ข่าวเลือกตั้ง ในอเมริกา
ข่าวเลือกตั้ง ในเมกา เดโมแครต มีคลินตัน ส่วนรีพับรกัน มีโดนัล ทรัมป์ (รวยมาจากการสร้างตัวเอง ) มีความคิดเป็น nationalist เน้นรักชาติ มีผลกับเมืองไทย เราก็ต้องศึกษา
ที่กำลังเป็นคำถามที่สื่อต่างชาติชักเริ่มถามกันมากขึ้นเรื่อยๆ ‘อเมริกาจะเป็นอย่างไร? ถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี’...เพราะ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้า คนส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐีปากกล้าขี้อวดคนนี้ ไม่มีทางจะได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีหน้าแน่นอน
แต่มาวันนี้ คำถามถึงอนาคตของโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะ นับตั้งแต่เขาได้กล่าววาทะร้อนแรง เสนอหนทางแก้ปัญหาก่อการร้าย หลังเกิดเหตุกราดยิงสังหารหมู่ 14 ศพที่เมืองซาน เบอร์นาดิโน จนโดนวิจารณ์ (หรือน่าจะเรียกว่า ‘ประณาม’ มากกว่า) จากทั่วทุกสารทิศ จากการเรียกร้องให้สหรัฐฯ ‘ปิดประตู’ ไม่ต้อนรับชาวมุสลิมทุกคนจนกว่าจะปรับเปลี่ยนทัศนคติของชาวมุสลิมต่อสหรัฐฯ ได้นั้น กลับทำให้คะแนนนิยมของเขาพุ่งมากกว่าเดิม!!
คะแนนนิยมพุ่งถึง 41% การเสนอหนทางแก้ปัญหาก่อการร้ายในสหรัฐฯ แบบ ‘ขวานผ่าซาก’ ของโดนัลด์ ทรัมป์ จนถูกทำเนียบขาวและผู้สมัครชิงประธานาธิบดีในพรรครีพับลิกันด้วยกันเอง วิจารณ์อย่างดุเดือด กลับทำให้คะแนนนิยมของเขาสูงกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ
คะแนนนิยมพุ่งถึง 41% การเสนอหนทางแก้ปัญหาก่อการร้ายในสหรัฐฯ แบบ ‘ขวานผ่าซาก’ ของโดนัลด์ ทรัมป์ จนถูกทำเนียบขาวและผู้สมัครชิงประธานาธิบดีในพรรครีพับลิกันด้วยกันเอง วิจารณ์อย่างดุเดือด กลับทำให้คะแนนนิยมของเขาสูงกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ
ผลโพลสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันสนับสนุนพรรครีพับลิกัน หรือโน้มเอียงที่จะเชียร์พรรครีพับลิกันจากทั่วประเทศ จัดทำโดยมหาวิทยาลัยมอนเมาธ์ ที่ออกมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมา ช็อกชาวอเมริกันและชาวโลก เพราะปรากฏว่า ทรัมป์ ซึ่งคะแนนนิยมสูงกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ของพรรครีพับลิกันมาแล้วหลายเดือน กลับยิ่งได้คะแนนนิยมสูงกว่าเดิม โดยทรัมป์ได้คะแนนนิยมสูงถึง 41% หลังจากเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา เขาได้เสียงสนับสนุนอยู่ที่ 28%
*คะแนนนิยมเหนืออันดับ 2 ถึง 3 เท่า..นอกจากคะแนนนิยมของทรัมป์ มหาเศรษฐีวัย 69 ที่ประสบความสำเร็จจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจแวดวงบันเทิง เป็นเจ้าของการจัดประกวดมิส ยูนิเวิร์ส (Miss Universe) จะพุ่งปรู๊ดปร๊าดไปถึง 41% แล้ว ตัวเลขนี้ยังทิ้งห่างเท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกรัฐเทกซัส ผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงสนับสนุนตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 3 เท่าตัว
จากผลสำรวจโดยมหาวิทยาลัยมอนเมาธ์ ส.ว. เท็ด ครูซ ได้คะแนนนิยมอยู่ที่ 14% ส่วนอันดับ 3 ส.ว.มาร์โค รูบิโอ ได้ 10% และเบ็น คาร์สัน คะแนนเสียงสนับสนุนอยู่ที่ 9% ตกลงจากเดือนตุลาคม ไปถึง 9 แต้ม ขณะที่ ส.ว.เท็ด ครูซ และรูบิโอ คะแนนนิยมดีขึ้นเท่ากันคือ 4 แต้ม
* หาเสียงแบบถึงลูกถึงคน การกระโจนลงสมัครชิงประธานาธิบดีของทรัมป์ ในคราวนี้ถึงแม้จะเป็นครั้งแรก แต่เศรษฐีปากกล้าอย่างทรัมป์ กลับทำให้เวทีหาเสียง ไปจนถึงเวที ศึกดีเบต หรือการโต้เวทีแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกับบรรดาผู้ท้าชิงร่วมพรรครีพับลิกันสั่นสะเทือน เพราะทรัมป์ใช้วิธีหาเสียงแบบ ‘ถึงลูกถึงคน’ ไม่ใช่สไตล์รูปแบบเดิมๆ ของนักการเมืองที่เห็นกันจนชินตา พานเบื่อหน่าย ที่สำคัญ ทรัมป์ยังชูการแก้ปัญหาแบบเด็ดขาด โดยเฉพาะนโยบายผู้อพยพ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของยุโรปตะวันตก
*นโยบายผู้อพยพที่สร้างความฮือฮา เพราะสุดโต่งมาก
