เพลงฉ่อยชาววัง

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แผนกำจัดทักษิณ และคนเสื้อแดง

แผนกำจัดทักษิณ และคนเสื้อแดง


คนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้เลยว่า แผนนี้มีมาก่อนคุณทักษิณ เกิดด้วยซ้ำไป เพราะ ทักษิณ อาจจะเป็นชื่อตัวบุคคล แต่มองให้ถึงแก่นแท้ ของคำว่า ทักษิณ จึงไม่ต่างอะไรกับนิยามของความหมายที่ว่า ปณิธาน และความมุ่งมั่น เพื่ออนาคตของสังคมไทย หรือแผ่นดินสยามเก่า

จึงไม่แปลกที่ คุณปรีดี พนมยงค์ มีปณิธาน และความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ที่จะพลิกฟื้น สังคมไทยให้ก้าวทันสังคมซีกโลกตะวันตก คุณปรีดี สามารถทำการปฏิวัติสังคมไทย ให้เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมีกฎหมายรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ ตั้งแต่ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 การเมืองสมัยคุณปรีดี มีแต่ชนชั้นราชนิกูลส่วนองคมนตรี คุณปรีดีจะเป็นผู้สำเร็จราชการ แทนพระองค์

เรื่องนี้ต้องรบกวน ทุกท่านหาอ่านเพิ่มเติมเอา เพราะเป็นรายละเอียดของประวัติศาสตร์ ที่ผมต้องเขียนคำว่าปณิธาน ความมุ่งมั่น ของคุณปรีดี ยุคสมัยปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นระบอบประชาธิปไตย นั้นเพราะสาเหตุที่คุณปรีดี เป็นผู้มีความคิดก้าวหน้า และทันสมัย เพราะเล็งเห็นการปกครองแบบเดิมนั้น ไม่สามารถ ทำให้อาชีพชาวนา และเกษตรกร ลืมตาอ้าปากได้ เพราะการปกครองเดิมไม่สามารถวางโครงสร้าง การอำนวยประโยชน์ด้านสวัสดิการ ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติได้ เข้าใจง่ายๆคือ คุณปรีดี วางแผน เศรษฐกิจระยะยาว ให้กับประเทศสยาม หรือ ประเทศไทยปัจจุบัน

การเล็งเห็นฐานะและความยากจน ของชาวเกษตรกร ท่านจึงเข้าใจรัฐควรจะอุ้มชู ให้ชาวไร่ ชาวหน้า มีวิถีชีวิต ดีขึ้นได้อย่างไร เพราะท่านก็เป็นลูกชาวนาคนหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งชาวเกษตรกรสมัยนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคนเสื้อแดงสมัยนี้ ความคิด และปณิธานความมุ่งมั่น ของคุณปรีดี พนมยงค์ และคุณทักษิณ ชินวัตร เหมือนกันมากตรงนี้ คือการยกฐานะเกษตรกรไทย ให้มีฐานะสูงขึ้น

คุณปรีดี....ประสพอุบัติเหตุ ทางการเมืองช่วงปี พ.ศ. 2490 ต้องลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ด้วยคดีลอบปลงพระชนม์ (โดยการสร้างสถานการณ์ให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปตะโกนในโรงหนัง ว่า ปรีดีฆ่าในหลวง) ซึ่งทักษิณก็โดนคดีเซ็นชื่อให้เมียเพื่อประกอบธุรกรรมให้สมบูรณ์ เกี่ยวกับการซื้อที่ดินรัชดา


แต่คุณปรีดีต้องไปตายในต่างประเทศ กว่าจะได้รับความบริสุทธิ์ แต่คุณทักษิณ ยังต้องลี้ภัยในต่างประเทศ (ผู้เขียนมีความเชื่อว่า คุณทักษิณ จะไมซ้ำรอยประวัติศาสตร์คุณปรีดี ที่จะต้องตายในต่างประเทศ) เพราะประวัติศาสตร์ ไม่เคยย่ำซ้ำรอยเดิม สาเหตุเพราะความเจริญด้านข่าวสาร นั้นรวดเร็วมาก

