เพลงฉ่อยชาววัง

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ข่าวความไม่สงบของสถานการณ์โลก

18 ม.ค. 2559 00:45

ไอซิสโจมตีเมืองทางตะวันออกซีเรีย สังหารโหด 135 ศพ ลักพาตัวอีก 400 คน

(ภาพ: AFP)
กลุ่มไอซิสโจมตีเมืองทางตะวันออกของประเทศซีเรีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 135 ราย และลักพาตัวประชาชนอีกหลายร้อยคนในพื้นที่ข้างเคียง...
สำนักข่าวต่างประเทศราย อ้างการเปิดเผยของ กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (เอสโอเอชอาร์) ว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) บุกโจมตีเมือง เดียร์ อัล-ซอร์ ในจังหวัดชื่อเดียวกันทางตะวันออกของประเทศในวันเสาร์ (16 ม.ค.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 135 ราย แบ่งเป็นพลเรือน 85 ราย และนักรบฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาดอีก 50 ราย
ขณะที่สื่อของรัฐบาลซีเรียรายงานว่า กลุ่มไอซิสก่อเหตุโจมตีเมืองเดียร์ อัล-ซอร์ ด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย ก่อจะโจมตีด้วยกำลังภาคพื้น อย่างไรก็ตาม สื่อรัฐบาลซีเรียระบุตัวเลขผู้เสียชีวิตไว้สูงถึงกว่า 300 ราย และบางรายถูกฆ่าตัดศีรษะด้วย
นอกจากนี้ เอสโอเอชอาร์รายงานด้วยว่า กลุ่มไอซิสยังได้ลักพาตัวประชาชนจำนวนประมาณ 300 คน ทั้งหมดเป็นชาวมุสลิมสุหนี่ ไปจากเขตบาลิเกีย และพื้นที่อื่นๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเดียร์ อัล-ซอร์ ด้วย โดยขบวนรถของกลุ่มไอซิสมุ่งหน้าไปยังเมืองรักกะ ฐานที่มั่นของพวกเขา
ทั้งนี้ ตามข้อมูลของเอสโอเอชอาร์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษ ไอซิสควบคุมพื้นที่ในจังหวัดเดียร์ อัล-ซอร์ เอาไว้ประมาณ 60% โดยมีประชาชนราว 200,000 คน อาศัยอยู่ในเขตที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลแต่ถูกไอซิสปิดล้อม มีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันด้วยว่า มีประชาชนจำนวนหนึ่งอดตายในพื้นที่เหล่านี้ เนื่องจากแทบไม่ได้รับเสบียงอาหารจากภายนอก.

17 ม.ค. 2559 01:45

มาเลย์จับผู้ต้องสงสัย สารภาพสิ้นวางแผนระเบิดฆ่าตัวตายตามบัญชาไอซิส


(ภาพ: AP)
มาเลเซียจับกุมผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าวางแผนจะก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในมาเลเซียตามคำสั่งของกลุ่มไอซิส...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คาลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของมาเลเซีย เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ในวันเสาร์ (16 ม.ค.) ว่า ตำรวจสามารถจับกุมตัวชายชาวมาเลเซียวัย 28 ปีคนหนึ่ง ได้ที่สถานีรถไฟในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พร้อมกับอาวุธหลายชิ้นและเอกสารเกี่ยวกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ผู้ต้องสงสัยรายนี้ รับสารภาพว่า เขาวางแผนจะก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในประเทศมาเลเซียหลังจากได้รับคำสั่งจากสมาชิกชาวต่างชาติของกลุ่มไอซิสในประเทศซีเรีย แต่ไม่เปิดเผยว่าเขาวางแผนจะโจมตีที่ใดและอย่างไร นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ที่นำธงของกลุ่มไอซิสไปประดับไว้ตามจุดต่างๆ ในรัฐตรังกานู, รัฐเประ, รัฐสลังงอร์ และรัฐยะโฮร์ เพื่อเตือนรัฐบาลให้หยุดจับกุมตัวสมาชิกไอซิสในมาเลเซียด้วย
ทั้งนี้ มาเลเซียเฝ้าระวังเหตุร้ายในระดับสูงนับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดและต่อสู้ด้วยอาวุธในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์ ผบ.ตร.คาลิดเผยด้วยว่า นอกจากชายวัย 28 ปีรายนี้แล้ว ตำรวจยังสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยให้การสนับสนุนกลุ่มไอซิสอีก 3 คนระหว่างวันที่ 11-15 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยทั้งหมดมีอายุระหว่าง 23-28 ปี หนึ่งในนี้เป็นผู้หญิง

