เพลงฉ่อยชาววัง

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คำแถลงการณ์ของนปช.แดงทั้งแผ่นดิน วันที่ 29 พ.ย. 56

(ทีมงาน อ.ธิดา)
คำแถลงการณ์ของนปช.แดงทั้งแผ่นดิน วันที่ 29 พ.ย. 56

สาสน์ที่ 1 ต่อสังคมไทย
เราคนเสื้อแดงและนปช.แดงทั้งแผ่นดิน รวมทั้งพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทั้งที่อยู่ในรัฐสภา ท้องถนน และที่ต่าง ๆ เราขอเชิญชวนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่านทั่วประเทศ ทุกชนชั้น และทุกชั้นชน มาร่วมกันปกป้องประบอบประชาธิปไตยกับเราที่นี่ ในวันที่ 30 พ.ย. 56 ให้มากที่สุด และเราจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พบว่าประชาชนที่ไม่ใช่คนเสื้อแดงมาร่วมกับเรา มากันให้มากที่ราชมังคลากีฬาสถาน ประชาชนที่ไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศนอกระบบอันจะมีผลให้เกิดอนาธิปไตย กลายเป็นการปกครองแบบเผด็จการและถอยหลังเป็นระบอบอำมาตยาธิปไตยที่สมบูรณ์

สาสน์ที่ 2 ต่อพี่น้องเสื้อแดง
ถึงพี่น้องเสื้อแดง เราขอให้พี่น้องที่อยู่ที่บ้าน บางคนอาจจะยังไม่สบายใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขอให้พักเอาไว้ก่อน เพราะว่าปัญหาหลักของประเทศในเวลานี้เป็นเรื่องใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย เกิดการปะทะทางความคิด การกระทำระหว่าง 2 พลัง คือพลังประชาธิปไตยและพลังของกลุ่มอนุรักษ์นิยมล้าหลังและไม่ยอมแพ้เมื่อแพ้ไปแล้ว สองพลังนี้มีการปะทะกัน แต่รัฐบาลได้ตัดสินใจทำถูกแล้ว แม้นมีความขัดแย้ง มีการกระทำที่ก้าวข้ามกฎหมาย มีการกระทำที่เข้าข่ายกบฏและก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา รัฐบาลไม่ต้องการให้มีสงครามหลั่งเลือด จึงไม่ใช่ “เขตใช้กระสุนจริง” ที่เห็นคือ “เขตใช้แก๊สน้ำตา” นี่คือความแตกต่าง
ฝากให้พี่น้องไปถึงรัฐบาลให้ตระหนักว่า แม้เราจะเป็นพลังประชาธิปไตยที่พยายามที่จะทำให้ประเทศนี้อยู่ด้วยกันได้แม้ความคิดแตกต่างกัน แต่ก็ต้องสนใจว่าสงครามข่าวสารทำให้พี่น้องส่วนหนึ่งเข้าใจผิด ถ้าดูเบาไม่เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ก็จะเกิดความเข้าใจผิดแล้วแก้ปัญหายาก อาจจะชนะในการเลือกตั้งแต่ในสงครามข่าวสารให้พรรคและคนเสื้อแดงทำให้ดีกว่านี้ เพราะนี่คือการต่อสู้ “สันติวิธี” ให้หลีกเลี่ยงการปะทะกัน ไม่ต้องฆ่ากัน แม้ความคิดเห็นต่างกัน ขอให้อดทนและหลีกเลี่ยงการปะทะ ทำให้เกิดเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว และถ้าไม่แน่ใจในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงก็ไม่จำเป็นต้องแสดงสัญลักษณ์สีเสื้อหรืออื่น ๆ ก็ได้ ราชมังคลาฯ ยินดีต้อนรับประชาชนไทยทุกสีเสื้อ

สาสน์ที่ 3 ทางออกประเทศไทยที่มีกลุ่มต่าง ๆ เสนอ ที่ประชุมอธิการบดี, นักวิชาการ, 40 ส.ว. ไม่ว่าเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภา น่าจะไม่เป็นผล เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ยอมรับสิ่งเหล่านี้ เรายินดีรับฟังข้อเสนอ แต่ฝั่งที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยเขาต้องการที่จะสถาปนาระบบการปกครองที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะหาทางออกไม่ได้ ทางที่ดีพวกท่านนอกจากเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี, ต่อ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ขอให้ท่านเรียกร้องต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณและคณะด้วย

สาสน์ที่ 4 การที่เราไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ขอโต้แย้งว่า “ไม่จริง” เราไม่ได้ปฏิเสธศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ แต่เราปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

มันคือวันนี้..วันที่จะ...ร่วมกันลุกขึ้นสู้


เดินหมากผิดตัวเดียวล้มทั้งกระดาน


นายกยิ่งลักษณ์ โต้ทุกเม็ด "ขาดสติปัญญา ไร้ภาวะผู้นำ"



นายกยิ้มระหว่างอภิปราย

ตรรกะแบบสลิ่ม

ถ้ากลุ่มมวลชนสามารถล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยบ้าง?


ตอบ. เกิดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่ผลดีกับประเทศไทยแน่นอน คือ
. เกิดการปกครองที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
. เกิดการต่อสู้ของประชาชนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการปกครองที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
. ความมั่นคงทางด้านการปกครองของประเทศไทยอ่อนลงล้าหลัง มีผลที่จะทำให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาทำสงครามแย่งชิงเพื่อยึดเป็นอาณาจักรของประเทศมหาอำนาจเหล่านั้น
. ความมั่นคงทางเศรษฐกิจลดลลงเพราะต่างประเทศไม่มีความเชื่อมั่นที่จะมาลงทุนในประเทศ และไม่สามารถส่งสินค้าไปขายต่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้
. ค่าเงินบาทลดลงทำให้เกิดยุคฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ
. เกิดปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชนเพราะประเทศจะหยุดการพัฒนา
. ปราศจากความเท่าเทียมกันทางสังคมเกิดการกดขี่ข่มเหงจากบุคคลผู้มีฐานะสูงกว่า
. ไร้เสถียรภาพทางการเมืองการปกครอง ระบบการบริหารรัฐกิจไม่มีความเป็นธรรมปราศจากธรรมาภิบาลในการปกครองประเทศ
. เกิดสงครามการแย่งชิงอำนาจอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
๑๐. เกิดการแบ่งแยกแผ่นดินเป็นอาณาจักรเหมือนสมัยก่อน


ที่จริงแล้วผลเสียที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยที่มีผลมาจากการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นมีมากกว่านี้ แต่นำเสนอเพียงเท่านี้ก็คงจะทำให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจได้แล้วว่า 

ควรล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่


วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สุเทพ" ประกาศเปิดโฉมหน้าแนวร่วม "พันธมิตร-นักวิชาการ-กปท.-คปท.-กองทัพธรรม-สรส.

19.55. "สุเทพ" ประกาศเปิดโฉมหน้าแนวร่วม "พันธมิตร-นักวิชาการ-กปท.-คปท.-กองทัพธรรม-สรส.รวมตัวกันภายใต้อักษรย่อว่า"กปปส."คณะกรรมประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัติย์เป็นประมุข(กปปส.) มีสุเทพเป็นเลขา
20.00. ที่เวที ศูนย์ราชการ สุเทพประกาศ ชื่อกลุ่มล้มระบอบทักษิณ เป็น "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.)" โดยมี นายสุเทพ เป็นเลขากลุ่มฯ
พร้อมประกาศ "วันที่ 1 ..2556 เป็นวันประกาศชัยชนะของมวลมหาประชาชน"