คำว่าอมาตย์เริ่มก่อตัว หลังจากคุณปรีดี ต้องลี้ภัยทางการเมืองรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายฉบับ กลุ่มเครืออมาตย์เริ่มใหญ่โตขึ้นเรื่อยมา การทำรัฐประหารทุกครั้ง เป็นการกระชับอำนาจ ของผลประโยชน์ กลุ่มเครือญาติอมาตย์

จนมีรัฐธรรมนูญฉบับปี๔๐ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญสำเร็จ 70 เปอร์เซ็นต์ ก็เกิดฮีโร ใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่23 เริ่มปี พ.ศ. 2544-2549 รวมเวลา เกือบ 5ปี กับ 222 วัน คุณทักษิณรู้ดีว่า การจะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ต้องพัฒนาและยกศักยภาพ ชนชั้นรากหญ้า ให้ลืมตาอ้าปากได้ให้ชนชั้นเกษตรกร มี่กำลังบริโภค มีกำลังใช้จ่าย นี่คือจุดเริ่มต้นของการหาเงินรายได้ เพื่อการจัดเก็บจากภาษีอากร....การเริ่มต้นนโยบายกองทุนหมู่บ้าน จึงเกิดขึ้น ผมเชื่อว่าไม่มีนักวิชาการ และนักการบัญชีใด ทำการวิจัย เพื่อสงเสริมนโยบายนี้ ให้เต็มรูปแบบ เพราะนี้คือจุดเริ่มต้นของการพัฒนากิจกรรม ประชาธิปไตยเชิงเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

 ถ้าอมาตย์และนายทุนหน้าโง่ ไม่มีความริษยาอาฆาต คุณทักษิณ การเติบโตทางเศรษฐกิจ จะรวดเร็วมาก คนรวยก็ยิ่งจะรวยมากขึ้น เพราะฐานกำแพงภาษี จะมีประสิทธิภาพ ให้เกิดการกระตุ้นหมุนเวียนโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยอัตโนมัติ

ใครจะคิดว่าเมืองไทยมีแต่นักธุรกิจและเครืออมาตย์ ที่คับแคบทางปัญญา มองทฤษฎีเพิ่มมูลค่าหารายได้ จากกำลังการกระตุ้นการบริโภค และพัฒนาแหล่งเสริมอำนาจการใช้จ่าย(งานชุมชนสู่ตลาดภูมิภาค)

 แต่เมืองไทยมีแต่คนอวดเก่งทั้งนั้น จึงมองคุณทักษิณมาแย่งบารมี อำนาจ และวาสนา จึงมองไม่เห็นวิสันทัศน์การปฏิวัติ และยกระดับฐานะคนไทย ให้ปราศจากครัวเรือนที่ยากจน

งานวิจัย  กำจัดทักษิณ

ได้มีการทำรายงานประกบการทำงานของคุณทักษิณตลอดเวลา การทำวิจัยและวางแผนนี้ ไม่น่าเชื่อว่า มีต่างชาติที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม Head Fund เครือข่ายโยงใยตลาดการลงทุนสากลด้วย เพราะมีนโยบาย 30-บาทรักษาทุกโรคนี่แหละ ที่ทำให้ กลุ่มทุนอาหารและยา ซึ่งมีเงินหมุนเวียนอยู่ทั่วโลก หลาย ล้าน ล้าน ดอลล่าร์ ซึ่งงานวิจัยอาหารและยา สรุปเป็นแฟ้มลับ ถึงลับมากว่า ยาปฏิชีวนะปัจจุบัน มีผลข้างเคียง ที่ไม่สามารถ รักษาโรคใดๆให้หายเด็ดขาดได้ เพราะตัวยาปฏิชีวนะ จริงๆ มีไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ที่ผลิตมาจำหน่ายบนสังคมโลกใบนี้ แฟ้มลับลับงานวิจัย เกี่ยวกับอาหารและยา ได้ระบุว่า สิ่งที่รักษาโรคได้ดีที่สุด คือกำลังใจ