15 ม.ค. 2559(
01.25 น.)ไอซิสออกแถลงการณ์ อ้างอยู่เบื้องหลังโจมตีจาการ์ตา ดับ 7 เจ็บอื้อ
(ภาพ: REUTERS)
กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามแถลง อ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีกรุงจาการ์ตาเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) เผยแพร่แถลงการณ์ลงบนโลกออนไลน์ อ้างตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดโจมตีและเหตุยิงปะทะในย่านธุรกิจและช็อปปิ้งขนาดใหญ่ในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันพฤหัสบดี เป็นเหตุให้มีพลเรือนเสียชีวิต 2 ราย ขณะที่มีมือปืนเสียชีวิต 5 รายแถลงการณ์ของกลุ่มไอซิสระบุว่า การโจมตีที่กรุงจาการ์ตาเป็นฝีมือของนักรบของคาลิเฟต (รัฐของชาวอิสลาม) มีเป้าหมายโจมตีที่พลเรือนของชาติพันธมิตรผู้ทำสงครามศาสนาต่อต้านกลุ่มไอซิส

ควันจากเหตุระเบิดในกรุงจาการ์ตาเมื่อวันพฤหัสบดี (ภาพ: AP)
ทั้งนี้ เหตุโจมตีในกรุงจาการ์ตาเริ่มขึ้นในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี โดยมือระเบิดฆ่าตัวตายปลดชนวนระเบิดขึ้นใกล้กับร้าน สตาร์บัคส์และป้อมตำรวจ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาคารสถานทูตและอาคารรัฐบาลอินโดนีเซีย ในขณะที่คนร้ายอีก 3 คนหนีเข้าไปในโรงละครดาคาร์ตา ซึ่งอยู่ในตึกเดียวกับร้านสตาร์บัคส์ จากนั้นจึงเกิดการยิงปะทะกับตำรวจ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ประกาศว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
ตำรวจอินโดนีเซียยืนยันว่า คนร้าย 2 คนเสียชีวิตในเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย ส่วนอีก 3 คนเสียชีวิตระหว่างการยิงปะทะ โดยศพของกลุ่มมือปืนถูกทิ้งเอาไว้บนถนน ขณะที่มีพลเรือนชาวแคนาดาและอินโดนีเซียเสียชีวิตชาติละ 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 20 คนหลายคนเป็นชาวต่างชาติ และ 5 คนเป็นตำรวจ
ด้าน แอนตัน ชาร์ลิยาน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย ระบุว่า ผู้ก่อเหตุพยายามเลียนแบบเหตุก่อการร้ายในกรุงปารีส ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 13 พ.ย. 2015 โดยตำรวจได้รับคำเตือนจากกลุ่มไอซิสตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ย.แล้วว่า กลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้จะจัดคอนเสิร์ตขึ้นในอินโดนีเซีย
เจ้าหน้าที่ยืนคุ้มกันที่หน้าร้านสตาร์บัคส์ในกรุงจาการ์ตา (ภาพ: AP)


15 ม.ค. 2559(05.00 น.)
ไม่แคล้ว 'ไอซิส'!! กลุ่มต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง ตัวการบึมสยองจาการ์ตา

และแล้ว กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย หนึ่งประเทศในภูมิภาคอาเซียนของเรา ก็ต้องเผชิญหน้ากับเหตุระเบิดรุนแรงเมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 ม.ค. โดยกลุ่มคนร้ายเลือกสถานที่ลงมือก่อเหตุ เป็นบริเวณใกล้กับสำนักงานของสหประชาชาติ(ยูเอ็น), ทำเนียบประธานาธิบดี และ ซารีนาห์ มอลล์ ช็อปปิ้งมอลล์ใหญ่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 12 ศพ เป็นเหยื่อเคราะห์ร้าย 7 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ศพ ส่วนคนร้ายตาย 5 ศพ
หลังเกิดเหตุระเบิดสะเทือนขวัญแล้ว กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียยังต้องปฏิบัติการไล่ล่ากลุ่มคนร้ายและเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดนานกว่าชั่วโมง จนสร้างความระทึกและบีบหัวใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
ท่ามกลางเสียงปืน และสิ้นเสียงระเบิดที่ดังกึกก้องเขย่ากรุงจาการ์ตา กลับยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่สำหรับความเห็นของนักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของสำนักข่าวต่างประเทศหลายคนว่า รูปแบบการก่อรุนแรงที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซียครั้งนี้ แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นเหตุก่อการร้ายในอินโดนีเซียครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดที่โรงแรม เจ ดับบลิว แมร์ริออต​ และโรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน ในกรุงจาการ์ตา เมื่อ ก.ค.2552 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และบาดเจ็บ 53 คน
* รูปแบบโจมตีเหมือนปารีส

บ็อบ แบแอร์ นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ มีความเห็นว่า ลักษณะการโจมตี เหมือนกับเป็น ‘ลายเซ็น’ หรือเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงติดอาวุธ ‘รัฐอิสลาม’ หรือไอซิสไม่ผิดเพี้ยน!!
‘เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในจาการ์ตา สำหรับผมแล้ว มันมี ‘เสียง’เหมือนเหตุโจมตีปารีส’ บ็อบ แบเออร์ กล่าว พร้อมชี้ว่า นักรบหัวรุนแรงจำนวนมากมีประสบการณ์ในการสู้รบทั้งในอิรักและซีเรีย และจำนวนมากมีประสบการณ์ในการผลิตและก่อเหตุระเบิด


