Turn My Exile to Learning Period (2)
วันนี้ขอเล่าเรื่องที่ผมโง่มานานและก็ได้บทเรียนมาเล่าให้ท่านฟังครับ เมื่อวันก่อนมีคนหนุ่มมีความรอบรู้ดีมาพบผม มาคุยเรื่องไฟฟ้าพลังลม ผมก็พูดออกไปด้วยความมั่นใจบนพื้นฐานของความรู้สึกว่า บ้านเราลมไม่แรงทำไฟฟ้าพลังลมคงลำบาก เขาก็บอกว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปไกล ลมไม่ต้องแรงมากก็สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ผมก็เลยบอกว่ายังงั้นคงต้องไปทำแถวริมทะเลเพราะลมจะแรงหน่อย ผมเชื่อว่าคนทั่วไปก็จะคิดแบบผม รู้ไหมเขาบอกผมว่าอย่างไร
เขาบอกว่าที่ไปทำกันริมทะเลเจ๊งกันเป็นแถวเพราะเป็นลมผิวล่างไม่ใช่ลมบน ลมมันอ่อนมากไม่พอผลิตกระแสไฟฟ้า ผมไปเอาแผนที่ลมของ NASA (องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา) มาศึกษาดู ปรากฎว่าเมืองไทยมีลมระดับสูงที่พอผลิตกระแสไฟฟ้าได้แถวๆโคราช ประกอบกับที่ดินที่จะเข้าไปปักเสาก็ไม่ใช่ป่าสงวน ทางเหนือก็พอมีลม แต่เป็นภูเขาผ่านป่าสงวน ปัญหาเยอะ
ท่านครับ ผมถึงบางอ้อทันที มันบอกให้ผมรู้ว่าทุกอย่างอย่าใช้ความรู้สึก ต้องใช้วิทยาศาสตร์และคำตอบทางวิทยาศาสตร์มีอยู่เต็มไปหมด หาได้ง่ายมากในโลกยุคใหม่
พอเขาพูดถึงแผนที่ NASA ทำให้ผมนึกถึงเรื่องของแร่ธาตุและทรัพยากรทั้งหลาย NASA ก็มีแผนที่ที่เขาถ่ายจากอวกาศมาทั้งโลก เขารู้หมดว่ามีอะไรอยู่ที่ไหนมากน้อยแค่ไหน อเมริกา รัสเซียจะเป็น 2 ประเทศที่รู้เรื่องนี้มาก ถึงได้มีการเดินหมากรุกการเมืองโลกเพื่อครอบครองทรัพยากร ท่านรู้ไหมครับว่าที่อัฟกานิสถานที่รัสเซียเคยเข้าไปและตอนนี้สหรัฐเข้าไปเป็นประเทศที่มีทองคำ ทองแดง ก๊าซธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มากครับ อิรักมีน้ำมันมาก อิหร่านมีน้ำมันมาก ประเทศ DR Congo (Democratic Republic of the Congo) ที่แอฟริกามีแร่ธาตุในดินที่มีมูลค่ามากกว่า GDP ประเทศอเมริกาและยุโรปรวมกัน สรุปให้เห็นว่าการเมืองระหว่างประเทศถูกผูกกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเดินหมากรุกทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจ เราจึงต้องรู้ลึกรู้เหตุผลของการเดินเกมของแต่ละฝ่าย เราจึงจะไม่ตกไปอยู่ตรงกลางของการปะทะกันครับ
ที่ผมพูดมานี้อยากจะบอกว่า ถ้าเราไม่รู้จริงต้องตอบว่าไม่รู้และไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัวเสียหน้า ไม่รู้ว่าเราจะมีตำแหน่งฐานะหรือภูมิหลังเป็นอะไรมา ไม่เช่นนั่นเราจะโง่ไปนาน คนเราทุกคนต้องเคยโง่มาก่อนและต้องอย่าให้โง่นาน และต้องเรียนรู้และยอมหลุดจากความโง่ความไม่รู้จริง โลกนี้เป็นโลกของ Lifelong Learning คือการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งอาจเกิดจากการอ่านหนังสือ การฟังสารคดีต่างๆ การไปพูดคุยกับคนมากๆ การไปดูนิทรรศการต่างๆ เรียนผิดเรียนถูกกับชีวิต หรือเรียนจากการเข้าอบรมสัมมนา จะเป็นการเรียนเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ได้ทั้งนั้น
โลกมีความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกนาที เราหยุดที่จะเปิดเครื่องรับทางปัญญาเมื่อไหร่เราก็ตามโลกไม่ทันเมื่อนั้น เมื่อเด็กจบปริญญา เรามักจะใช้คำว่าจบการศึกษา ห้ามไปแปลว่าเลิกศึกษานะครับ ยังต้องศึกษานอกห้องเรียนต่อไป คือห้องเรียนชีวิตนั่นเอง ฝรั่งเขาใช้คำว่า commencement day แปลว่า วันเริ่มต้น
ผมอยากจะฝากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองว่าต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้พูด ได้แสดงความคิดเห็น ได้แสดงความรู้ของเขา เพราะปริมาณข้อมูลและความรู้ที่เข้าในหัวเด็กปัจจุบันยุคดิจิตอลมีมากกว่าสมัยเราเยอะ อย่าไป take authority พูดเพื่อปิดความคิดของเด็กๆ และมั่นใจว่าตัวเองเก่งสุด รู้สุด ใช่ครับหลายคนเก่งและรู้ แต่ไม่มีใครเก่งทุกเรื่องและรู้ทุกเรื่อง แบ่งกันเก่งแบ่งกันรู้ดีที่สุดครับ ประเทศไทยตอนนี้เราต้องการความสามัคคี ความรักชาติ แต่เราไม่อยากได้อีกด้านหนึ่งคือความอิจฉา ความหลงตัว และความคลั่งชาติครับ ต้องเดินสายกลางตามพระพุทธเจ้า มัชฌิมาปฏิปทาครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น