.ท่านเชื่อหรือไม่ว่า คำว่า30-บาทรักษาทุกโรค คือกำลังใจ หรือยาวิเศษที่ต่อสู้ได้ทุกโรค ทักษิณ กลายเป็นบุคคล อันตราย ของนายทุน ทั้งไทยและเทศโดยอัตโนมัติ แผนกำจัดทักษิณ จึงเริ่มก่อตัวเงียบๆ เพราะคุณทักษิณ คิดว่าทำดี มีแต่คนรัก จึงเดินหน้าทำงานอย่างเดียว โดยไม่มีระบบ Secure Engineering Control มาป้องกันงานของตัวเอง

ในขณะที่ผู้คน ชื่นชมยินดี กับการทำงานของคุณทักษิณ ซึ่งต่อมากลายเป็นคนเสื้อแดงหรือ Secure Engineering Control รูปแบบ Power Politic Sciences

แผนกำจัดทักษิณ ยังไม่จบ ยังมีต่อ เพราะนี้คือแผนอุบาท๔ ที่ซึมลึกเข้า สู่ การศึกษา วัฒนธรรม การศาสนา และ ความมั่นคง คงต้องต่อพรุ่งนี้

ใช้คนดีและซื่อสัตย์ไม่เป็น สังคมจะแตกแยก หามีความสุขไม่
คนดีที่น่าใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมโลกมนุษย์ กลับมองไม่เห็นคุณค่า
กลับมองเห็นปีศาจและซาตานเป็นเทวดา
กว่าจะพาประเทศชาติพ้นวิบากกรรม คงต้องอาศัย Secure Engineering Control คือคนเสื้อแดง และรัฐบาลฝ่าวิบากกรรมครั้งนี้ให้ได้
 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม พบกับพรุ่งนี้
อย่าลืมพบกันเพราะชาติต้องการ

ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
(อ่านต่อ)
ความจริง ไม่น่ากลัว *****แต่ที่น่ากลัว ไม่ใช่ความจริง****สวัสดีตอนสายของวันที่ 28 พ.ย. 2556 กับเพื่อนๆ ร่วมสังคมไทยทุกๆคน รวมทั้งสังคมชาวโลกทุกคน****ขออวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพพลานามัย ที่สมบูรณ์ทั่วทุกคน***ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามบทความของ ไตรภูมิ รู้ทันคน***วันนี้ อาจจะเป็นช่วงเย็น ได้อ่านบทความ ตอน***กำจัดทักษิณ ให้สิ้นซาก***พร้อมกับแผนทำลาย โครงสร้างศาสนาพุทธ ให้อ่อนแอ ภายใต้ทฤษฎี ขุนนางของฮ้องเต้ ต้องติตามอ่านเพราะนี่คือ ขุมทรัพย์มหาศาลระดับแสนล้านต่อปี ภายใต้ทฤษฎีขุนนางฮ้องเต้****ฝากบอกคนเสื้อแดงทุกคน ถึงเวลาที่ชาติต้องการแล้ว ต้องมาแสดงพลังเพื่อกิจกรรม พัฒนาระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ ไม่ใช่ออกมาประกาศสงครามเพื่อเอาชนะ แต่ออกมาประกาศว่า ระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะบูรณาการสร้างสรรค์ สวัสดิการของสังคมไทยให้เกิดความเสมอภาค เท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น นี้คือกิจกรรมพัฒนาประชาธิปไตย ของประชาชนชาวไทยทุกๆคน เพื่อปูพื้นฐานของโครงสร้าง***เศรษฐกิจเข้มแข็งและยั้งยืน***ปณิธาน ความมุ่งมั่น ของท่านปรีดี พนมยงค์ และคุณทักษิณ ชินวัตร จะสำเร็จตามเจตนารมณ์ได้ ก็ต้องอาศัยจิตวิญญาณ ของพวกเราชาวเสื้อแดงทุกๆคน เป็นก้าวแรกสู่การคลี่คลายวิกฤติการเมือง ทุกๆวันเราร่วมกันที่สนามราชมังคลา ให้ชาวโลกรับรู้ว่า การพัฒนาประชาธิปไตยไทย สู่ความศิวิไลซ์ ไม่จำเป็นต้องสร้างศึกสงคราม เผชิญหน้ากัน การรวมพลังแสดงออกซึ่งความชอบธรรม ย่อมเหนือกว่าทำศึกสงครามเพื่อล้างเผ่าพันธุ์****ขอบคุณครับ....ไตรภูมิ รู้ทันคน