*เตือนก่อนหน้าไม่กี่วัน...ไอซิสจ้องโจมตีอินโดฯ
6 มกราคม 59 เว็บไซต์ อินโดนีเซีย-อินเวสต์เมนต์ รายงานรัฐบาลออสเตรเลียได้แนะนำชาวออสเตรเลียให้คิดทบทวนอีกครั้งหากต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวในอินโดนีเซียช่วงนี้ (โดยเฉพาะเกาะบาหลี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวออสเตรเลีย) เพียงแต่คำเตือนของรัฐบาลออสเตรเลียผ่านทางออนไลน์ ไม่ได้มีการแจ้งรายละเอียด ระบุเพียงว่า ‘พวกเรายังคงได้รับข้อมูลอย่างต่อเนื่องบ่งชี้ว่ากลุ่มก่อการร้ายอาจกำลังมีแผนการโจมตีอินโดนีเซีย ซึ่งสามารถจะเกิดได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรไปยังสถานที่ที่มีระดับการรักษาความปลอดภัยต่ำ และหลีกเลี่ยงเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ว่าจะตกเป็นเป้าโจมตี

*มีเครือข่ายไอซิสอยู่ในอินโดฯแน่นอน
นายเอ.เอ็ม เฮนโดรปรีโยโน อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอินโดนีเซีย และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ยืนยันเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ม.ค.ว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในกรุงจาการ์ตาได้มีคำเตือนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอซิส เพราะมีข่าวกรองชัดเจนว่า ขณะนี้ มีเครือข่ายไอซิสอยู่ในอินโดนีเซีย



*ชาวอินโดฯอย่างน้อย 300 คน เข้าร่วมกลุ่มไอซิส
ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอินโดนีเซีย ระบุว่า มีชาวอินโดนีเซียอย่างน้อย 300 คน กำลังเข้าร่วมกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอซิส อย่างไรก็ตาม จำนวนของชาวอินโดนีเซียที่เข้าร่วมกับกลุ่มไอซิสจะมีจำนวนมากกว่านี้มาก
*โพสต์คลิปขู่ฆ่าตำรวจลงยูทูบ
ขณะที่ คลิปวิดีโอคลิปหนึ่งที่อัพโหลดลงในยูทูบ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 58 หรือปลายปีที่ผ่านมา ได้เผยแพร่ภาพชาวอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มไอซิสได้พูดขู่ฆ่าเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของอินโดนีเซีย เพื่อพยายามจะนำกฎหมายอิสลามหรือชาเรียห์ มาใช้ในอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม รองประธานาธิบดียูซุฟ คัลลาของอินโดฯ ได้พยายามลดระดับความหวาดกลัวเหตุก่อการร้ายในประเทศว่า อินโดนีเซียได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันตรายร้ายแรงใดๆ



* กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเคลื่อนไหวต่อเนื่องในอินโดฯ

พล.ต.อ.สุตาร์มาน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อไม่นานที่ผ่านมาว่า ระหว่างปี 2543-2557 เกิดเหตุต้องสงสัยว่าเป็นการก่อการร้ายในอินโดนีเซีย รวม 97 ครั้ง เป็นเหตุให้ตำรวจส้ินชีพ จากการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย 34 นาย ขณะที่ ได้จับกุมคนร้ายซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายอย่างน้อย 1,000 คน ในช่วงเวลา 14 ปีที่ผ่านมา
เหตุระเบิดที่เกาะบาหลี เมื่อปี 2545

*เหตุการณ์รุนแรงที่เคยเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย
- ธ.ค.2543 เกิดเหตุระเบิดที่โบสถ์คริสต์ทั่วประเทศ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 19 ศพ
-ต.ค.2545 เกิดเหตุระเบิดที่เกาะบาหลี เกาะท่องเที่ยวชื่อดังของอินโดนีเซีย ตาย 202 ศพ ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย 88 ศพ
-ส.ค. 2546 เกิดเหตุระเบิดที่โรงแรมแมร์ริออต ในกรุงจาการ์ตา ตาย 12 ศพ
-ก.ย.2547 เกิดเหตุระเบิดด้านนอกสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ในกรุงจาการ์ตา ตายอย่างน้อย 9 ศพ
-ต.ต.2548 เกิดเหตุระเบิดพลีชีพบนเกาะบาหลี ตาย 23 ศพ รวมทั้งมือระเบิดพลีชีพหลายคน
ก.ค.2552 เกิดเหตุระเบิดระเบิดที่โรงแรม เจ ดับบลิว แมร์ริออต​ และโรงแรมริทซ์-คาร์ลตัน ในกรุงจาการ์ตา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ศพ และบาดเจ็บ 53 คน
กระทั่ง มาถึงเหตุรุนแรงโจมตีกรุงจาการ์ตาครั้งนี้ ซึ่งกำลังสร้างความหวาดผวา และอกสั่นขวัญแขวนให้แก่ชาวอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก เพราะดูจากรูปแบบการโจมตีแล้ว กลุ่มก่อการร้ายที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด ย่อมไม่แคล้ว ฝีมือเครือข่ายไอซิสอีกตามเคย.
CR:http://www.thairath.co.th

⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝
14 ม.ค. 2559
05.00 น.
ตุรกีกวาดเครือข่ายไอเอสหลังเหตุบึ้มอิสตันบูล
(ภาพ: AFP)
ตำรวจตุรกีนำกำลังตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องสงสัย 68 ราย รวมถึงชาวรัสเซีย 3 คนได้ในกรุงอังการาและเมืองอื่นๆตามพรมแดนติดซีเรีย ในฐานะผู้เป็นแนวร่วมกองกำลังติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย ซึ่งประกาศตัวเป็นกลุ่มก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สวนสาธารณะในย่านท่องเที่ยวสุลต่านอาห์เหม็ดในนครอิสตันบูลของตุรกี เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บ 15 ราย ถือเป็นความสูญเสียร้ายแรงที่สุดในรอบหลายเดือนหลังเกิดเหตุระเบิดพลีชีพในกรุงอังการาของตุรกีเมื่อเดือน ต.ค.2558 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 ราย
ด้านนางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประณามการก่อเหตุ พร้อมระบุด้วยว่าผู้เสียชีวิต 8 ใน 10 รายที่นครอิสตันบูลเป็นนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงยุติธรรมเยอรมนีระบุว่า แม้การก่อเหตุในตุรกีครั้งนี้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน แต่ทางการก็ยังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ชัดว่ากลุ่มก่อเหตุเตรียมวางแผนโจมตีในแผ่นดินเยอรมนี ส่วนรัฐบาลเปรูและนอร์เวย์แถลงว่าผู้เสียชีวิตอีก 2 คน เป็นพลเรือนของประเทศตน ขณะที่ตำรวจตุรกีตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยตามสถานที่สำคัญเพื่อป้องกันการก่อเหตุระลอกใหม่.


14 ม.ค. 255910.55 น.
เกิดเหตุระเบิด-กราดยิง กลางกรุงจากาต้าร์ 
ของอินโดนีเซีย ตาย 3
ตำรวจกรุงจาการ์ต้า อินโดนีเซีย รายงานยืนยันว่าเกิดเหตุระเบิดและกราดยิงขึ้นในวันนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน ซึ่งสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่าหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าให้ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ฟังว่าได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งกับมีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ซึ่งตำรวจเพิ่มเติมว่า จุดหนึ่งที่มีการปะทะกันคือหน้าร้านกาแฟสตาร์บัค ด้านหน้าศูนย์การค้าซารินาห์ ใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดี สำนักงานสหประชาชาติ รวมถึง โรงแรมหรูหลายแห่ง สถานทูต และสำนักงานตั้งอยู่ ยังไม่ชัดเจนว่าคนร้ายเป็นกลุ่มใด แต่ตำรวจประกาศว่า สถานการณ์ยังไม่กลับเข้าสู่ความสงบ ยังมีการยิงปะทะกันเกิดขึ้นในบางจุด ส่วนในภาพที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมหลายแห่ง พบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากเหตุกราดยิง และมีตำรวจเข้าไปในพื้นที่เพื่อปิดกั้นการเข้า-ออกแล้ว ยังมีทวิตเตอร์ของเจ้าหน้าที่สหประชาชาติชาวอเมริกันที่ทำงานอยู่ในสำนักงานตั้งอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ เล่าว่ามีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จากนั้นจึงเป็นเหตุระเบิด และตามมาด้วยเสียงปืนดังปะทะกันอีกครั้ง จากนั้นตำรวจจึงเข้ามาเตือนให้ทุกคนถอยห่างจากหน้าต่างอาคาร
อินโดนีเซียมีเหตุกลุ่มหัวรุนแรงก่อเหตุขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และยังคงอยู่ในภาวะเฝ้าระวังสูงสุดมาโดยตลอด
ด้านกระทรวงการต่างประเทศไทย เตือนประชาชนในหลีกเลี่ยงพื้นที่เกิดเหตุ ยืนยันยังไม่มีรายงานคนไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนตำรวจอินโดนีเซีย ออกมาระบุ ยอดผู้เสียชีวิต เพิ่มเป็น 6 ศพ

(ต่อ)

ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ประณามเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงจาการ์ตาสั่งฝ่ายความมั่นคงไล่ล่าตัวผู้ที่ก่อเหตุ
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด้ ของอินโดนีเซีย ประณามการเกิดเหตุระเบิดหลายจุดใจกลางกรุงจาการ์ตา และแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งสั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงติดตามไล่ล่าหาตัวผู้ที่ก่อเหตุ ทั้งนี้ นายวิโดโด้ได้ตัดลดภารกิจในการเดินทางไปยัง จ.ชวาตะวันตก และเดินทางกลับเมืองหลวงทันที หลังจากเกิดเหตุระเบิด ขณะที่ชาวเน็ตในกรุงจาการ์ตาพร้อมใจกันโพสต์ภาพประณามเหตุระเบิดในครั้งนี้
***ข่าวกรองอินโดชี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใครอยู่เบื้องหลัง
หัวหน้าสำนักข่าวกรองแห่งชาติของอินโดนีเซีย เผย ขณะนี้ ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ ที่ระบุได้ว่า กลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุระเบิดในย่านใจกลางกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย ในวันนี้ ขณะที่โฆษกตำรวจอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่อย่างน้อย 7 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นผู้ก่อเหตุโจมตี 4 ราย

