เพลงฉ่อยชาววัง

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กูไม่อายลูกหลานหรอก เพราะกูสอนมานาน มันสันดานเหมือนกู 555+

จวบจนมืดค่ำ ผู้บัญชาการตชด.กับฟ้าชายวชิราลงกรณ์
ก็ได้มาขอบคุณพวกลูกเสือชาวบ้านกระทิงแดงและนวพล
และบอกให้พวกเขากลับบ้าน
คณะทหารได้ทำการยึดอำนาจ โดยเรียกตัวเองว่าคณะปฏิรูป
การปกครองแผ่นดิน ด้วยการรับรองจากพระเจ้าอยู่หัว
สองสามวันต่อมา นายธานินทร์ กรัยวิเชียร พระสหายคนโปรด
ของในหลวงภูมิพลก็ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
ทุกวันนี้ ผู้ที่ร่วมในเหตุการณ์ 6 ตุลา ยังคงต้องปิดปากเงียบ
ไม่กล้าสืบหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับที่มาที่ไปของเหตุการณ์ในวันนั้น
ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการมีแค่ 46 ราย บาดเจ็บ 167 คน
และถูกจับไปกว่า 3,000 คน แต่ผู้รอดชีวิตหลายคนอ้างว่า
มีคนตายมากกว่า 100 คน
รัฐบาลใหม่เริ่มงาน ด้วยการให้ความชอบธรรมกับการโจมตีเข่นฆ่า
นักศึกษาว่าเป็นการปกป้องสถาบันกษัตริย์ และประเทศชาติ
จากพวกก่อความวุ่นวายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่หนุนหลัง
โดยเวียตนาม รัฐบาลแสดงภาพถ่ายศพชายคนหนึ่งทางโทรทัศน์
อ้างว่าเป็นหน่วยรบของเวียตนาม กองทัพอ้างว่าถูกยิงก่อน
จากข้างในธรรมศาสตร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
มีความพยายามที่จะอธิบาย การโจมตีเข่นฆ่านักศึกษาในธรรมศาสตร์ว่า
ไม่ได้เป็นความตั้งใจหรือมีการวางแผนกันมาก่อน
แต่เป็นผลมาจากความวุ่นวายที่ถูกปลุกปั่นขึ้นโดยกลุ่มทหาร
และนักการเมืองเพื่อสร้างสถานการณ์ยึดอำนาจ
พระเจ้าอยู่หัวเพียงแต่โชคร้ายต้องตกกระไดพลอยโจน
เพราะสถานการณ์พาไป
แต่ความจริงคือการแต่งนิทานโกหกเพื่อแก้ตัวเท่านั้นเอง
เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดมีการวางแผนและจงใจชัดเจนแน่นอน
การจัดตั้งมวลชนปีกขวาทั่วประเทศตลอดปีที่ผ่านมา
ก็คือการตระเตรียมเพื่อทำสงครามประหัตประหารนั่นเอง
ตชด.ที่หัวหินได้ฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้านบุกจู่โจมเข่นฆ่านักศึกษา
ลูกเสือชาวบ้านที่นครปฐมทำกิจกรรมจำลองการทุบตี
และแขวนคอนักศึกษาไม่นาน ก่อนที่จะเกิดเหตุนักเคลื่อนไหว
สองคนถูกฆ่าแขวนคออย่างทารุณ
การสั่งยิงของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็แสดงให้เห็นถึงการวางแผน
กันมาเป็นอย่างดี
ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อธิการบดีธรรมศาสตร์ได้เขียนในภายหลังว่า
ผู้บัญชาการตำรวจคงไม่กล้าสั่งการเข่นฆ่ากันที่ธรรมศาสตร์
หากเขาไม่ได้รับการรับประกันว่าเหตุการณ์นั้นจะนำไปสู่การยึดอำนาจ
(ที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกล้าสั่งตำรวจยิงนักศึกษาในธรรมศาสตร์
ก็เพราะรู้มาก่อนแล้วว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อให้พวกทหารยึดอำนาจ )
มันเป็นรูปแบบปกติของการทำรัฐประหารหลายครั้ง
ก่อนหน้านั้น รวมถึง14 ตุลาด้วย นั่นคือ การสร้างสถานการณ์
ให้เกิดความรุนแรง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถควบคุม
ความรุนแรงไว้ได้ แล้วก็ให้กองทัพเคลื่อนกำลังเข้ามายึดอำนาจ
โดยการอ้างว่าต้องเข้ามาแก้ไขให้เกิดความสงบ การสังหารหมู่ 6 ตุลา
ทำให้กองทัพมีข้ออ้างในการยึดอำนาจ แต่หลังจากนั้นไม่เคยมี
การสืบสวนหรือการตั้งข้อหาใดๆ ดร.ป๋วยเรียกว่ามันว่าเป็น
ละครที่วางแผนมาอย่างดีที่นำไปสู่บทจบที่เตรียมการไว้แล้ว
-----------------------------------------------------------------------------------