หมายเหตุ
ไอ้ควาย กบฏ สุเทพ มึง จะหลอก ควาย อีกล่ะชิท่า สาวกโง่ๆๆ ก็เฮฮาไปกับมัน โดยไม่เข้าใจว่า มันจะจูงจมูก ไปสู่ระบอบ อะไร????
เทือกมึงต้องการสร้างเงื่อนไขไปสู่ประเทศสาธารณประชาชนชาวไทย..ไม่มีพรรคการเมือง มีแต่ .สภาประชาชน มีเทือกเป็นเลขาธิการสภาประชาชน มีประธานาธิบดี บริหารประเทศ ตามคำสั่งสภาประชาชน โดยเลือกจาก แกนนำ กปท. หรือ คปท. คนใดคนหนึ่ง ยกตัวอย่าง
หลักการ สภาประชาชน คือ เลขา ก็คือ เมือก จะส่งคนมาสัก 2000 คน ให้ คนเลือกกัน 20 เขต เขตละ 100 คน ให้เลือก มา ทำหน้าที่ เขตละ 10 คน รวมเป็น 200 คน
อำนาจสั่งการอยู่ที่เทือกคนเดียวในฐานะเลขาธิการสภาประชาชน จะปลดใครก็ได้ แม้แต่คนที่เป็นประธาธิบดี
ภาษาฝรั่งจะเรียกว่า ระบอบ คอมมิวนิสต์ นั่นเอง จริงมั๊ยไอ้ ควาย จรกา เอาเลย ถ้ามึงคึด ว่า จะชนะ


แถลงการณ์ปชป.โดยอภิสิทธิ์เป็นการฉีกหน้ากากตัวเอง

ณัฐวุฒิ"ระบุแถลงการณ์ปชป.ต้องประกาศไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่บอกไม่รับตำแหน่ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. แถลงการณ์ปชป.โดยอภิสิทธิ์ดูเหมือนจะดีแต่จริงๆแล้วเป็นการฉีกหน้ากากตัวเองให้ประชาชนเห็นธาตุแท้ เอาแต่ได้ไม่ยอมลาออกจากส.. อ้างว่าร่วมกับสุเทพเป็นบางเรื่องความห...มายคือถ้ากำไรเอาขาดทุนไม่เกี่ยว เด็ดสุดคือทำแมนบอกว่าถ้าสถานการณ์นี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นประชาธิปไตยตัวเองและลูกพรรคประชาธิปัตย์จะไม่รับตำแหน่งใดๆ อภิสิทธิ์ควรอาย ถ้าไม่อายผมขอใช้สิทธิ์อายแทน พูดอย่างนี้หมายความว่าการชุมนุมนี้จะเกิดอะไรขึ้นปชป.ก็รับได้ รัฐประหารก็เอา ฉีกรัฐธรรมนูญก็ยินดี ส่วนที่บอกว่าไม่รับตำแหน่งผมก็อยากบอกเหมือนกันว่า เฮ้ย! ใครเขาจะให้ ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารให้ครั้งหนึงแล้วก็เสียของ ไม่มีปัญญาชนะเขาในสนามเลือกตั้งแถมยังฆ่าคนตายเป็นร้อย แค่ให้ที่ยืนเป็นคนเชียร์แขกของเผด็จการ ก็ถือว่ากรุณาแล้ว จริงๆปชป.ต้องประกาศว่าจะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใดๆที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่บอกว่าถ้าเกิดขึ้นจะไม่ยอมรับตำแหน่ง แต่ก็คงพูดไม่ได้เพราะในใจลุ้นให้รัฐประหารอยู่ทุกวัน

คนที่เสนอให้ยุบสภาในเวลานี้มีสองกลุ่ม

คนที่เสนอให้ยุบสภาในเวลานี้มีสองกลุ่ม

กลุ่มแรกเป็นพวกอธิการบดี ผู้บริหารมหาวิทยาลัย นักวิชาการแอ๊บเหลือง และเป็นข้อเสนอ "ภายใน" ของพรรคประชาธิปัตย์ คนพวกนี้เสนอยุบสภา ไม่ใช่เพราะอยากมีเลือกตั้ง ไม่ใช่เพราะเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้งได้ แต่เพราะเป็น "ธง" ที่รับมาอีกที สร้างเป็นกระแสกดดันให้รัฐบาลหลงเชื่อว่า ถ้ายุบสภาแล้ว ก็จะยอมหยุดไล่รัฐบาล เลิกม็อบ แล้วไปตัดสินกันด้วยการเลือกตั้ง

ถ้ารัฐบาลยุบสภาจริง ม็อบปชป. ที่ยึดสถานที่ราชการก็จะไม่ยอมหยุด พรรคประชาธิปัตย์จะบอยคอยการเลือกตั้ง วิกฤตการเมืองไม่มีทางออก เป็นข้ออ้างให้นำเอา "ระบอบคนดี" เข้ามาปกครองแทน พร้อมกับกวาดล้าง "คนเลว" ให้หมดสิ้น

กลุ่มที่สองเป็นพวกที่ "หวังดี" เป็นนักวิชาการก็มี เสนอให้ยุบสภาโดยอ้างว่า "เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเลือดเนื้อของประชาชนอีก" และเป็นการแสดงความรับผิดโดยพรรคเพื่อไทยที่หักหลังประชาชนด้วยการผลักดันนิรโทษกรรมเหมาเข่ง

คนกลุ่มนี้เอาแต่ "ส่องแว่น" อยู่ที่พรรคเพื่อไทย โทษว่า วิกฤตทั้งหมดขณะนี้เป็นความผิดของพรรคเพื่อไทยฝ่ายเดียวล้วน ๆ พรรคเพื่อไทยต้องถูกลงโทษ คนกลุ่มนี้ไม่เห็นภาพรวมทั้งหมด เชื่ออย่างไร้เดียงสาว่า ยุบสภา ลงโทษรัฐบาลแล้วฝ่ายต่อต้านพอใจ เรื่องจะจบ เชื่อว่า ถึงยังไง ก็ต้องมีเลือกตั้ง ข้อเรียกร้อง "สภาประชาชนและปฏิรูปประเทศไทย" ของม็อบเทือกเป็นแค่วาทะเล่น ๆ เชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์และ "เส้นใหญ่" ที่หนุนม็อบเทือกยังต้องการให้มีการเลือกตั้งอยู่

ประสบการณ์เจ็ดปีมานี้ไม่ได้สอนอะไรแก่คนกลุ่มนี้ให้เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของพวกเผด็จการเลย การยุบสภานี่แหละที่จะนำไปสู่การนองเลือดครั้งใหญ่ของประชาชน เมื่อม็อบเทือกไม่ยอมหยุด ทั้งม็อบและพรรคประชาธิปัตย์บวกตุลาการ ประสานกันรุกไล่รัฐบาลรักษาการณ์ที่ไม่มีสภาคอยคุ้มกันและไม่มีอำนาจบริหารจนตกขอบในที่สุด

ถึงเวลานั้น ไม่ใช่แค่นายกฯยิ่งลักษณ์ รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และตระกูลชินวัตรเท่านั้นที่อยู่ไม่ได่้ แม้แต่แกนนำ นปช. แกนนำเสื้อแดงทั่วประเทศ มวลชนอีกมายมาย และนักวิชาการที่เห็นใจฝ่ายประชาธิปไตยก็จะไม่มีที่ยืนอีกด้วย!!

