เพลงฉ่อยชาววัง

วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สหรัฐอเมริกากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์.... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1arQLig


เวลานี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังเพลี่ยงพล้ำด้านการเมืองในประเทศ เพราะถูกกดดันในทุกด้าน ไม่เพียงแต่ถูกกดดันจากมวลมหาประชาชนของ กปปส.เท่านั้น....... ยังมีตัวละครอื่นตามรัฐธรรมนูญ อาทิ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม องค์กรอิสระ
แหล่งข่าวในวงการทูตอเมริกัน เปิดเผยว่า วอชิงตันมีท่าทีชัดเจนว่า หากทหารปฏิวัติ อเมริกาอาจเข้าแทรกแซง และอ้างว่าจะมีประเทศอื่นเข้าร่วมด้วย ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศลงข่าวว่า อเมริกาแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ นายบันคีมุนได้แสดงความห่วงใยสถานการณ์การเมืองในไทย และอยากให้คู่ขัดแย้งหาทางแก้ปัญหาโดยสันติวิธีผ่านการเจรจา เขาเปิดเผยด้วยว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้ว....... แต่หลังจากที่อภิสิทธิ์มีจดหมายชี้แจงว่า สิ่งที่ยิ่งลักษณ์แจ้งให้บันคีมุนทราบนั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เช่น อ้างว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ได้มุ่งช่วยพี่ชาย องค์กรอิสระเป็นต้นตอของความขัดแย้ง ผู้ชุมนุมกปปส.เป็นพวกติดยาเสพติด เป็นที่ทราบกันดีว่า บันคีมุน ซึ่งอเมริกาสนับสนุนให้เป็นเลขาธิการสหประชาชาติถูกอเมริกาลากเข้ามาเล่นในเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ดี หลังจากที่อภิสิทธิ์ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบแล้ว นายบันคีมุนดูชะงักไป.......แต่ต้องดูต่อว่าอเมริกาจะบีบให้บันคีมุนเล่นเกมนี้อีกหรือไม่อย่างไร

ทั้งหมดน่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของ มร.ที. ซึ่งมีความใกล้ชิดกับอเมริกามาก เขาเก่งในเรื่องการเล่นเกมระหว่างประเทศ เมื่อใดที่พลาดพลั้ง ก็จะใช้ยุทธศาสตร์ “โลกล้อมประเทศ” เขาเกี่ยวข้องกับอเมริกันมานานแล้ว ก่อนเข้าสู่อำนาจครั้งแรก....... เขาจ้างบริษัทอเมริกันให้มาวางแผนการเลือกตั้งจนได้ชัยชนะอย่างท่วมท้น หลังตกจากอำนาจ เขาได้ไปจ้าง “บริษัทล็อบบี้” ที่มีชื่อเสียงในอเมริกา 3 บริษัท บริษัทละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (30 ล้านบาท) หนึ่งในสามนั้นคือ  บริษัทล็อบบี้ของนายเจมส์ เบเกอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มุ่งล็อบบี้สมาชิกสภาคองเกรส และพุ่งตรงไปยังประธานาธิบดีได้เลย นอกจากนั้น มร.ที. ได้จ้าง “บริษัทประชาสัมพันธ์” อเมริกันให้วางแผนประชาสัมพันธ์เพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น ให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ให้ยิ่งลักษณ์มีภาพลักษณ์ที่ดี วาทกรรมทางการเมืองต่างๆ ออกมาจากบริษัทประชาสัมพันธ์นี้ รวมทั้งการวางแผนให้ยิ่งลักษณ์ไปปรากฏตัวในการประชุมระหว่างประเทศในที่ต่างๆ รวมทั้งการกล่าวหาคำปราศรัยที่อูลันบาตอร์.....ประเทศมองโกเลีย ฯลฯ บริษัทอเมริกันที่รับจ้างประชาสัมพันธ์ให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ยอมรับอย่างเปิดเผยว่าตนเองเป็นลูกจ้างของ มร.ที

ไม่เพียงเท่านั้น “กองทุนพัฒนาประชาธิปไตย” ของอเมริกายังจัดสรรงบประมาณเอามาแจกจ่ายให้กับกลุ่มการเมืองนอกสภาที่กดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ขณะนั้น โดยอ้างว่าเป็นการสนับสนุนการพัฒนาประชาธิปไตย เป็นที่รู้กันดีว่า....... กองทุนนี้เป็น “องค์การบังหน้า” ของอเมริกันในการสนับสนุนด้านการเงินให้กับกลุ่มหรือองค์กรในต่างประเทศเพื่อล้มรัฐบาลที่ขัดผลประโยชน์ของอเมริกา....
อเมริกาและ มร.ที. มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพราะเป็นกลุ่มทุนโลกาภิวัตน์ มร.ที. ดึงอิทธิพลของอเมริกามาสนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขณะที่อเมริกาสนับสนุนให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เพื่อผลประโยชน์ในการใช้ไทยเป็นฐานต่อต้านอิทธิพลจีน........และแสวงประโยชน์ร่วมกันกับแหล่งพลังงานในอ่าวไทย และ ฯลฯ.... 