***สตาร์บัคส์อินโดฯออกแถลงการณ์ลูกค้าได้รับบาดเจ็บ 1 คน
สตาร์บัคส์ออกแถลงการณ์ หลังจากเกิดเหตุระเบิดที่ร้านสตาร์บัคส์ ในกรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซีย วันนี้ ระบุว่า จากเหตุดังกล่าว ส่งผลให้มีลูกค้าของสตาร์บัคส์ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ขณะที่พนักงานของร้านทุกคนปลอดภัย พร้อมทั้งแสดงความเสียใจอย่างลึกซึ้ง ต่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น และร้านสาขาของสตาร์บัคส์ที่ประสบเหตุระเบิด และทุกร้านสาขาในอินโดนีเซีย จะปิดทำการจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
***ออสเตรเลียประณาม-สหรัฐเตือนพลเมืองหลังเหตุระเบิดโจมตีกลางกรุงจาการ์ตา
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียออกแถลงการณ์ ประณามการก่อเหตุระเบิดโจมตี ในย่านใจกลางกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย พร้อมทั้งเตือนชาวออสเตรเลียที่อยู่ในอินโดนีเซีย ให้อยู่ห่างจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดในครั้งนี้ เช่นเดียวกับสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงจาการ์ตา ที่ขอให้พลเมืองอเมริกันทุกคนที่อยู่ในอินโดนีเซียหลีกเลี่ยงพื้นที่รอบโรงแรมซารี แพน แปซิฟิก และซารีน่าห์ พลาซ่า ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุระเบิด
(ต่อ)

ชาวเน็ตในอินโดนีเซีย รณรงค์ให้ใช้ ‪#‎KamiTidakTakut‬ (เราไม่หวาดกลัว) แทน ‪#‎prayof‬.... 
เพราะเชื่อว่าผู้ก่อการร้ายต้องการเห็นคนอินโดฯ หวาดกลัว

(ต่อ)17.44 น.
คุมสถานการณ์ในจาการ์ตาได้แล้ว!! หลังตร.ไล่ล่าคนร้ายนานกว่าชม. ยอดตาย 7


ตำรวจอินโดฯ ควบคุมสถานการณ์ในกรุงจาการ์ตาได้แล้ว ยอดตายอย่างน้อย 7 เป็นคนร้าย 5 หลังจากปฏิบัติการไล่ล่าและยิงปะทะกับคนร้ายก่อเหตุระเบิดหลายจุด นานกว่าชั่วโมง ด้านโฆษกสำนักงานตร.เผย ยังไม่แน่ชัดว่ากลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มใด และยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ
เมื่อ 14 ม.ค. 59 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ตำรวจอินโดนีเซีย สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว หลังปฏิบัติการไล่ล่า และเกิดการยิงต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายนานกว่าชั่วโมง นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดรุนแรงสะเทือนขวัญในกรุงจาการ์ตา ตอนช่วงสายของวันที่ 14 ม.ค. โดยกลุ่มคนร้ายได้เลือกเป้าหมายลงมือก่อเหตุหลายจุดบนถนนธัมริน ซึ่งเป็นย่านธุรกิจ รวมทั้งยังมีอาคารสำนักงานสหประชาชาติ ทำเนียบประธานาธิบดี และ ซารีนาห์ มอลล์ ช็อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่

ตำรวจอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า เหตุรุนแรงครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นอย่างน้อย 7 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุโจมตี 5 ราย และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย อย่างไรก็ตาม แม้เหตุการณ์รุนแรงจะยุติลงแล้ว แต่ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุโจมตีกรุงจาการ์ตา ขณะที่ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย กล่าวว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้เป็นกลุ่มใด เพียงแต่ ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ชี้ว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นการก่อการร้าย
พล.ต.อ.บูดี กูนาวัน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย กล่าวว่า ชายต้องสงสัยเป็นคนร้าย 2 คน ถูกยิงเสียชีวิตที่ด้านหน้าโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ขณะที่ชายอีก 2 คน เป็นมือระเบิดพลีชีพ เพราะได้ปลดชนวนระเบิดปลิดชีพตัวเอง บริเวณสถานีตำรวจใกล้กับร้านกาแฟชื่อดัง สตาร์บัคส์ โดยโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และไม่มีผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายหลบซ่อนอยู่ใน ช็อปปิ้งมอลล์ ซารีนาห์ แล้ว
บีบีซี รายงานว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุโจมตีจาการ์ตา มีจำนวนมากถึง 14 คน และในจำนวนนี้ 3 คน ถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว


ลำดับเหตุการณ์โจมตีจาการ์ตา!! มือระเบิดพลีชีพถึง 3 ราย ลาก 2 ชาวต่างชาติไปยิงโหด

ลำดับเหตุการณ์โจมตีจาการ์ตา กลุ่มคนร้ายเป็นมือระเบิดพลีชีพถึง 3ราย พร้อมจับตัวชาวต่างชาติ 2 คน เป็นชาวดัตช์ 1 แอลจีเรีย 1 เป็นตัวประกัน ก่อนลากไปยิงอย่างเหี้ยมโหด จนตาย 1 เจ็บ 1...
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 59 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ลำดับเหตุการณ์โจมตีกรุงจาการ์ตา หลังจากเกิดเหตุระเบิดเสียงดังกึกก้องหลายครั้ง บริเวณตอนกลางของกรุงจาการ์ตา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และยังไม่มีกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ

** ลำดับเหตุการณ์โจมตีจาการ์ตา (ตามเวลาท้องถิ่น)
--10.55 น. มือระเบิดพลีชีพรายแรกก่อเหตุปลดชนวนระเบิดที่ร้านกาแฟชื่อดัง สตาร์บัคส์
-- คนร้ายอีก 2 คน ซึ่งอยู่ด้านนอกร้านสตาร์บัคส์ จับกุมชาวต่างชาติ 2 คน เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ 1 คน และชาวแอลจีเรีย 1 คน เป็นตัวประกัน
-- จากนั้น คนร้ายได้เปิดฉากกราดยิงใส่ประชาชนที่สัญจรบนท้องถนน
---ต่อมา คนร้ายได้ลากตัวประกัน 2 คนไปยังที่จอดรถ และเหนี่ยวไกปืนยิงเหยื่อทั้งสองอย่างเหี้ยมโหด ทำให้ชาวเนเธอร์แลนด์เสียชีวิต ส่วนชาวแอลจีเรียบาดเจ็บ
-- ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ และเห็น 2 คนร้าย จึงเปิดฉากยิงปืนเข้าใส่ ขณะที่ คนร้ายตอบโต้ด้วยการขว้างระเบิดมือ 2 ลูกใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
-- ไม่กี่นาทีต่อมา คนร้ายทั้งสองได้ขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปยังป้อมตำรวจ ใกล้กับ ซารีนาห์ มอลล์ และได้ปลดชนวนระเบิดปลิดชีพตนเอง
สรุปเหตุการณ์ระเบิดที่จาการ์ตา : เกิดเหตุระเบิด 5 ครั้ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ศพ เป็นมือระเบิดพลีชีพ 3 ศพ และโดนตำรวจยิงดับ 2 ราย รวมคนร้ายตาย 5 ราย ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจค้นเจอระเบิดที่ยังไม่ได้จุดชนวนอีก 5 ลูก และปืนสั้น 2 กระบอก โดยตำรวจอินโดนีเซียเชื่อว่า เป้าหมายใหญ่ในการลงมือก่อเหตุครั้งนี้ คือ นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝
13 ม.ค. 2559 17.00

จบด้วยดี! อิหร่านปล่อยตัว ทหารเรือมะกัน 10 นายแล้ว เผยงานนี้ สหรัฐฯยอมขอโทษ

อิหร่านยอมปล่อยตัวทหารเรืออเมริกัน 10 นายบนเรือลาดตระเวนของสหรัฐฯ 2 ลำที่รุกล้ำน่านน้ำแล้ว ขณะที่ ผบ.กองทัพอิหร่าน เผย สหรัฐฯยอมขอโทษ และจากการไต่สวนทหารเรืออเมริกัน พบว่า ไม่มีเจตนาเข้ามาในน่านน้ำของอิหร่าน
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.59 สำนักข่าวต่างประเทศอ้างสถานีโทรทัศน์ เพรส ทีวี ของทางการอิหร่าน รายงาน ทางการอิหร่านได้ปล่อยตัวทหารเรืออเมริกัน 10 นายแล้ว เมื่อ 13 ม.ค.หลังจากได้ถูกควบคุมตัวเนื่องจากเรือลาดตระเวนของสหรัฐฯ 2 ลำได้แล่นรุกล้ำน่านน้ำของอิหร่าน ใกล้กับเกาะฟาร์ซี เมื่อวันอังคารที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา

‘มีหลักฐานบ่งบอกว่าทหารเรืออเมริกันเหล่านี้แล่นเข้ามาในน่านน้ำของอิหร่านโดยไม่ตั้งใจ เนื่องจากระบบนำทางของเรือเกิดผิดพลาด’ โฆษกของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติแห่งอิหร่าน กล่าวกับสถานีโทรทัศน์เพรส ทีวี
ก่อนหน้านี้ พลเอกอาลี ฟาดาวี ผู้บัญชาการกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติแห่งอิหร่าน เผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้ขอโทษต่ออิหร่านแล้ว ที่เรือลาดตระเวนของสหรัฐฯ 2 ลำรุกล้ำน่านน้ำของอิหร่าน จนเป็นเหตุให้ทหารเรืออเมริกัน 10 นายถูกทางการอิหร่านควบคุมตัว โดยพลเอกฟาดาวี ยังตำหนิทหารเรืออเมริกัน 10 นายเหล่านี้ว่า ไม่มีความชำนาญ
ข่าวแจ้งว่า ก่อนที่ทางการอิหร่านจะยอมปล่อยตัวทหารเรืออเมริกันทั้ง 10 นายนั้น ได้กินเวลายืดเยื้อไปนานถึง 4 ชม. เนื่องจากได้ทำการไต่สวนทหารเรืออเมริกันเหล่านี้ว่า มีเจตนาแล่นเรือรุกล้ำน่านของอิหร่านหรือไม่ รวมทั้งทางการอิหร่านยังเรียกร้องให้สหรัฐฯออกมาขอโทษ ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน เกิดขึ้นขณะที่อิหร่านกำลังเกิดความตึงเครียดกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นมิตรประเทศกับสหรัฐฯพอดี จนทำให้ประชาคมโลกมีความวิตกกังวลกลัวเหตุการณ์ขัดแย้งจะรุนแรงมากกว่าเดิม

⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝
12 ม.ค. 2559 02:05
ไอซิสบุกกราดยิงศูนย์การค้าแบกแดด ดับ 18 ศพ
(ภาพ: Google map)


นักรบกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามก่อเหตุบุกโจมตีศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในเขตทางตะวันออกของกรุงแบกแดด สังหารผู้คนอย่างน้อย 18 ราย ขณะที่มีผู้ติดอยู่ในอาคารอีกหลายสิบราย...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 11 ม.ค. เกิดเหตุกลุ่มมือปืนซึ่งมีจำนวนอย่างน้อย 4 คน บุกโจมตีศูนย์การค้า 'จาวาเฮอร์' ในเขตแบกแดด จาดิดา ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมชีอะห์ ทางตะวันออกของกรุงแบกแดด เมืองหลวงของประเทศอิรัก โดยใช้ระเบิดรถยนต์เปิดทางก่อนจะบุกเข้าไปภายใน
เจ้าหน้าที่ของอิรักระบุว่า การโจมตีทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 3 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 25 คน ขณะที่มีรายงานว่าประชาชนประมาณ 50-75 คน ยังติดอยู่ภายในศูนย์การค้าแห่งนี้ แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเกิดสถานการณ์จับตัวประกันขึ้นหรือไม่
ด้านโฆษกกระทรวงมหาดไทยอิรักเปิดเผยว่า ในขณะนี้กองกำลังความมั่นคงได้ปิดล้อมศูนย์การค้าที่เกิดเหตุซึ่งถูกระบุว่าเป็น สถานที่เกิดเหตุก่อการร้ายแล้ว
ขณะเดียวกัน กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) กองกำลังมุสลิมนิกายสุหนี่ซึ่งควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่ในอิรักและซีเรีย เผยแพร่แถลงการณ์ลงบนโลกออนไลน์ อ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีศูนย์การค้าในครั้งนี้ โดยระบุว่าเป้าหมายการโจมตีคือชาวมุสลิมชีอะห์
(ต่อ)
13.00( 12.1.16)



สหรัฐถล่มคลังเงินสดไอเอสผลาญหลายล้านเหรียญ | เดลินิวส์
12 ม.ค. 2559(13.00)
„สหรัฐถล่มคลังเงินสดไอเอสผลาญหลายล้านเหรียญ เครื่องบินรบกองกำลังสหรัฐทิ้งระเบิดโจมตีคลังเก็บเงินสดของกลุ่มก่อการร้ายในอิรัก ทำลายเงินสดมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ วันอังคารที่ 12 มกราคม 2559 เวลา 10:23 น. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐแถลงเมื่อวันจันทร์ เรื่องการใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีสถานที่เก็บเงินสดของกลุ่มก่อการร้ายไอเอสในเมืองโมซูล ทางตอนเหนือของอิรัก โดยใช้ระเบิดน้ำหนัก 2,000 ปอนด์ 2 ลูก คาดว่ามีเงินสดมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐถูกทำลาย แม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าเงินสดในสถานที่ดังกล่าวเป็นเงินสกุลใด
ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าอาจมีพลเรือนเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ 5 - 7 ราย เจ้าหน้าที่เผยว่า ที่ผ่านมาเคยมีการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่คลังเก็บเงินสดบ้าง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งการโจมตีที่รุนแรงที่สุด โดยเงินสดเหล่านั้นล้วนมาจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ทั้งการลักลอบค้าน้ำมัน การปล้น และการขูดรีด ซึ่งจะถูกส่งกระจายไปยังเครือข่ายย่อยเพื่อสนับสนุนในปฏิบัติการก่อการร้าย ปฏิบัติการของกองกำลังร่วมที่นำโดยกองทัพสหรัฐ ได้เพิ่มการโจมตีโดยมุ่งไปยังเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับแหล่งเงินทุนของกลุ่มไอเอสมากขึ้น เช่นรถบรรทุกลำเลียงลักลอบขนน้ำมันข้ามพรมแดน.“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/foreign/372548
หมายเหตุ
สร้างภาพจริง ๆ นี่มันภาพโดยรอยเตอร์ตั้งแต่ปี 2014
A pair of U.S. Air Force F-15E Strike Eagles fly over northern Iraq after conducting airstrikes in Syria, in this U.S. Air Force handout photo taken early in the morning of Sept. 23, 2014. REUTERS
ตามข่าวนี้
http://www.cbsnews.com/news/isis-hit-by-new-u-s-airstrikes-in-syria-iraq/