ทรัมป์ เสนอนโยบายผู้อพยพแบบคนหัวอนุรักษนิยม ขวาจัด หลายเรื่อง โดยเฉพาะ การสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ซึ่งถือเป็นช่องทางสำคัญในการลักลอบเข้าสหรัฐฯ โดยจะบังคับให้รัฐบาลเม็กซิโกเป็นผู้จ่ายเงินทั้งหมด เพราะรู้เห็นเป็นใจในการส่งแรงงานเหล่านั้นเข้ามายังสหรัฐฯ
นอกเหนือจากนั้น ยังชูนโยบายผู้อพยพสำคัญๆ อย่างเช่น เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 3 เท่า, ถ้าผู้อพยพก่อคดีในสหรัฐฯ ให้บังคับส่งตัวกลับประเทศทันที, ลดเงินงบประมาณที่จะให้กับเมืองต่างๆที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ ไปจนถึงถ้าผู้ที่เข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ เกินกำหนดเวลาที่ให้ในวีซ่า จะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย
แต่ ‘ไม้เด็ด’ ที่ทำให้ทรัมป์ ได้ใจชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่น้อย ยกเว้นเชื้อสายลาตินอเมริกา ก็คือ การพูดถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหาผู้อพยพของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ผ่านๆ มาแบบไม่ไว้หน้าใครนี่เอง
* ‘ไร้ประสบการณ์ทางการเมือง’ จนพรรครีพับลิกันชักหวั่นใจ
ท่ามกลางคะแนนนิยมของทรัมป์ที่แรงดีแบบไม่มีตก ทำให้ที่ปรึกษาพรรครีพับลิกันพากันกังวลใจไม่น้อย ว่าถ้าทรัมป์ได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจริงๆ แล้วจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกัน เนื่องจากอุปนิสัยของทรัมป์ เป็นคนที่ชอบชวนทะเลาะ พูดจาเกินจริง และไม่ระมัดระวังในการใช้คำเสียดสีคนเชื้อชาติอื่น โดยลักษณะนิสัยแบบนี้ ห่างไกลมากโข จากการเป็นนักการเมืองและนักการทูต
เรื่องที่น่าหวั่นใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ก็คือ ทรัมป์ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศและความมั่นคงมาก่อนเลย เขาเป็นแต่นักธุรกิจที่มีประสบการณ์ชีวิตอย่างเอกอุ แบบ ‘แมว 9 ชีวิต’ เคยผ่านการล้มละลายแต่พลิกฟื้นขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์) ได้
และเรื่องที่พรรครีพับลิกัน ชักคิดว่าจะเป็นปัญหาในอนาคตแน่ๆ ก็คือการที่ทรัมป์ เสนอนโยบายผู้อพยพแบบสุดโต่งเกินไป และข้อเสนอของทรัมป์หลายเรื่อง อาจทำไม่ได้ และแน่นอนว่า ความคิดแบบนี้ ทำให้กลุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายลาตินอเมริกา ไม่เชียร์ ไม่ชอบ และอาจทำให้แพ้การเลือกตั้งชิงประธานาธิบดีไปได้ง่ายๆ
* บีบีซี ตั้งคำถาม ทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จริงหรือ?
กระแสทรัมป์ฟีเวอร์ คะแนนนิยมของทรัมป์ ที่โดดเด่นเหนือผู้สมัครคนอื่นๆ ทำให้สำนักข่าวบีบีซี ตั้งคำถามว่า ทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่จริงหรือ? ทว่าจากการสอบถามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองหลายคน เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของทรัมป์แล้ว ส่วนใหญ่คิดว่า ทรัมป์ จะได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่เขาจะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ!!
* เปิดทางให้ ‘ฮิลลารี คลินตัน’ เดินสู่ทำเนียบขาว
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง รวมถึงนักการเมืองในสหรัฐฯ มองว่า หากทรัมป์ได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันเข้าไปชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีจริงๆ แล้ว ความอ่อนด้อยหรือจุดบกพร่องใหญ่ๆ ของเขา จะเป็นการเปิดทางให้ นางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มีโอกาสจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า และก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวได้อย่างสบายๆ
1 ก.พ. ปีหน้า 2559 จะเป็นวันแรกที่สมาชิกพรรครีพับลิกันโหวตเลือกตัวแทนของพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เร่ิมจากที่รัฐไอโอวา เป็นรัฐแรก จากนั้นจะเป็นนิว แฮมเชียร์และรัฐต่อๆ ไปทั่วสหรัฐฯ ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ จะคว้าชัยเลือกตั้งได้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่ เป็นเรื่องที่ชาวอเมริกันคงต้องเฝ้าติดตามด้วยความระทึก (จริงๆ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น