--------------------------
***แผนกำจัดทักษิณให้สิ้น***
เพราะอะไรจึงต้องกำจัดทักษิณ ครั้งเมื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของประเทศ จนคุณทักษิณกระเด็นตกจากเก้าอี้ผู้บริหารประเทศ เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 จนมาถึง ณ.ปัจจุบัน แผนกำจัดทักษิณ ก็ยังเดินหน้าอยู่ เพราะสาเหตุว่า การทำรัฐประหาร ของคณะ คมช. นำโดย พล.เอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นการล้มล้างอำนาจการปกครอง ฉีกรัฐธรรมนูญปี๔๐ ทิ้ง และได้ร่างประกาศคณะรัฐประหาร คมช. ฉบับชั่วคราวขึ้นมาบริหารประเทศ โดยมี นายกรัฐมนตรี(พระราชทาน) พล.เอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ขัดตราทัพ ตบตาชาวโลกว่า กำลังเขย่ารัฐธรรมนูญใหม่ เพราะผู้บริหารเดิมคือ นายกทักษิณ ชินวัตร มีปัญหาคอรัปชั่น สร้างความไม่เป็นธรรมในการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของการยึดอำนาจรัฐทุกครั้ง จึงมีการแต่งตั้ง คณะ สสร.นำโดย นาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นหัวหอกการร่างรัฐธรรมนูญ๕๐ ที่นำมาบริหารประเทศปัจจุบัน จากการทำรัฐประหาร ฝ่ายบริหารประเทศ นำโดยคุณทักษิณ ชินวัตร ครั้งนั้น ***จากปี49 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยใช้นายกรัฐมนตรีถึง 4 คน**ซึ่ง 3 ใน 4 คน กลายเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาบริหารประเทศ มาจากฟากของคุณทักษิณ ทั้งนั้น แปลกไหมหละทำไม? พรรคการเมืองฝ่ายคุณทักษิณ จึงได้รับชัยชนะ จากเสียงข้ามากของประชาชน เข้ามาเป็นฝ่ายบริหารประเทศ ทั้งนั้น จะมี 1 ใน 4 ส่วน ล่ะเขาเป็นนายกจากระบอบประชาธิปไตย โดยสมบูรณ์ไหม? 1 ใน 4 นั้นเป็นนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาก็มาจากระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน ที่ผู้เขียนบรรยายว่าก็ใช่ แทนที่จะเขียนบรรยายว่าใช่ คุณอภิสิทธิ์ มาถูกต้อง คำว่า**ก็ใช่**จึงกลายเป็น ความแตกต่างในความหมาย และชวนให้สงสัยว่า คุณอภิสิทธิ์ เป็นนายกแบบพิเศษ รึเปล่า แน่นอนคุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้มาจากฉันทานุมัติ ของประชาชนส่วนใหญ่ ที่เลือกตั้ง คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้าคุณอภิสิทธิ์ ขณะนั้น เพราะคุณสมชายถูกพิษไข้จาก รัฐธรรมนูญ๕๐ เล่นงานจนตกเก้าอี้ผู้บริหารประเทศ จากการผลพวง รธน.๕๐ ที่เกิดจาก คมช. ที่ทำการรัฐประหารปี ๔๙ นั้นเอง ทำไม ร่างกฎหมายชั่วคราวของ คมช.