เพลงฉ่อยชาววัง

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

"วัดพระยาไกร" กับ East Asiatic

พอเอ่ยชื่อ "วัดพระยาไกร" หลายคนคงคุ้นตาชื่อวัดนี้และรู้แน่ว่าอยู่แถวถนนเจริญกรุง
แต่เชื่อเลยว่าทุกคนไม่รู้พิกัดที่แท้จริงของวัดนี้ว่าอยู่ตรงไหนแน่ เห็นอยู่แต่ป้ายชุมชนวัดพระยาไกรและสน.วัดพระยาไกร
ขณะที่บางคนหลงเชื่อว่าตัวเองน่าจะเคยเห็นวัดนี้แว้บๆบ้าง
แต่ข้อเท็จจริงคือวัดนี้ซึ่งมีชื่อเดิมว่า"วัดโชตนาราม" หรือ"วัดโชตินาราม" สร้างในสมัยรัชกาลที่3 โดยพระยาโชฎึกเศรษฐี แต่ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อตามราชทินนามเจ้าของวัดมาเป็น "วัดพระยาไกร"นั้น ได้ค่อยๆเสื่อมถอยในสมัยรัชกาลที่4 เมื่อผู้สร้างวัดได้เสียชีวิตและเกิดหนี้สินจากการสร้างวัด จึงมีการแบ่งที่ขายบริเวณดังกล่าว
แต่ต่อมาพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นธรณีสงฆ์ ซื้อขายไม่ได้ ทางการจึงยึดเป็นของหลวง และจากนั้นมาสิ้นสุดสภาพการเป็นวัดในสมัยรัชกาลที่5 โดยทางราชการให้บริษัทอีสต์เอเชียติกจำกัด แห่งเดนมาร์ค เช่าเป็นท่าเรือ โรงเลื่อย และโกดังริมแม่น้ำเจ้าพระยา
บริษัทอีสต์เอเชียติก ทะลึ่งแกล้งตีมึนทำมั่วใช้ตัวโบสถ์เป็นสำนักงาน และวิหารเป็นโกดัง ทางการอ้างผิดสัญญา แต่ทำได้เพียงขึ้นค่าเช่า
ภายหลังพบว่าบริษัทอีสต์เอเชียติก ใช้โบสถ์และวิหารเป็นสถานที่บรรจุสุรา จึงสั่งให้ย้ายอุปกรณ์ดังกล่าวออกพร้อมให้วัดพระยาไกรเป็นวัดร้างโดยสมบูรณ์
ซึ่งต่อมาได้มีการทุบทิ้งทั้งโบสถ์และวิหารของวัดพระยาไกร โดยบริษัทอีสต์เอเชียติกได้เช่าเป็นโกดังเพิ่มขึ้น
สำหรับพระพุทธรูปสำคัญในวัดนี้2องค์ศิลปะสุโขทัย ภายหลังการรื้อโบสถ์ทิ้งก็ได้มีการเคลื่อนย้ายไปยังวัดอื่น
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ อยู่วัดไผ่เงินโชตนาราม ซ.จันทน์ 43

องค์แรกเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ ไปยังวัดไผ่เงินย่านตรอกจันทน์ หรือถนนจันทน์ ซึ่งเพิ่งสร้างใหม่ จากเหตุที่วัด 3 แห่งในย่านคลองเตยและพระโขนงที่ถูกเวนคืนที่ดินเพื่อทำท่าเรือคลองเตย คือ วัดเงิน วัดไก่เตี้ย และวัดหน้าพระธาตุ โดยทางการได้ให้วัดเงินกับวัดไผ่ล้อมเดิม มารวมกันเป็นวัดไผ่เงิน ที่ย่านตรอกจันทน์ โดยมีพระพุทธรูปสำริดจากวัดพระยาไกรที่ร้างแล้วมาอยู่วัดใหม่นี้ สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้ได้มีการตั้งชื่อว่า "หลวงพ่อสัมฤทธิ์"
ทั้งนี้ วัดไผ่เงิน มีชื่อเต็มว่าวัดไผ่เงินโชตนาราม โดยคำว่า"โชตนาราม" ที่ห้อยท้ายนั้นก็มาจากชื่อเดิมของวัดพระยาไกรนั่นเอง

ส่วนพระพุทธรูปอีกองค์เป็นพระปูนปั้นขนาดใหญ่มาก ได้เคลื่อนย้ายมาไว้ที่วัดไตรมิตรวิทยาราม ถูกทิ้งอยู่กลางแจ้งเป็นเพิงสังกะสีอยู่นานตั้ง20ปี เพราะเห็นเป็นเพียงปูนปั้น ภายหลังเมื่อพระวิหารองค์ใหม่สร้างเสร็จ จึงได้มีแผนจะเคลื่อนย้ายองค์พระมายังวิหารใหม่ ระหว่างเคลื่อนย้ายนั้น ได้เกิดอุบัติเหตุ ปูนที่หุ้มอยู่อยู่เกิดกะเทาะ เมื่อถอดปูนออกหมดจึงพบองค์พระแท้จริงเป็นทองคำอร่ามตา ทั่งยังเป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยที่งดงามมาก ภายหลังตั้งชื่อว่า "พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร" 

วัดไตรมิตร จากพระพุทธรูปปูนปั้นสู่หลวงพ่อทองคำหนึ่งเดียวของโลก

                  
สำหรับพื้นที่ปัจจุบันของวัดพระยาไกร ซึ่งต่อมาคือโรงเลื่อย ท่าเรือ และโกดังนั้น ก็คือ
"เอเชียติ๊ก" ที่มีเจ้าของชื่อว่า "โซวเคียกเม้ง" หรือ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อไทยเบฟ ราชันแห่งโลกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของภูมิภาคนี้
แป่ว!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น