รับอำนาจ ICC คือทางออก

November 24, 2013

รับอำนาจ ICC

ในขณะที่การระดมมวลชนทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่างสุดเหวี่ยงซึ่งจะสื่อความหมายต่อแต่ละฝ่ายอย่างไรยังบอกไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของปุถุชนอาวุโสสองสามคน ผมขอเสนอให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยตัดสินใจกระทำการอย่างหนึ่งในทันที ซึ่งอาจช่วยให้การเผชิญหน้าครั้งนี้ไม่ต้องจบลงด้วยความรุนแรงและสูญเสียอย่างไร้ความยุติธรรม นั่นคือ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงนามให้สัตยาบรรณยอมรับอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court: ICC) ซึ่งไทยได้รับหลักการไว้แล้วในทันที

กระบวนการขั้นตอนระหว่างประเทศนั้นช่างเถิด อาจต้องใช้เวลาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่คำประกาศต่อโลกอย่างชัดเจนและเป็นที่รับรู้โดยประจักษ์จะส่งผลอย่างมากต่อผู้ร้ายรายเดิมที่กำลังคิดเข่นฆ่าเพื่อนร่วมชาติชาวไทยอีกรอบหนึ่ง ซึ่งอาจเหี้ยมเกรียมกว่าในคราวก่อนๆ คราวนี้ผู้เล่นทุกฝ่ายจะได้รู้ล่วงหน้าว่า การฆาตกรรมมวลชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยจะส่งผลทางการเมืองต่อตัวเขาอย่างไร คนขนาดอดีตประธานาธิบดีของประเทศยังติดคุกของ ICC มาแล้วหลายคน สหรัฐฯ ซึ่งเคยยืนเคียงข้างเผด็จการไทยเพราะผลประโยชน์ร่วมกันในช่วงสงครามเย็นนั้น บัดนี้ก็ไม่เห็นประโยชน์นั้นแล้ว จึงเชื่อว่ามหาอำนาจที่เคยเป็น “กรมธรรม์ประกันชีวิต” ให้กับใครบางคน น่าจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับการกำหนดใจตนเองของประเทศไทยเที่ยวนี้จนเกินไปนัก นอกจากความสัมพันธ์ทางทหารอันลึกซึ้งที่คงค้างอยู่บ้าง ขนาดให้ยืมอากาศยานไร้นักบิน (unmanned drones) และนวัตกรรมสงครามอื่นๆ มาทำอะไรแปลกๆ อยู่แถวนี้

การประกาศรับอำนาจของ ICC อย่างสมบูรณ์ จะเป็นการยกระดับความเป็นพลโลกของไทยอีกขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะในมาตรฐานการเมืองที่ว่าด้วยสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเป็นไทยที่ดีงามเราย่อมต้องรักษาไว้ แต่ความเป็นไทยบางแง่ที่ทำให้เราตกต่ำด้อยศักดิ์ศรี เราควรนำมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับของอารยประเทศเข้ามาช่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่นิติธรรมและความเป็นนิติรัฐ ซึ่งผมจะไม่ขยายความจากถ้อยแถลงอันครบถ้วนและมีคุณค่าของ “คณะนิติราษฎร์” เมื่อวานนี้ ซึ่งผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศไทยทำให้เสียไป เพราะความหลงผิดคิดว่าตนเองคือชาติ และแอบเข้าแทรกแซงคำว่ากระบวนการยุติธรรม จนบัดนี้เราขาดธรรมะอันเป็นเครื่องยุติไปเสียแล้ว แถมยังทำให้สังคมหมดความเป็นธรรม ขาดความเมตตากรุณา และขาดธรรมะของผู้ปกครอง

เดิมทีเราลังเลใจที่จะเดินสู่กรอบ ICC เพราะยังมีการเจรจาความกันอยู่ ถึงขนาดส่งทีมงานไปผลักดันรอบหนึ่ง และส่งซ้ำเพื่อไปถอดปลั๊กของตัวเองอีกหลายรอบ จนผู้สนับสนุนของเรา รามือกันไปหลายกลุ่มด้วยความเอือมระอา แต่บัดนี้ไม่เหลืออะไรที่ต้องเกรงใจหรือลังเลอีกแล้วครับ ดวงดาวได้เรียงตัวกันอย่างชัดเจนแล้วว่า เขา หรือ เรา ไม่มีข้อ ค.ควาย ที่ระบุว่าถูกทุกข้อ เหลือเพียงคำว่า ควาย ในความหมายอื่นเท่านั้น

เรารู้ดีว่า บทบัญญัติ ICC ในเรื่องของอาชญากรรมต่อต้านมนุษยชาตินั้น สามารถเอาผิดได้ทั้งผู้บงการ ผู้สั่งการ ผู้บังคับหน่วย และผู้ที่มีอำนาจทำอาชญากรรมนั้นๆ ในทุกระดับและชั้นยศ หากสามารถพิสูจน์ความเกี่ยวข้องได้ ก็จะไม่มีใครรอดพ้นไปจากความผิดได้ แม้ว่าจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมและความเป็นธรรมก็ตาม เมืองไทยที่ผ่านมา ยอมรับกันโดยปริยายว่า ผู้ถืออาวุธมีอำนาจราชศักดิ์มากกว่าผู้ที่ใช้เหตุผล เพราะเราไม่เคยมีกลไกใดๆ มาแยกความเป็นสัตว์ออกจากคน ผู้ที่มีอำนาจน้อยกว่าเพราะระบบสังคมไม่ปกป้อง จึงต้องกลัวสัตว์ พัฒนาพฤติกรรมเอาตัวรอดและยึดตัวบุคคลเป็นใหญ่กว่าหลักการ เมื่อเกิดกระบวนการยุติธรรมขึ้น ก็เกิดความหวัง แต่เมื่อกระบวนการนั้นมีลักษณะพิการทุพพลภาพและปนเปื้อนไปอีก ความหวังนั้นก็กลายเป็นความผิดหวัง ความรู้สึกเป็นกบฏต่อต้านสังคมก็บังเกิดขึ้น เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมที่ถูกกดขี่ ข่มเหง และต้องการสูดอากาศที่บริสุทธิ์ สะอาด และเป็นเสรี เหมือนที่ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ เขียนคำประกาศไว้อย่างองอาจก่อนตัดสินใจปลิดชีพตนเองว่ “ไม่สามารถหายใจร่วมกับเผด็จการได้” นั่นเอง

ถ้าไม่ทำคราวนี้ ต้องแถลงแล้วล่ะครับว่าเกรงใจอะไรอยู่.

จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair

ชูวิทย์ เขียนจดหมายถึง สุเทพ เข้าใจความเหนื่อยเป็นแกนนำต้านระบอบทักษิณ

ชูวิทย์ เขียนจดหมายถึง สุเทพ เข้าใจความเหนื่อยเป็นแกนนำต้านระบอบทักษิณ เหน็บสภาพไม่ต่างจากสนธิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (28 พ.ย.) นาย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I'm No.5 เขียนจดหมายถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเข้าใจความเหนื่อยจากการเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเวทีราชดำเนิน เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และต่อต้านระบอบทักษิณ เหน็บสภาพไม่ต่างจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรโดยข้อความที่นายชูวิทย์โพสต์ มีดังนี้
จดหมายถึงคุณสุเทพที่เคารพ
ผมเข้าใจดีว่า ขณะนี้คุณสุเทพเหนื่อย การเมืองข้างถนนไม่เหมือนในสภาฯ ที่มีอาหารการกินเพรียบพร้อม แอร์เย็นฉ่ำ ออกจากห้องประชุมก็มานั่งกินกาแฟพูดคุยกับเพื่อนสมาชิก เหมือนกับอยู่ในสโมสรหรูตามสนามกอล์ฟ
ส่วนที่ม็อบ คุณสุเทพต้องขึ้นเวที พูดเอาใจกองเชียร์เพื่อเรียกให้คนมาร่วมชุมนุมมากๆ อาหารการกินต้องหาเอาเอง ไหนจะต้องจัดโปรแกรม ดนตรี ความบันเทิงต่างๆ แม้จะมอบหมายให้คนอื่นทำแทนได้ แต่ตัวหลักคือคุณสุเทพทั้งนั้น ไหนจะค่าใช้จ่ายอีก จิปาถะบานเบอะ ล้วนต้องมีเจ้าภาพ ถึงเงินบริจาคจะมีแต่คงไม่เพียงพอ
คุณสุเทพคงรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะมีแค่อดีต ส.ส. อีก 8 ท่าน ที่ร่วมก๊วนกอดคอ ลาออกมาต่อสู้ ที่เหลือล้วนตัดสินใจอยู่ในสภาฯต่อ วันหนึ่งคุณสุเทพอาจจะท้อ เพราะการล้มระบอบทักษิณในระยะเวลาสั้นๆไม่ใช่เรื่องง่าย หาก 30 พฤศจิกายนนี้ยังล้มไม่สำเร็จ ก็ไม่มีใครไปต่อว่าต่อขานคุณสุเทพหรอกครับ หลังวันที่ 5 ธันวา คุณสุเทพยังสามารถเรียกยกระดับชุมนุมใหญ่เป็นครั้งๆต่อไปได้อีก เพราะต้องหล่อเลี้ยงกระแสเอาไว้
ส่วนรัฐบาล ไม่มีใครกล้าไปสลายการชุมนุมแน่นอน คงปล่อยให้คุณสุเทพทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหมือนช่วงที่เสื้อแดงปิดราชประสงค์จนคนเบื่อ เศรษฐกิจการค้าดิ่งเหว สูญรายได้การท่องเที่ยว ประเทศอื่นไม่อยากให้ประชาชนเดินทางมาเมืองไทย เพราะอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรง
ขณะนี้คุณสุเทพมีหมายจับ แต่ไม่ต้องห่วง ตำรวจคงไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้าไปจับ ตำรวจไทยเป็นพวก "รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง" ถึงแม้คุณสุเทพจะถูกจับ ศาลก็ให้ประกันตัว แต่คงตั้งเงื่อนไข ไม่ให้ขึ้นเวทียุยงปลุกปั่น รวมทั้งไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ เช่นเดียวกับแกนนำคนอื่นๆที่ผ่านมา
สภาพของคุณสุเทพตอนนี้คงไม่ต่างกับคุณสนธิเมื่อปี 50-51 เสียงตบมือโห่ร้องด้วยความชื่นชมต่อตัวคุณสนธิในขณะนั้น เช่นเดียวกับมวลมหาประชาชนที่ตบมือเรียกร้องคุณสุเทพในขณะนี้ ยังไงอย่างงั้น คุณสุเทพต้องเข้าใจว่า การเล่นกับกระแสเหมือนกับน้ำทะเล มันมีขึ้นมีลง หลายสิ่งหลายอย่างแม้ว่าจะทำไม่ได้ แต่เมื่อเราเป็นแกนนำ จำต้องรับปากเพื่อหล่อเลี้ยงกระแสเอาไว้
คุณสุเทพจำได้ไหมว่า? ครั้งหนึ่ง ขนาดเคยมีม็อบไปยึดทำเนียบฯ รัฐบาลคุณสมชายยังไม่ยอมลาออก
อีกครั้ง ม็อบไปยึด 4 แยกราชประสงค์ ธุรกิจการค้าเสียหาย มีการเผาบ้านเผาเมือง ในสมัยที่คุณสุเทพเป็นรัฐบาลเองเสียด้วยซ้ำ รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ก็ยังไม่ยอมลาออกเช่นกัน
แต่ละรัฐบาลยืนกราน "หัวชนฝา" ว่าไม่ออก เพราะผลประโยชน์มากมายมหาศาลอำนาจล้นฟ้า
ผมขออวยพรให้คุณสุเทพประสบความสำเร็จ นำพาประเทศชาติไปตลอดรอดฝั่ง ปฏิรูปการเมืองได้สมตามปรารถนา ถึงแม้ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการของคุณสุเทพ แต่ผมเข้าใจและขอเป็นกำลังใจให้ ผมในฐานะฝ่ายค้าน ร่วมกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการต่อสู้ในสภาฯต่อไป ผมได้เชิญชวนให้พรรคประชาธิปัตย์ลาออกไปร่วมกับคุณสุเทพ แต่พวกเขาตัดสินใจไม่ลาออก ผมจึงต้องตามเขา อยู่เฝ้าสภาฯเช่นเดิม เพราะจำนวน ส.ส. ของผมมีเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนเสื้อแดงไม่ต้องเป็นห่วง ทุกวันนี้เป็นเป็ดหงอยอยู่ในสนามกีฬาราชมังคลา ไม่กล้าออกมาเพราะกลัวรัฐบาลมีปัญหา ได้แต่เย้วๆกันอยู่ในถ้ำ ดูแล้วไร้อารมณ์
ปล. ผมพบชาวบ้านเขาบอกว่า ที่มาร่วมชุมนุมไม่ใช่เพราะพรรคประชาธิปัตย์ แต่มาร่วมเพราะต้องการล้มระบอบทักษิณ ผมเข้าใจ เพราะเขายังบอกต่ออีกว่า หากจัดการกับระบอบทักษิณเสร็จแล้ว ค่อยมาจัดการกับคุณสุเทพทีหลัง
ผมฟังแล้วได้แต่อึ้ง ว่าเดี๋ยวนี้ประชาชนฉลาดกว่านักการเมืองเสียอีก

กล้าคิด กล้าทำ กล้านำตนเอง



วันนี้จะมาแนะนำเรื่องแนวความคิดหนึ่ง
ซึ่งเรียกว่า 3 กล้า ก็ได้
คือ กล้าคิด กล้าทำ กล้านำตนเอง
เพื่อเป็นแนวทางไปสู่ความเป็นเสรีชน

กล้าคิดก็คือ
การกล้าที่จะคิดแตกต่าง
การกล้าที่จะคิดเปลี่ยนแปลง
การกล้าที่จะคิดในสิ่งใหม่ๆ
และการกล้าที่จะคิดโดยใช้เหตุผลไตร่ตรองก่อน

การกล้าที่จะคิด
ทำให้เรารู้สึกมั่นใจตนเองมากขึ้น
รู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องรอรับคำสั่งใครถึงทำงานได้
หรือทำตัวเป็นลูกน้องที่ดีหรือผู้ตามอย่างเดียว
ก็เป็นหนึ่งในความกล้าที่จะช่วยส่งเสริม
ให้ก้าวพ้นจาก กรอบเดิมๆ สิ่งเดิมๆ แนวทางเดิมๆ

เมื่อกล้าคิด ก็แสดงว่ากล้าที่จะยกระดับตนเอง
ขึ้นมาเสมอเทียบเท่ากับผู้คนทั่วไป
หรือเทียบเท่าเจ้านาย หรือผู้นำต่างๆ
เพราะถ้าไม่กล้าแม้แต่จะคิดแตกต่าง
ก็มักจะต้องคอยคล้อยตามอย่างเดียว
แค่ดูทิศทางลมว่าเจ้านายเลือกทางไหน
ก็คิดคล้อยตามทางนั้นอย่างเดียว
อย่างนี้กี่สิบชาติก็ต้องรอรับคำสั่ง
หรือดูสัญญาณจากเจ้านายอย่างเดียว

ในชีวิตประจำวันทุกคนมักมีเจ้านายเป็นเรื่องปกติ
โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย
ไม่ว่าจะทำงานเอกชน ข้าราชการ หรือรัฐวิสาหกิจต่างๆ
แต่ถ้าไม่สามารถกล้าคิดแตกต่างได้
เพราะกลัวไม่ก้าวหน้าในอาชีพการงาน
หรือวัฒนธรรมองค์กรไม่เอื้อ
ก็สามารถใช้เวลานอกเวลาทำงานประจำ


มาฝึกหัดกล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่แตกต่างจากเดิม
ไม่แน่เมื่อท่านกล้าคิดมากขึ้นจนไปถึงกล้าทำแล้ว
บวกกับมีทุนพร้อม ท่านอาจเริ่มออกมานำทำกิจการส่วนตัว
เป็นเจ้านายตนเองหรือคนอื่นในอนาคตต่อไปก็ได้
ไม่ได้คิดแต่เพียงว่า
ชาตินี้ต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นลูกจ้าง เป็นพนักงานไปตลอดชาติ
ถ้าไม่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือนแล้วไปไม่เป็น ทำอาชีพอื่นไม่ได้แน่ๆ ชีวิตนี้

เมื่อกล้าคิดก็ต้องกล้าทำด้วย
เพราะถ้าคิดอย่างเดียวแล้วไม่ทำ
ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ
ความคิดจะมีผลได้ก็ต้องลงมือทำ


หลังลงมือทำถึงจะรู้จริงๆ ว่า
เป็นอย่างที่เราคิดไหม
อาจเป็นอย่างที่เราคิดเราฝันไว้ก็ได้
หรืออาจไม่เป็นอย่างที่คิดที่ฝันไว้ก็ได้ทั้งนั้น
แต่การได้ลงมือทำ ก็จะได้แน่ๆ คือประสบการณ์
ซึ่งจะเป็นบทเรียน
ที่จะนำมาปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดให้ดีขึ้น
ถ้ามีแต่คนกล้าคิดกันอย่างเดียว แล้วไม่มีคนกล้าทำ
ก็ไม่ได้นำพาความสำเร็จใดๆ มาให้ใครๆ เลย