จึงยังไมตกไป เพราะมี รธน.๕๐ ใหม่ขึ้นมาใช้แล้ว ก็เพราะ คณะ สสร.แอบยัดไส้ กฎหมายนิรโทษกรรมตัวเอง สอดไส้ไว้ใน รธน.๕๐ ว่าด้วยมาตรา 309 เป็นการรองรับการกระทำของ คมช.เมื่อทำการรัฐประหารชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งองกรอิสระทั้งหมด เกิดขึ้น โดยการแต่งตั้ง จาก คมช. ทั้งนั้น เช่น ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กกต. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง ปปช. ศาลรัฐธรรมนูญเป็นต้น ซึ่งองกรอิสระ ที่เอ่ยมานี้ ล้วนเป็นองกร ที่เกิดจากสถานการณ์ ที่ไม่ปกติ หรือผิดปกติจากธรรมชาติในระบอบการปกครองประชาธิปไตยนั้นเอง เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ การปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือประกาศยกเลิกทั้งฉบับ ต้องทำโดยอำนาจของมติของรัฐสภา ที่ยังมีฝ่ายบริหารราชการแผ่นดินคงอยู่ แต่รธน.๕๐ เกิดจากการลงประชามติที่ไม่มีรัฐสภา เพราะสสร.เป็นผู้ร่าง รธน.๕๐ ขณะที่มีแค่รัฐบาลรักษาการ แต่ก่อนมีการลงประชามติ เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับสายตาโลก ว่ารธน.๕๐ ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ลงประชามติเกินกึ่งหนึ่ง ก็สามารถนำมาใช่ โดยชอบธรรม เพราะประชาชนเห็นด้วย จึงมีข่าวคราวหนาหู พูดกันว่ารับๆ กันไปก่อน ไม่ชอบมาตราไหนค่อยกลับมาแก้ไข้ที่หลัง เมื่อมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งของประชาชน การเร่งรีบออกกฎหมาย แต่ยึกยัก ไม่อยากประกาศสิ้นสุดการเป็นรัฐบาลชั่วคราวของ พล.เอก สุรยุทธ์ ทำให้ UN.และสมาชิกประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ทวงสัญญาประเทศไทยว่า เมื่อไร?จะมีนายกรัฐมนตรี จากระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญปี๕๐ จึงได้นำมาใช้ เมื่อมีการเลือกตั้ง ต้นปี ๕๑ *****ที่บรรยายคราวๆมาพอเป็นสังเขปนี้ เพื่อให้ทุกท่านได้ทำความเข้าใจว่า ทฤษฎี ขุนนางฮ่องเต้ เขาวาง เขาวางสูตรหรือยุทธวิธี เป็นอย่างไร องกรอิสระที่เกิดขึ้นช่วง นายกขัดตราทัพ พล.เอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ล้วนเป็นยุทธวิธีกำจัดทักษิณ และคนเสื้อแดง**ด้วยกฎหมาย**ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องยากที่คุณทักษิณ รู้ว่ายุทธการการเอาชนะกฎหมายไทย แบบไทยๆ คงยากแน่นอน แต่ในความยากก็มีจุดอ่อนให้ทะลุทะลวง เพราะกฎหมายไทย หรือ รธน.