ชมคลิปข่าวที่นี่




(ต่อ)


*เกิดเหตุระเบิดกลางนครอิสตันบูลของตุรกีตาย10-เจ็บ15*
12 ม.ค. 255915.20 น.ตามเวลาในประเทศไทย ( 12.1.16)

เว็บไซต์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานอ้างสื่อท้องถิ่นของตุรกีว่า ตำรวจตุรกีได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบจัตุรัสสุลตานาห์เมต ย่านประวัติศาสตร์ ใจกลางนครอิสตันบูล หลังเกิดเหตุระเบิดดังสนั่นหนึ่งครั้งเมื่อเวลา 10.20 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้(ราว 15.20 น.ตามเวลาในประเทศไทย) มีคนเสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บเบื้องต้น 15 คน หลังเกิดเหตุ ตำรวจและรถพยาบาลรุดไปยังจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ใกล้มัสยิดสีน้ำเงินและย่านฮายาโซฟีอา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของตุรกี สำหรับสาเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ระบุว่าอยู่ระหว่างการสอบสวน
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงตุรกีได้เพิ่มการเฝ้าระวังนับแต่เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้งท่ามกลางนักเคลื่อนไหวที่เดินขบวนอย่างสันติในกรุงอังการาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน มีคนเสียชีวิต 103 ศพ นับเป็นเหตุรุนแรงที่มีคนเสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ตุรกียุคใหม่ ครั้งนั้นกลุ่มรัฐอิสลามถูกระบุว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตี เช่นเดียวกับเหตุโจมตีอีก 2 ครั้งในย่านชุมชนชาวเคิร์ดทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเมื่อช่วงต้นปีก่อน นอกจากนั้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจตุรกีได้จับกุมผู้ต้องสงสัยกลุ่มไอเอสหลายคน เจ้าหน้าที่ระบุว่าคนเหล่านั้นวางแผนก่อเหตุโจมตีนครอิสตันบูล/16.02 น.



ปูตินตำหนิ นาโตต้องการขยายอิทธิพลครอบคลุมยุโรป คือต้นตอความตึงเครียด
12 ม.ค. 2559 17:55
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สื่อเมืองเบียร์ ตำหนิความต้องการแผ่ขยายอิทธิพลของนาโตหวังครอบคลุมยุโรปทั้งหมด คือต้นตอความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย กับยุโรปตะวันตกและสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2559 นิตยสารบิลด์ของเยอรมันได้สัมภาษณ์ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียเป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยผู้นำรัสเซียได้วิจารณ์และตำหนิ องค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต) ว่า คือต้นตอของความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับประเทศยุโรปตะวันตกและสหรัฐฯ จาก ความพยายามที่จะแผ่ขยายอิทธพลครอบคลุมยุโรปของนาโตภายหลังยุคสงครามเย็นสิ้นสุด
‘นาโต และสหรัฐอเมริกาต้องการมีชัยชนะเหนือรัสเซียอย่างเต็มรูปแบบ พวกเขาต้องการจะนั่งคุมบัลลังก์ในทวีปยุโรปแต่เพียงผู้เดียว ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งคุมอยู่แล้ว และเรากำลังพูดถึงปัญหาวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้น คุณจะเห็นได้จากความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามแผนการติดตั้งจรวดมิสไซล์ป้องกันตนเองอย่างเต็มรูปแบบของอเมริกัน’ ประธานาธิบดีปูตินกล่าว
พร้อมกับชี้ว่า รัสเซียให้ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายมาโดยตลอด นับตั้งแต่หลังเหตุวินาศกรรมช็อกโลก 9/11 โดยรัสเซียคือประเทศแรกที่ยืนเคียงข้างอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช อีกทั้งหลังเหตุโจมตีกรุงปารีส รัสเซียก็อยู่เคียงข้างประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส เนื่องจากการก่อการร้ายเป็นภัยคุกคามพวกเราทุกคน
สำหรับปัญหาความขัดแย้งบริเวณภาคตะวันออกของยูเครนนั้น ประธานาธิบดีปูตินเน้นว่า ความต้องการของประชาชน คือประเด็นหลัก ไม่ใช่เรื่องของพรมแดนหรือรัฐ แต่อนาคตของประชาชนในภาคตะวันออกของยูเครนต้องมาก่อน "ภายหลังการปฏิวัติโดยฝ่ายชาตินิยมยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวรัสเซียจำนวน 2.5 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในแคว้นไครเมียร์ ทั้งนี้ ประเทศคอมมิวนิสต์เดิมในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกจำนวน 10 ประเทศได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การนาโตในปี 2542 และปี 2547 ประเทศโครเอเชียและบัลแกเรียเข้าร่วมล่าสุดเมื่อปี 2552

⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇜⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝⇝

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น