อเมริการู้ว่า เมื่อต้องการอะไร เขาพูดกับ มร.ที. คนเดียวจบ พูดกับ มร.ที. ง่ายกว่าพูดกับอภิสิทธิ์หรือคนอื่น เอาจาก มร.ที. ง่ายกว่าจากคนอื่น ตกลงกับ มร.ที.แล้ว ยิ่งลักษณ์รับไปทำ อเมริกาไม่สนใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะถูกประชาชนนับล้านคนต่อต้าน แต่อเมริกามองผลประโยชน์ของเขาเป็นสำคัญ.... 
กปปส.ค่อนข้างอ่อนในเรื่องการทำความเข้าใจกับต่างประเทศ โชคดีที่ยังมีคนไทยในต่างประเทศคอยช่วยเหลือทำคลิปชี้แจงให้ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่รู้เรื่องประเทศไทยดี เช่น มร.ไมเคิล ยอน มร.โทนี่ ตาคาร์ลุคซี่ ป็นต้น คอยเขียนตอบโต้ผู้สื่อข่าวต่างชาติด้วยกันที่รับจ๊อบมาเขียน เช่น แอนดรู แมคเกรเกอร์ เป็นต้น.... 

อย่างไรก็ดี สุเทพ เทือกสุบรรณ โชคดีอยู่บ้างที่ได้รับการโหวตโดยสื่อต่างประเทศของอเมริกันให้เป็น “บุคคลแห่งเอเชีย ประจำปี 2556” โดยมีคะแนนสูงถึงร้อยละ 87 แซงตัวเก็งคนอื่นมาตลอด ทำให้ภาพลักษณ์ของสุเทพดีขึ้นในสายตาต่างประเทศ..............อย่างน้อยใครที่คิดจะ “อุ้ม” สุเทพ ต้องคิดหนักขึ้น ตำแหน่งนี้ มร.ที.เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็หวังไว้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ ซ้ำสถาบันจัดลำดับต่างประเทศยังจัดให้เขาเป็นผู้นำที่คอร์รัปชั่นมากที่สุดลำดับต้นๆ และเป็นนายกรัฐมนตรีที่ห่วยลำดับต้นๆ....... เสียอีก ส่วนยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีที่ห่วยที่สุด....

กิจการภายในประเทศไม่ได้อยู่แบบโดดๆ เรื่องภายในอาจลามไปยังภายนอกได้ ขณะเดียวกัน ภายนอกอาจเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในได้ อเมริกาสร้างทฤษฎีที่ว่า เหตุที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่งแม้เป็นเรื่องภายในประเทศ แต่จะส่งผลถึงภายนอกในทุกกรณี............ดังนั้น ประเทศที่เสียประโยชน์ย่อมมีสิทธิเข้าแทรกแซง เป็นทฤษฎีที่อเมริกาตั้งขึ้นมาจากกรณีอิรัก ที่อเมริกามองว่ากระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐในตะวันออกกลาง ดังนั้น อเมริกาจึงเข้าไปแทรกแซง ทฤษฎีห้ามแทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน.....................เป็นเพียงตัวหนังสือ|เท่านั้น อาจทำได้สำหรับประเทศเล็กๆ แต่ใช้ไม่ได้กับประเทศมหาอำนาจ.... 


กล่าวโดยสรุป หากไม่มีเงื่อนไข ทหารก็ไม่ปฏิวัติ เมื่อทหารไม่ปฏิวัติ ก็ไม่มีเงื่อนไขให้อเมริกาเข้ามาแทรกแซง กปปส.ก็ไม่ต้องการให้ทหารปฏิวัติ โดยมวลมหาประชาชนจะทำการ “ปฏิวัติประชาชน” เอง เมื่อเป็นเช่นนี้ อเมริกาจะมาอ้างว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงผ่านการปฏิวัติรัฐประหารของทหารก็ไม่ได้ หากทำตัวเป็นหมาป่าจะขย้ำลูกแกะ ลูกแกะนับล้านๆ ก็พร้อมจะสู้กับหมาป่าตัวนี้ .... 

โดย...ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์/อดีตผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ 








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น