เมื่อกล้าคิด แล้วกล้าทำ
สุดท้ายถ้าจะก้าวไปถึงจุดเท่าเทียมกับผู้อื่น
ก็ต้องกล้านำตนเองด้วย
แนวคิดกล้านำตนเอง
เป็นแนวคิดที่ให้ทุกคนเชื่อมั่นในศักยภาพตนเอง
เคารพในความเป็นตนเอง
ภูมิใจในความเป็นตนเอง
ว่าตนเองก็สามารถทำอะไรได้
โดยไม่จำเป็นต้องรอใครมาสั่ง


นี่แหล่ะคือการกล้านำตนเอง
ถ้าพัฒนามาถึงระดับนี้แล้ว
ก็จะกลายเป็นเสรีชน
คนที่เคลื่อนไหวอะไรได้ด้วยตนเอง
ขอแค่คิดกล้านำตนเองอย่าไปคิดนำคนอื่น
กับคนอื่นเราควรจะเป็นแค่คนแนะนำ
เป็นคนแนะนำแนวทาง ชี้แนวทาง
แล้วเราอาจทำเป็นตัวอย่าง
ถ้าคนอื่นเขาเห็นว่าดี


แนวนี้เป็นแนวที่เห็นเขาเป็นคนสำคัญ
ไม่ได้ชักจูงเขาให้มาเป็นผู้ตาม
เพียงแต่ชี้แนวทางแล้วให้เขาพัฒนาตนเอง
เพื่อมาร่วมเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ระดับเดียวกัน
ฝึกให้เขากล้าคิดว่าสิ่งที่แนะนำให้ทำ
ดีไม่ดียังไง สามารถแย้งได้ด้วยเหตุผล
ฝึกพยายามหาเหตุผลไว้เสมอ
ก็จะช่วยฝึกให้ความคิดที่กล้าคิด
เป็นความคิดที่ดี สร้างสรร
มากกว่าความกล้าคิดแบบบ้าบิ่น ไร้สติ

ถ้ามีเสรีชนจำนวนมากๆ ขึ้น
และมีอุดมการณ์เรื่องประชาธิปไตย
ไปในทางเดียวกันมากๆ
ถึงวันหนึ่งถ้าจะร่วมกันลุกขึ้นสู้
เพื่อรักษาความเป็นธรรมในบ้านเมือง
เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักประชาธิปไตยให้บ้านเมือง
พร้อมจับมือแล้วก้าวไปไหนด้วยกันได้อย่างมีพลัง


การสกัดกั้นใดๆ จะทำได้ยากมากๆ
เพราะไม่สามารถใช้วิธีควบคุมแกนนำ
หรือใช้วิธีสั่งผ่านแกนนำให้มาควบคุมมวลชนอีกต่อได้ผล
เพราะเสรีชนสามารถคิดกันได้เอง
กล้าที่จะนำตนเองมารวมกับคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาสั่ง
หรือมีการจัดตั้งแกนนำหรือผู้นำก่อน
ถึงคิดจะลุกขึ้นสู้หรือมาร่วมชุมนุมได้

ถ้าเป็นเสรีชนแล้วจะมาด้วยใจนำทาง
เพราะไม่สามารถทนรับสถาพกับเหตุการณ์ ณ เวลานั้นๆ ได้
และใช้เหตุผลในการกำหนดแนวทางต่อสู้ร่วมกัน
ซึ่งจะถูกควบคุมไม่ได้ง่ายๆ

ยิ่งถ้าสิ่งที่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย
ยังไม่ได้ประสบผลสำเร็จ
ก็จะเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อไม่มีวันจบสิ้นไปได้ง่ายๆ
และวิธีการต่อสู้ก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ได้อีกด้วย

เนื่องจากมีเสรีชนจำนวนมาก
ก็อาจมีวิธีการคิดหรือมีแนวทางแปลกใหม่
ที่จะถูกนำมาใช้ในการต่อสู้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
การต่อสู้โดยการใช้อุดมการณ์นำ
จึงเป็นการต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดของคู่ต่อสู้

หวังว่าฝันของฉันจะเป็นจริงสักวัน
ฝันที่จะเห็นเสรีชน คนกล้าคิด กล้าทำ กล้านำตนเอง
มีมากมายเต็มบ้านเต็มเมืองในวันหนึ่ง
ซึ่งวันนั้นจะเป็นวันที่เผด็จการรูปแบบต่างๆ
ไม่สามารถกร่างและดำรงคงอยู่ได้ อีกต่อไป

ปล่อยไก่ ให้ลิงดู


หลายคนเห็นหัวเรื่องอาจนึกว่าเขียนผิด
เคยได้ยินแต่สุภาษิตที่ว่า "เชือดไก่ ให้ลิงดู"
ทำไมมีปล่อยไก่ให้ลิงดูด้วยหรือ
ถ้าไม่มีมาก่อน ก็มีมันวันนี้แหล่ะ อิอิ

การปล่อยไก่ให้ลิงดูนั้น
ก็คล้ายๆ กับการเชือดไก่ให้ลิงดูนั่นแหล่ะเพียงแต่การเชือดไก่ให้ลิงดู
จะออกแนวพระเดชพระเดชเป็นศัพท์อะไรไม่รู้ขอนำมาบัญญัติเป็นศัพท์การเมืองเลยก็แล้วกันหมายถึงการแสดงอำนาจภาษาวัยรุ่นเรียกว่า โชว์พาวเพื่อให้รู้ว่าอย่าหือ

ส่วนพระคุณนั้นก็คงหมายถึงแสดงความเมตตาเพื่อให้เป็นบุญคุณต่อกันภาษาวัยรุ่น เรียกว่า ได้ใจส่วนภาษานักเลงไทย เขาเรียกว่า โชว์ใจนักเลง

แล้วทำไมมีทั้งเชือดไก่และปล่อยไก่ เพื่อให้ลิงดูหล่ะก็พวกลิงชอบจับกลุ่มกันเจี๊ยวจ๊าวส่งเสียงรำคาญอกรำคาญใจยังไงหล่ะแถมลิงนี่ก็ฉลาดแสนรู้ คล้ายๆ กับคน ถ้าไปเชือดไก่ให้เต่าดูเต่าก็คงคิดไม่ออกว่าเชือดให้ตูดูทำไมแต่ลิงคิดออกด้วยความฉลาด คล้ายๆ กับคนอย่างที่บอก

ถ้าลิงเห็นไก่ถูกเชือดก็จะกลัวโดนเหมือนไก่และถ้าเห็นเขาปล่อยไก่ตัวอื่นที่อยู่ในกรงเดียวกันกับตัวที่ถูกเชือดลิงพวกนั้นก็อาจคิดได้ว่าถ้าตัวเองจะออกนอกกรงกับเขาบ้างก็ต้องทำตัวเลียนแบบไก่ตัวที่ถูกปล่อยไป

คราวนี้พวกเราลองมาจับตาดูกันต่อไปว่าจะมีลิงตัวไหนเลียนแบบไก่ตัวที่ถูกปล่อยไปส่วนเจ้าไก่ตัวที่ถูกปล่อยไปอาจแสดงอาการเหมือนคลั่งไคล้คนปล่อยแบบว่ายอมตายได้อันนั้นให้เข้าใจว่า เป็นนิสัยของไก่เดี๋ยววันไหนไปจิกกินส่งเดชโดนเขาจับรอการถูกเชือดอีกแล้ว

ถ้าเขาไม่ปล่อยอีกเดี๋ยวก็โชว์สันดานให้เห็นเองส่วนถ้าเขาปล่อยอีกแม้ไปจิกกินอะไรมาส่งเดชก็ปล่อยให้หมดเพราะทำตัวไซร้แข้งไซร้ขาเก่งรับรองได้ชาวบ้านที่โดนไก่พวกนี้ไปจิกพืชผักเขาเสียหายเขาคงเขม่นไปถึงเจ้าของไก่ด้วยอยู่ดี
แบบพากันเสื่อมถ้าไก่เลว เจ้าของไก่ให้ท้ายคุณคิดว่าชาวบ้านเขาจะคิดยังไงกับเจ้าของไก่เขาอาจคิดว่านิสัยคงเหมือนกันถึงเข้ากันเป็นปีเป็นขลุ่ยได้