๕๐ ไม่ได้ใช้เฉพาะกิจการภายในประเทศอย่างเดียว แต่มีสนธิสัญญาการใช้กฎหมาย บนความชอบธรรมหลายหมวดหมู่ ที่เชื่อมโยงกับสมาชิกภาพ ซึ่งต้องยอมรับกติกาสากล ที่เป็นสหภาพประชาธิปไตยแห่งรัฐ ร่วมอยู่ด้วย สถานที่ราชการที่อยู่ในประเทศไทย ก็เป็นรายละเอียด ในกรอบสนธิสัญญาเช่นกัน การบุกยึดสถานที่ราชการ เป็นข่าวออกไปทั่วโลก ถือว่าผิดอาญาแผ่นดินแน่นอน การสั่งปราบปรามย่อมทำได้ก่อนที่ม็อบนกหวีด จะทำการอุกอาดเช่นนี้ เพราะละเมิดอธิปไตย โครงสร้างบริหารราชการ และบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ รัฐลงมือช้าเพราะอะไร รัฐมีเหตุผลเพื่อประจาน การกระทำของพรรคฝ่ายค้าน ที่ไม่เคารพกฎหมายซึ่งเป็นกฎหมาย ที่ขุนนางฮ่องเต้กำหนดมาใช้เองด้วย รัฐต้องการให้ความผิดสำเร็จเต็มรูปแบบ เพราะการยึดสถานที่ราชการ ความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งกิจการภายในประเทศ และนอกประเทศ การประการขอคืนพื้นที่จัดงานเฉลิมพระเกียรติ์ และคืนพื้นที่ศูนย์ราชการ จึงเป็นความชอบธรรม ที่จะเข้าโหมดกฎหมายสากล ซึ่งเจ้าพนักงานหน่วยใด ถ้าได้รับคำสั่ง ให้ยึดพื้นที่คืน ถ้าฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามคำสั่ง แน่นอนการสั่งปลดประจำการย่อมเกิดขึ้น ถ้าจะคิดยึดอำนาจรัฐ คงกลายเป็นผู้ก่อการกบฏ อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ หนำซ้ำรัฐอาจขอกำลังหรือหน่วยปราบปรามพิเศษ ของนาโต้ภายใต้การรักษาอธิปไตยแห่งสถานภาพแห่งรัฐสมาชิก ในสหประชาชาติขับไล่กบฏและขบวนการก่อการละเมิดอธิปไตย ได้อย่างยุติธรรมตามขั้นตอน และขวนการกฎหมายสากล ท่านจะเข้าว่าขุนนางฮ่องเต้ มี่แผนผังจัดการทักษิณ และคนเสื้อแดง ด้วยกฎหมายยัดไส้ ที่เกี่ยวพันกับ การบริหารประเทศอย่างน่ากลัว****ท่านเคยอ่านหนังสือของ คุณเจิ่มศักดิ์ ปิ่นทอง บ้างไหม? ***รู้ทันทักษิณ*** เพื่อนๆ สงสัยไหมว่า ถ้ารู้ทันทักษิณ ทำไม? ไปประกาศตัวเองเป็นคู่แงทางการเมือง เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีกว่าคุณทักษิณ.....คำว่าขุนนาง ก็คือขุนนาง คนจำพวกนี้ไม่มีวันยอมเสียสละ ความสุขส่วนตัว ให้ลำบากแน่นอน......แต่คำว่าขุนนางกับเป็นยุทธศาสตร์ กำจัดคุณทักษิณ และคนเสื้อแดงได้แบบเหนือชั้น ไม่มีใครไม่ต้องการเป็นขุนนาง ใกล้ชิดฮ่องเต้
****
แผนสร้างความเกลียดชังทักษิณ กับคนเสื้อแดง ด้วยแผนยุทธศาสตร์ขุนนาง พรุ่งนี้มีต่อ วันนี้จัด เบาๆ ไปก่อน พรุ่งนี้จัดหนักให้ขุนนางหน้าโง่ได้ยิน ว่าไพร่ที่มึงดูถูก ฉลาดกว่าขุนนางฮ่องเต้แน่นอน 


เขียนโดย ไตรภูมิ คนรู้ทัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น