้น
ความจริง ตอนที่ผมได้ยินก่อนวันที่ 8 ว่า เขาจะกลับไทยวันที่ 8 ผมก็ได้รับการบอกด้วยว่า เขาจะกลับไปยุโรปอีก แล้วค่อยกลับมาอีกทีช่วงวันเกิด (คือไม่ใช่กลับไทยวันที่ 8 แล้วอยู่ยาวถึงปลายเดือนช่วงวันเกิด) แต่ก็นึกไม่ถึงว่า เที่ยวนี้ มาแค่ 2 วัน ก็กลับไปนอนตีพุงที่เยอรมันอีกแล้ว
.............
* ตอนโพสต์กระทู้นี้ครั้งแรก ผมเขียนว่า "วันเดียว" มี "มิตรสหายบางท่าน" ได้ทักมาว่า น่าจะเป็น 2 วันมากกว่า ผมลองเช็คอีกที ก็เป็นดังนั้น คือ เขามาทำพิธีเข้าพรรษาและอาสฬหะ อย่างละวัน ตอนอ่านข่าวครั้งแรก ผมสับสน ต้องขออภัย
บังเอิญผมเพิ่งได้ข้อมูลเอกสารยืนยันตัวเลขจำนวนเงินที่ ธนินท์ซีพีถวายให้ จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง (ผมตัดเฉพาะตัวเลขจากเอกสารมาทำภาพประกอบ)
ตามข่าวราชการตอนนั้นเขียนรวมๆกันว่า "เพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัยและเพื่อสมทบทุนมูลนิธิการศึกษาพระราชทาน"
ความจริง วันนั้นที่ถวาย แยกเงินสองก้อนนี้ออกจากกัน
โดยเงินก้อนแรกที่ถวาย "ให้ทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย" เป็นจำนวน ๔๕ ล้านบาท
และเงินก้อนหลังเป็นจำนวน ๕ ล้านบาท
แน่นอน สำหรับซีพี เงิน ๔๕ ล้าน ถือเป็นระดับ "เศษตังค์"
สำหรับกษัตริย์ใหม่เอง ตอนนี้หลังจากรวบทรัพย์สินฝ่ายกษัตริย์ฯ (ที่รัฐอ้างเสียงแข็งมาตลอดว่า เป็น "เงินแผ่นดิน") เข้าเป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวโดยสิ้นเชิงแล้ว จำนวนเท่านี้ ก็อาจจะจัดเป็น "เศษตังค์" ได้เหมือนกัน
(สำหรับประชาชน เงินเท่านี้ก็ถือว่าเยอะแหละ)
แต่ก็เรียกว่า สำหรับกษัตริย์ เงินนี้ ถ้าพูดตามสำนวนฝรั่ง ก็ come in handy หรือ สะดวกเหมาะเจาะ สำหรับเอาไปช่วยค่าใช้จ่าย "เล็กๆน้อยๆ" ช้อปปิ้งเล่น ขับเครื่องบินเล่น หรือช่วยเรื่องพวกค่าใช้จ่ายสำหรับบริวารนับร้อยในยุโรปได้พอดีอยู่หลายวันเหมือนกัน (ความจริง ค่าบำรงรักษาและขับเครื่องบินเล่น และค่าใช้จ่ายในยุโรปส่วนใหญ่คงเอาเงินส่วนที่เป็นงบรัฐที่ให้สถาบันกษัตริย์ใช้)
ประเด็นน่าสนใจที่กว้างไปกว่านั้น คือเรื่องที่ซีพี ยัง "มาเหนือเมฆ" สืบสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวังต่อไป (ช่วงที่กษัตริย์กลับมา 2 วัน มีเพียงซีพีรายเดียวที่เป็นเอกชนได้เข้าเฝ้า ที่เหลือเป็นพวกราชการ) ซึ่งในทางธุรกิจต้องถือเป็นการลงทุนที่คุ้มมากๆ ไม่เชื่อถาม "หอชมเมือง-ไอคอนสยาม" เป็นต้นดูดิ
และเรื่องที่ประเทศไทย ที่รัฐอ้างการเข้มงวดปราบคอร์รัปชั่นตลอดเวลา อนุญาตให้นายทุน ("สามานต์") ให้เงินเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐไป "ใช้จ่ายเล่นตามใจชอบ" กันโจ๋งครึ่มกันขนาดนี้
...................
ปล. สำหรับใครที่ไม่รู้ เวลามีข่าวกษัตริย์พระราชทานโน่นนี่ เช่น ถุงยังชีพ เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ฯลฯ เงินนั้นเอามาจากงบรัฐเสียเยอะ ประเภทอัฐยายซื้อขนมยาย เงินภาษีประชาชนเอามา "พระราชทาน" ให้ประชาชนในนามกษัตริย์
ส่วน "เจ้าสัวเจริญ" ก็ไปให้เงินเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเท่าไร (https://goo.gl/X4u9V8)
เอ้า ดนตรีขึ้น https://goo.gl/5ZCyG7
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น