ความในใจของไทยเฉย

ความในใจของไทยเฉย

ผมเรียนจบโทผมทำงานเป็นพนักงานออฟฟิสอยู่ในกรุงเทพ ผมเล่น Facebookผมก็ไม่ชอบคนโกง ผมไม่เชื่อมั่นในตัวทักษิณแต่ลึกๆในใจ ผมเชียร์รัฐบาล ผมเลือกที่จะแสดงพฤติกรรมเป็นกลางทางการเมืองโดยการไม่ทำอะไรเลยเพราะคดีของทักษิณ ยังไม่พิสูจน์ให้ประจักษ์ซึ่งความสุจริตแต่ทำไมคุณถึงหยาบคายขึ้นทุกวัน หนักข้อขึ้นทุกวัน สร้างความเกลียดชังในใจขึ้นทุกวัน คุณถามผมบ้างไหม ชวนผมไปนั่นไปนี่ ไปแสดงพลังอันบ้าคลั่งของคุณ นั่งจิบกาแฟอยู่ดีๆคุณก็โพล่งด่ารัฐบาลให้ผมฟังอย่างหยาบคายต้องทนฟังคุณด่าว่าคนจังหวัดผม ด่าว่าอาชีพที่สร้างให้ผมมีทุกวันนี้

ผมยังคงอดทนอดกลั้น คุณจะไปม็อบก็ไป จะถ่ายรูปลงเฟซแสดงพลังของคุณก็ทำไป  จะด่าว่าใครก็ทำไป จะประกาศ Unfriend  ใครก็ทำไปผมยังทนได้  ทั้งๆที่ผมต้องทนเห็น ทนอ่าน ทนฟังอยู่ทุกวี่วัน เพราะผมพยายามเป็นกลางแต่ถ้าสักวันหนึ่ง ที่คุณรุกล้ำเสรีภาพของผมจนเกินไปพยายามฝืนใจผมให้บ้าคลั่งไปกับคุณผมคงควบคุมความเป็นกลางไม่ได้อีกต่อไปประชาธิปไตยของคุณคือการดูถูกคนว่าโง่ ไม่มีการศึกษา  เลวผมจะไม่ว่าเลยถ้าทุกเสียงของคุณคือคนดีที่พิสูจน์ได้จริง
ประชาธิปไตยคืออะไร?
คนจนมีสิทธิลงคะแนนหรือไม่ชาวนามีสิทธิลงคะแนนหรือไม่คนไม่มีการศึกษามีสิทธิลงคะแนนหรือไม่ประชาธิปไตยคือ 1 คน 1 เสียง ที่เสมอภาคและเท่าเทียมกันคุณยอมรับระบอบนี้หรือไม่ถ้ายอมรับก็หยุดสรรหาคำอ้างว่ามีแต่คนโง่
ปัญหาของพวกคุณคือไม่เข้าใจบริบท ไม่เข้าใจลักษณะประชากร ไม่เข้าใจวิถีการดำเนินชีวิต ว่าแต่ละคนมีความตกต่างกันพวกคุณมีโอกาสเรียนสูง ทำงานดี มีฐานะ อยู่ห้องแอร์  คุณคงไม่แคร์นโยบายรากหญ้า แต่มันมีค่า และเป็นความหวังของคนรากหญ้าที่คุณดูแคลน
แต่พอนโยบายรถคันแรก พวกคุณก็สนองนโยบายเป็นอย่างดี เพื่อสนองตัณหา สนองความอยากได้ใคร่มีของคุณเห็นไหมความต้องการ ความจำเป็น ของทุกคนต่างกันคุณต้องโทษพรรคการเมืองที่คุณชอบ ที่ไม่ยอมเข้าใจจุดนี้

โจทย์คือเสียงข้างมากชนะปัญหาคือทำอย่างไรถึงจะเข้าถึงหัวใจของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ใช่แพ้แล้วมาอ้างว่าคนส่วนใหญ่โง่อุดมการณ์จอมปลอมของคุณ คือขับไล่ระบอบทักษิณอุดมการณ์ที่แท้จริงคือการเห็นพรรคที่คุณชื่นชอบขึ้นเป็นรัฐบาล และพร้อมจะสะใจ เหยียดหยามฝั่งตรงข้ามอคติมันบังตาหมดแล้วรู้ไหมว่าคนแบบผม  เงียบ และอดทนแบบผม ในสังคมของพวกคุณยังมีอีกเยอะปล่อยให้คนอย่างผมอยู่เฉยๆน่ะดีแล้วเพราะนั่นแสดงว่าผมยังเห็นคุณเป็นเพื่อน ยังนับถือ ยังแยกแยะเพราะถ้าวันไหนที่ผมแสดงออกทางการเมืองขึ้นมาคุณอาจจะรับไม่ได้

แต่อยากให้รู้ว่าผมทำดีที่สุดแล้วจริงๆ

จากใจไทยเฉยคนนึง

เข้ามาอธิบายเพิ่มเติมนะครับ เพื่อให้เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของผม โดยจับประเด็นมาจากที่การอ่านหลายๆความเห็น


1. เจตนาของผมในการตั้งกระทู้นี้คือการระบาย บางข้อความ บางประโยค อาจมีการเสียดสี ซึ่งผมกราบขออภัยครับ


2. ที่ผมขึ้นต้นมาว่าจบโท ไม่มีเจตาโอ้อวดใดๆ แค่อยากชี้ให้เห็นว่า คนที่เห็นต่างกับคุณ ไม่ใช่คนไม่มีการศึกษา


3. ประโยค "เพราะคดีของทักษิณ ยังไม่พิสูจน์ให้ประจักษ์ซึ่งความสุจริต"  ผมยอมรับผิดในแง่การเขียนครับ บางคดีมีการตัดสินความผิดไปแล้ว แต่ใช่ว่าผมไม่แคลงใจในตัวทักษิณนะครับ ประโยคนี้ไม่ได้หมายความว่าผมเชื่อมั่นในตัวทักษิณ แต่หมายความถึงตัวผมเองก็สงสัยในตัวทักษิณเหมือนกัน ผมจึงเลือกใช้คำว่า "สุจริต" แทนคำว่า "ทุจริต" ไงครับ


4. "อุดมการณ์ที่แท้จริงคือการเห็นพรรคที่คุณชื่นชอบขึ้นเป็นรัฐบาล และพร้อมจะสะใจ เหยียดหยามฝั่งตรงข้าม" ประโยคนี้ผมก็ขอโทษคนที่ไปม็อบเพื่ออุดมการณ์จริงๆครับ เจตนาของผมไม่ได้ต้องการเหมารวม แต่เป็นการระบายถึงเพื่อนกลุ่มหนึ่งในสังคมผมครับ


5. สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านใช้เหตุผลในการแลกเปลี่ยนทรรศนคตินะครับ ย้ำอีกครั้งว่าตอนแรกที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาคือการระบาย  แต่เมื่อมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากแบบนี้ ผมขอให้เป็นการสนทนาที่มีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์นะครับ ยังไงเราก็คนไทยด้วยกัน และหวังดีกับประเทศชาติด้วยกันทุกคนครับ 



ขอบคุณครับ
http://pantip.com/topic/31298631/comment145

พระพุทธอิสระประกาศ:จะเป็นแกนนำด้วยตนเอง


"(29 พ.ย.) คืนวันที่ 28 พ.ย. พระพุทธอิสระ หรือ หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้ขึ้นกล่าวกับผู้ชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณที่ศูนย์ราชการ โดยได้กล่าวโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างดุเดือด