รัฐบาลใหม่ของประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ที่วอชิงตัน
ตำหนิไทยอย่างแข็งกร้าวที่ละทิ้งประชาธิปไตย
และพคท.ก็เรียกรัฐบาลว่าเป็นเผด็จการกึ่งเมืองขึ้นกึ่งศักดินา


ระบอบธานินทร์และวังดิ้นรนประคองตนเองท่ามกลางเสียงวิจารณ์
อย่างหนักด้วยการอ้างว่าตนเองก็เป็นประชาธิปไตย
โดนเชื่อในรูปแบบหนึ่งของสังคมนิยมประชาธิปไตยตามแบบ
อังกฤษและเดนมาร์ก โดยรัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งและเคารพสิทธิ์
ของประชาชน แต่ประชาชนต้องได้รับการศึกษาก่อนใช้เวลา12 ปี
เรียกว่า แผนจุฬาลงกรณ์

นายธานินทร์โหมโฆษณาชวนเชื่อย้ำว่าสถาบันกษัตริย์
เป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูประชาธิปไตยมาตั้งแต่พ่อขุนรามคำแหง
รัฐบาลท่องวลีจากรัฐธรรมนูญฉบับสั้นราวกับเป็นบทสวดมนต์ว่า
ประชาธิปไตยเป็นการปกครองรูปแบบหนึ่งที่มี กษัตริย์เป็นประมุข
พระบรมราโชวาทของพระเจ้าอยู่หัวก็ยังหันมาอธิบายว่าประชาธิปไตย
เป็นระบอบที่มีระเบียบวินัยเท่ากับบอกเป็นนัยว่าช่วง 2516-2519 นั้น
ไม่เป็นประชาธิปไตย มีข่าวว่านายกธานินทร์วางแผนจะแปรรูป
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่สร้างโดยจอมพลป.
และเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชุมนุมประท้วงของนักศึกษา
ให้กลายเป็นอนุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์

หลังจากที่สามทรราชออกนอกประเทศไป สีของพานและรัฐธรรมนูญ
ถูกเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีเหลืองทอง กลายเป็นสัญลักษณ์
ของประชาธิปไตยเสรีแบบตะวันตก หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลา
วังเล็งเห็นว่าจะต้องยึดฉวยพลังเชิงสัญลักษณ์
ของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรือไม่ก็ต้องทำลายเสีย

นายกธานินทร์จึงจัดงบประมาณก้อนใหญ่สร้างรูปหล่อขนาดใหญ่
ของรัชกาลที่ 7 เพื่อไว้บนยอดอนุสาวรีย์แทนที่รัฐธรรมนูญ
แต่มีปัญหาทางวิศวกรรม รัฐบาลจึงนำรูปหล่อไปไว้หน้ารัฐสภาแทน
โดยมีคำจารึกเป็นวรรคทองที่รัชกาล 7 มีพระราชดำรัสกล่าวสละราชสมบัติ
.
สำหรับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของเดิมนั้น รัฐบาลธานินทร์ตัดสินใจ
จะทำลายทิ้ง คณะกรรมการชุดที่จัดการเรื่องนี้ตัดสินใจอย่างง่ายดายว่า
อนุสาวรีย์นี้ไม่ควรค่าแก่การรักษาไว้เนื่องจากมันไม่ได้เกี่ยวข้อง
อะไรกับพระเจ้าอยู่หัวเลย

คงเป็นเพียงเรื่องปกติธรรมดา ของพระมหากษัตริย์แบบไทยๆ
ที่ทรงทำได้ทุกอย่างเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ โดยสวมหน้ากาก
ของพระเจ้าอยู่ผู้รักและอุทิศพระองค์เพื่อประชาชน
ทรงเป็นเสาหลักของระบอบประชาธิปไตย
แต่ที่แท้ก็ทรงเป็นแค่หมาป่าที่คลุมร่างไว้ด้วยหนังแกะเท่านั้น
 — ใน New York, New York
----------------------------------------------------------------------------------------
 สังคมไทยวิปริต
จนถึงปี 2558 คุณลองดูผู้นำซิ ฉลาดขนาดไหน
เรายอมให้คนฉลาดขนาดนั้นเป็นผู้นำ
ธงชัย วินิจจะกุล
รำลึก 6 ตุลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น