เพลงฉ่อยชาววัง

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

"สำรวจปิโตรเลียมรอบใหม่ สัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิต" (ตอนที่ 1).


>> ดูคลิปย้อนหลัง => www.youtube.com/watch?v=Yk4B7IXvrqY
[22.30-23.30 น.] รายการ "เถียงให้รู้เรื่อง" ทาง Thai PBS ชมการโต้วาทีระหว่าง "คุณรสนา" vs. "นายศิริ" ประเด็น "สำรวจปิโตรเลียมรอบใหม่ สัมปทานหรือแบ่งปันผลผลิต" (ตอนที่ 1)...สัปดาห์หน้าต่อตอนที่ 2 




********************************************************************************
“ดร.ณรงค์ โชควัฒนา” นักธุรกิจและนักวิชาการในฐานะที่ติดตามเรื่องพลังงานมานานให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าคนไทยกำลังถูกปล้นประเทศไปด้วยการถูกหลอกว่ามีน้ำมันน้อย ประเทศไทยกำลังยกผลประโยชน์พลังงานไปให้คนอื่น!

เชื่อว่ามุมมองจากดร.ณรงค์ โชควัฒนา ที่ให้สัมภาษณ์แก่ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ จะช่วยให้คนไทยตื่นตัวและช่วยกันปกป้องทรัพยากรของชาติ ก่อนที่จะถูกโจรปล้นไปหมด!
ทราบมาว่าสนใจเรื่องพลังงานมานานแล้ว จึงอยากรู้ว่ามองปัญหาพลังงานในประเทศไทยอย่างไร
ผมคิดว่าเรื่องพลังงานในประเทศไทย เป็นการปล้นประเทศครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คือ ปล้นโดยปิดหูปิดตาประชาชนกว่า 63 ล้านคน แล้วคนปล้นมีอิทธิพลสูงมาก สามารถซื้อ สื่อ ซื้อหนังสือพิมพ์ วิทยุ ทีวี สื่อเกือบทั้งหมด ตอนนี้ผมเห็นแค่สื่อ ASTV ที่ยังตามเรื่องพลังงาน แต่สื่ออื่นเล่นเรื่องนี้ได้สักแป๊บ ก็เลิกตามแล้ว


นอกจากนั้นคนปล้นกลุ่มนี้ยังซื้อพรรคการเมือง เพื่อให้เป็นพวกของเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พลเรือน เรียกว่าเขามีอิทธิพลที่สุดเลย เพื่อจะทำการปล้นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นการเอามือปิดฟ้า เพราะเรื่องพลังงานที่บอกว่าประเทศไทยมีน้ำมันน้อย ก๊าซธรรมชาติน้อย มันไม่สามารถหลอกคนทั้งโลกได้หรอก ทั่วโลกรู้หมด หลอกได้แต่คนไทย ดังนั้นในความรู้สึกของผมนี่คือการปล้นตนเองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ร่วมมือกับต่างชาติมาปล้นประเทศของตนเอง คิดว่าเป็นการปล้นกันถึงแสนแสนล้าน ผมอายที่เกิดมาในสมัยนี้ คือ อายที่เห็นการปล้นแล้วทำอะไรไม่ได้
ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยว่าพฤติกรรมแบบไหนที่เรียกว่าเป็นการปล้นประเทศชาติ