นอกจากนี้ พระพุทธะอิสระ ยังท้าทายให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายจับตนเอง เนื่องจากมีส่วนกระทำผิดกฎหมายร่วมกับแกนนำเพราะได้ร่วมปลุกระดมให้ประชาชนร่วมกันเดินขบวนไปปิดล้อมสถานที่ราชการ ยุยงให้มีการชุมนุมเกินกว่า 10 คน จึงเข้าองค์ประกอบความผิดที่ตำรวจออกหมายจับ เหมือนที่ออกหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณไปแล้ว พร้อมทั้งถามนายธาริตว่า ที่ไม่ดำเนินคดีเณรคำเพราะสะดุดขุมทรัพย์หรือเปล่า 

นอกจากนี้ ยังขอเรียกร้องให้ส.ส.ฝ่ายค้านลาออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งประกาศจะเป็นแกนนำผู้ชุมนุมต้านระบอบทักษิณด้วยตัวเอง

"ในคืนวันพรุ่งนี้ (29พ.ย.) ขอให้ประชาชนออกมาชุมนุมกันให้มากๆ และขอให้เตรียมพร้อมปฏิบัติภารกิจซึ่งอาตมาจะเป็นแกนนำด้วยตนเอง โดยมั่นใจว่าจะจบภายในวันเสาร์ที่ 30 พ.ย." พระพุทธอิสระ กล่าว


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้พันสู้ ตัวจริง

ชื่อเดิมของ ไอ้หลวงปู่ลวงโลก พุทธอิสระแม่งคือ ไอ้สุวิทย์ ไอ้จัญไรนี่แม่งคืออลัชชีตัวหนึ่ง อวดอุตริมนุษธรรม อันเป็นคุณวิเศษที่ตนเองไม่มีต้อง ปราชิกอยู่แล้วในพระธรรมวินัย เพียงแต่พุทธศสนิกชน กลับไม่สนใจ คิดว่าเป็นพระกลัวนรกจะกิน กระบาล 

แต่ในความเป็นจริง มันคือ 18 มงกุฎ ปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้ได้ตำแหน่งเจ้าคณะตำบล ทั้ง ๆ ที่พรรษา ไม่ถึง กล่าวคือ ตามเอกสาร ตอนมันเป็นเจ้าอาวาสครั้งแรก เมื่ออายุ 35 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2538 พรรษา เพียง 11 พรรษา ต่อมา พ.ศ.2542 ห่างกัน 4 ปี เสือกมี พรรษา 21 พรรษา ซึ่งผิดศีล 4 มุสา

ต่อมาเมื่อโดนจับได้จึงสึก และบวชใหม่ทันที ซึ่งต้องนับอายุพรรษาใหม่ แต่มันก็ยังมีลูกศิษย์ เรียกหลวงปู่เหมือนเดิม ซึ่งตลกเหี้ย

ณ.บัดนี้มันคือผู้นำจิตวิณญาณ ของม๊อบคนดี ซึ่งนำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ

ผมโคตรอนาจและสงสารผู้ที่หลงเชื่องมงายเสียนี่กระไร เจอ ทั้งอลัชชี และ โมฆะบุรุษ หลอกใช้ ในคราวเดียวกัน สมเพช


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

'ตร.'จัดหนัก!งัด'LRAD'ปราบม็อบ


'ตำรวจ'งัดมาตรการสากลปราบม็อบใช้เครื่องขยายเสียงคลื่นความถี่สูงทำให้แสบหู

               28 พ.ย.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดศอ.รส. ได้นำรถเครื่องขยายเสียงความถี่สูงออกมาใช้กับผู้ชุมนุมเป็นรถเครื่องขยายเสียงที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษมูลค่าสูงถึง 7 ล้านบาท ต่อคันเรียกว่า "L-RAD" หรือภาษาไทยหมายถึงเครื่องขยายเสียงระดับไกล (LRAD: Long Range Acoustic Device) ถูกนำมาใช้กับการปราบจลาจลเป็นหนึ่งในมาตรการสากลจากเบาไปหาหนัก ใช้สำหรับการป้องปรามป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกเข้ามา เป็นการส่งสัญญานเตือนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยใช้สลายการชุมนุมได้เป็นอย่างดีและไม่มีผู้บาดเจ็บ
              โดยเครื่องนี้กำเนิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาจจากเหตุการณ์ โจมตีเรือ USS Cole ในปี ค.ศ. 2000 โดย ผู้ก่อการร้ายได้ขับเรือเล็กบรรทุกระเบิดพุ่งชนเรือได้รับความเสียหาย ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จึงได้ให้ทุนวิจัยแก่บริษัทเอกชน พัฒนาอุปกรณ์ป้องกันเหตุการณ์โจมตีในลักษณะต่าง ๆ จนสามารถ พัฒนานวัฒกรรมอาวุธจากคลื่นเสียงแอลแรดขึ้นมาได้สำเร็จ
 ทั้งนี้ การทำงานในวัตถุประสงค์ขั้นแรกของตำรวจนี้ จะใช้เตือนผู้ชุมนุมไม่ให้เข้ามาใกล้พื้นที่ต้องห้าม ซึ่งอุปกรณ์ชนิดนี้ไม่ต่างจากลำโพงทั่วไปแต่เป็นลำโพงที่ส่งเสียงพูดได้ บันทึกเสียงได้เป็น  MP3/WMA ได้ระยะไกล 300 เมตร ถึง 3,000 เมตร กำหนดทิศทางเสียงได้วิธีการทำงานด้วยการยิงคลื่นเสียงความถี่สูงใส่ฝูงชน ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้รับเสียงทนไม่ไหว บางครั้งทำให้หูหนวกชั่วคราวด้วย โดยเครื่องนี้ได้รับการยอมรับว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนน้อยที่สุด ตำรวจจึงเลือกใช้วิธีนี้ก่อนอันดับแรก
                ผู้เชี่ยวชาญด้านการสลายผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า คุณสมบัติของแอลแรดว่าเป็นเครื่องมือใช่ในการปราบจลาจลสลายการชุมนุมไม่ทำให้เกิดความรุนแรง หรือมีอาการบาดเจ็บถาวร หรือผลกระทบต่อแก้วหูในระยะยาว โดยสามารถส่งคลื่นเสียงรบกวนพิเศษที่มีความดังถึง 151 เดซิเบลได้ เพื่อใช้ผลักดันกลุ่มคน เช่น ทหารตามแนวชายแดนที่รุกล้ำอธิปไตย และใช้ในภารกิจปราบปรามหรือตรวจค้นได้ ซึ่งหวังผลได้ไกลกว่าแก๊สน้ำตาหรือกระสุนยาง และถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนน้อยที่สุด
                อีกทั้ง สามารถส่งคลื่นเสียงได้ไกลกว่า 3,000 เมตร ด้วยเสียงที่ชัดเจนในทุกระยะ เหมาะสำหรับการแจ้งเตือน การประชาสัมพันธ์กลุ่มคนจำนวนมาก เพื่อแสดงเจตนาที่ชัดเจนในการสื่อสาร และเป็นการเพิ่มระยะความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ จากกลุ่มบุคคลต้องสงสัย
                และสามารถกำหนดทิศทางเสียงให้เจาะจง ไปยังเป้าหมายได้ กำหนดระยะกว้างหรือแคบได้ ใช้งานได้ใน ทุกสภาพอากาศ ใช้งานควบคู่กับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สปอตไลต์ หรือเครื่องวัดอุณหภูมิ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้
 โดยปัจจุบันประเทศไทยมี 2 เครื่อง อยู่ในการครอบครองของตำรวจ โดยมี 2 ขนาด ขนาดใหญ่ใช้กับเครื่องปั่นไฟ มีระยะส่งคลื่นเสียง 3 กิโลเมตร ราคา 2 ล้านบาท และขนาดเล็กสำหรับติดตัวมีระยะส่งคลื่นเสียง 300-500 เมตร ราคา 7 แสนบาท ซึ่งอยู่ในการครอบครองของ บช.น.
                อย่างไรก็ดี ภายหลังการใช้เครื่องนี้เพื่อสลายการชุมนุมของการชุมนุมเมื่อหลายปีก่อนกรณีสหภาพแรงงานไทรอัมพ์ฯ ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาไม่พบผู้บาดเจ็บใดๆ แต่ก็มีเสียงประท้วงจากนักสิทธิมนุษยชนบางกลุ่ม ที่มองว่า ตอนนี้หลายๆ ประเทศได้ให้ความเห็นว่า เครื่องขยายเสียงนี้สามารถทำลายระบบหู จนทำให้ไม่ได้ยินไปตลอดชีวิตได้ หากมีการเปิดในระยะใกล้กับผู้ชุมนุม
               อย่างไรก็ดี ประโยชน์สำคัญของเครื่องนี้ก็ชัดเจนว่า จนบัดนี้หลังจากการใช้ครั้งนั้น ยังไม่มีใครต้องบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล เลยสักคน
               สิ่งที่ควรรู้ LRAD เป็นอาวุธสงคราม ซื้อขายได้แบบรัฐต่อรัฐเท่านั้น LRAD ถูกใช้เยอะมากที่อิรักเพื่อควบคุมฝูงชน และสหประชาชาติรับรองแล้ว LRAD จะยิงคลื่นเสียง การหาวัสดุมาอุดหู ซึ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดหูได้ในระยะหนึ่ง แต่ถ้าอยู่ในแนวคลื่นเสียงพิเศษเป็นเวลานานก็ไม่สามารถทนได้ นอกจากนี้ผู้ที่อุดหูก็จะสูญเสียการได้ยินทั้งหมด ทั้งจากแกนนำของเขาเองและจากพรรคพวกของเขาที่อยู่รอบ ๆ LRAD อาจทำให้บางรายอาจคลื่นไส้ อาเจียน แต่จะหายสนิท เมื่อออกไปพ้นแนวทิศทางของเสียง LRAD ไม่ส่งผลระยะยาว

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แผนกำจัดทักษิณ และคนเสื้อแดง

แผนกำจัดทักษิณ และคนเสื้อแดง


คนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้เลยว่า แผนนี้มีมาก่อนคุณทักษิณ เกิดด้วยซ้ำไป เพราะ ทักษิณ อาจจะเป็นชื่อตัวบุคคล แต่มองให้ถึงแก่นแท้ ของคำว่า ทักษิณ จึงไม่ต่างอะไรกับนิยามของความหมายที่ว่า ปณิธาน และความมุ่งมั่น เพื่ออนาคตของสังคมไทย หรือแผ่นดินสยามเก่า

จึงไม่แปลกที่ คุณปรีดี พนมยงค์ มีปณิธาน และความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ที่จะพลิกฟื้น สังคมไทยให้ก้าวทันสังคมซีกโลกตะวันตก คุณปรีดี สามารถทำการปฏิวัติสังคมไทย ให้เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีกฎหมายรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ ตั้งแต่ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 การเมืองสมัยคุณปรีดี มีแต่ชนชั้นราชนิกูลส่วนองคมนตรี คุณปรีดีจะเป็นผู้สำเร็จราชการ แทนพระองค์

เรื่องนี้ต้องรบกวน ทุกท่านหาอ่านเพิ่มเติมเอา เพราะเป็นรายละเอียดของประวัติศาสตร์ ที่ผมต้องเขียนคำว่าปณิธาน ความมุ่งมั่น ของคุณปรีดี ยุคสมัยปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นระบอบประชาธิปไตย นั้นเพราะสาเหตุที่คุณปรีดี เป็นผู้มีความคิดก้าวหน้า และทันสมัย เพราะเล็งเห็นการปกครองแบบเดิมนั้น ไม่สามารถ ทำให้อาชีพชาวนา และเกษตรกร ลืมตาอ้าปากได้ เพราะการปกครองเดิมไม่สามารถวางโครงสร้าง การอำนวยประโยชน์ด้านสวัสดิการ ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติได้ เข้าใจง่ายๆคือ คุณปรีดี วางแผน เศรษฐกิจระยะยาว ให้กับประเทศสยาม หรือ ประเทศไทยปัจจุบัน

การเล็งเห็นฐานะและความยากจน ของชาวเกษตรกร ท่านจึงเข้าใจรัฐควรจะอุ้มชู ให้ชาวไร่ ชาวหน้า มีวิถีชีวิต ดีขึ้นได้อย่างไร เพราะท่านก็เป็นลูกชาวนาคนหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งชาวเกษตรกรสมัยนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคนเสื้อแดงสมัยนี้ ความคิด และปณิธานความมุ่งมั่น ของคุณปรีดี พนมยงค์ และคุณทักษิณ ชินวัตร เหมือนกันมากตรงนี้ คือการยกฐานะเกษตรกรไทย ให้มีฐานะสูงขึ้น

คุณปรีดี....ประสพอุบัติเหตุ ทางการเมืองช่วงปี พ.ศ. 2490 ต้องลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ด้วยคดีลอบปลงพระชนม์ (โดยการสร้างสถานการณ์ให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปตะโกนในโรงหนัง ว่า ปรีดีฆ่าในหลวง) ซึ่งทักษิณก็โดนคดีเซ็นชื่อให้เมียเพื่อประกอบธุรกรรมให้สมบูรณ์ เกี่ยวกับการซื้อที่ดินรัชดา

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ม็อบเฟสบุ๊คม็อบนกหวีดม็อบคนดี ถ้ารักในหลวงรักชาติจริง มาอ่านซะ!


ขอประนามอดีตแก๊งค์พันธมิตรทุกคน ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นสลิ่ม หลากสี หน้ากากขาว แก๊งค์นกหวีด พวกคุณมันพวกทำลายชาติทำลายประเทศ! ทำลายสถาบัน!

เราจำได้ ประมาณปี .. 2549 ราวๆต้นปี มกราคมถึงเมษายน

ตอนนั้นเรายังอยู่ประเทศไทย เราเห็นป้ายที่ติดท้ายรถยนต์หลายคำสีเหลืองจะมีคำว่า "เรารักในหลวง"

สมัยนั้น คุณทักษิณชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เราอยากให้ม็อบเฟสบุ๊คม็อบนกหวีดอ่านข้อความของเรา เพราะเราคิดว่าพวกเขาลืมเหตุการณ์เหล่านั้นไปแล้ว

ก่อนหน้านั้น.. ประเทศไทยเรา ไม่ได้มีการพูดถึงหรือทำป้าย "เรารักในหลวง" มากมายขนาดนี้ ประชาชนแทบไม่มีการพูดถึงในหลวง

จนราวๆปลายปี 2548 ถึงต้นปี 2549 ก็เริ่มมีป้าย มีวลี ติดตามรถยนต์ ตามเสื้อ เป็นคำว่า "เรารักในหลวง"

กระแสวลี "เรารักในหลวง" เกิดขึ้นเพราะทักษิณเป็นคนคิด

ตอนนั้นเราเดินทางไปต่างประเทศประมาณพฤษภาคม เราอยู่จนถึงเดือนมิถุนายน เราไม่ได้อยู่เมืองไทย แต่ข่าวที่เขาจัดงานให้ในหลวง ดังไปถึงต่างประเทศ วันที่ 9 มิถุนายน 2549 พี่ๆที่อยู่ต่างประเทศกับเรา เขาเรียกเราไปดูข่าวทีวี ประชาชนชาวไทยใส่เสื้อเหลือง มีหัวใจเป็นดวงเดียวกัน มาถวายพระพรในหลวงและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อในหลวง

คนไทยเป็นสีเดียวกัน คือสีเหลือง ตอนนั้นเราไม่มีสีแดง ไม่มีสีฟ้า

เรามีแต่สีเหลือง พวกเราขึ้นข้อความใน msn แทบจะเป็นประวัติศาสตร์จนฝรั่งก็ต้องถามว่าทำไมเรารักในหลวง พวกเราขึ้นข้อความ We love the king (สมัยนั้น Facebook ยังไม่ดัง คนไทยนิยมเล่น msn)

คนที่เป็นคนต้นคิดจัดงานและสร้างกระแสรักจ้าวทั้งหมดนี้ คือนายกรัฐมนตรีของไทยในเวลานั้น พต..ดร.ทักษิณ ชินวัตร