การหลอกว่าน้ำมันมีน้อย ก๊าซธรรมชาติมีน้อย จึงต้องคิดค่าสัมปทานน้อยๆ ถ้าคิดแพง คนจะ ไม่มาสัมปทาน เรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น เพราะความจริงบ้านเรามีน้ำมันเยอะ ทั่วโลกรู้ กัน หมด ปิดได้แต่คนไทย แต่ปิดคนทั้งโลกไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถปิดได้อย่างถาวร ผมเชื่อว่าวันหนึ่งความจริงจะต้องปรากฏ แล้วคนเหล่านั้นที่ร่วมกระบวนการปล้นชาติจะต้องถูกจับติดคุกให้หมด
ผมเคยเอาข้อมูลที่ปรากฏมาดู แล้วพบว่าประเทศเรามีหลุมน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย 400 กว่าหลุม วันนี้ท่อก๊าซอยู่ในทะเลหลายพันกิโลเมตร มีการต่อท่อเต็มไป หมด เรียกว่าเรามีท่อก๊าซมากจนกระทั่งเรือที่เข้ามาในอ่าวไทยต้องขอแผนที่เดินเรือ เพื่อจะได้ไม่ไปชนท่อก๊าซเรา นี่คือเรื่องจริง หากใครคิดว่าไม่ใช่ ก็ให้เถียงมาเลยครับ

ประเด็นที่สอง มีการบอกว่าประเทศไทยมีก๊าซน้อยมาก แค่กระเปาะเล็กๆ แต่ต้องบอกว่าวันนี้เราทำโรงแยกก๊าซโรงเดียวก็เต็ม ต้องสร้างโรงที่ 2,3,4,5 และ 6 แต่สุดท้ายก๊าซก็ยังไม่มีที่เก็บ เลยต้องเผาทิ้งเต็มทะเล ต้องรู้ว่าถ้าหากไม่เผาก๊าซ ปล่อยให้ก๊าซรั่วออกมา หากก๊าซผสมกับออกซิเจนในสัดส่วนที่เหมาะสม ถ้ามีประกายไฟขึ้นมาจะทำให้เกิดระเบิด ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของหลุมน้ำมันทุกแห่ง วันนี้จึงต้องมีการเผาทิ้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ แสดงว่าหลังจากมีโรงแยกก๊าซที่สร้างขึ้นมาใหม่ ก๊าซยังเหลือ แล้วจะมาบอกว่าประเทศไทยขาดแคลนก๊าซได้อย่างไร

คิดดูว่าหลุมเจาะน้ำมันในซาอุดีอาระเบียยังไม่มีการเผา แต่ถ้าดูในอ่าวไทยสิ ปรากฏมี การเผาทุกอัน ถามว่าแสดงว่าประเทศไทยมีก๊าซมากหรือน้อย คำตอบคือ มีมากจนต้องเผาทิ้ง แล้วยังมาโกหกว่ามีก๊าซน้อย ต้องนำเข้ามาจากพม่า ต้องไปซื้อก๊าซ NGVซึ่งต้องขนมาในอุณหภูมิลบ 150 องศา อุตส่าห์ไปซื้อมาจากต่างประเทศ เพื่อจะขายให้คนไทยแพงๆ เท่านั้นเอง ผมว่ามันเป็นการหลอกลวง ถ้าไม่จริง ให้มาประกาศมาสิว่ามันไม่ใช่ ให้คนที่รู้ข้อเท็จจริงประกาศอย่างเป็นทางการมาเลยว่าก๊าซมีน้อย ถามว่าที่ต้องเผาก๊าซทิ้ง เพราะมีก๊าซน้อยเหรอ มันไม่มีเหตุผลว่าเราจะมีก๊าซน้อยเลย

ต้องรู้ว่าบ่อก๊าซทุกบ่อมีน้ำมัน หรือน้ำมันทุกบ่อมีก๊าซ เพราะมันเกิดร่วมกัน ดังนั้น ไม่ ต้องโกหก ทั่วโลกรู้กันหมดว่าในอ่าวไทยไม่ได้มีแค่ก๊าซ แต่มีน้ำมันด้วย คือ ถ้าคุณเจาะไปแค่ตื้นๆ ก็เจอก๊าซ ถ้าเจาะลึก ไปกว่านั้นก็จะเจอน้ำมัน เจาะลึกลงไปอีกก็เจอแต่น้ำ เพราะพวกนี้มันอยู่รวมกัน คือ น้ำอยู่ข้างล่างสุด ต่อไปเป็นน้ำมัน และก๊าซอยู่บนสุด แล้วคุณจะมาโกหกว่าในอ่าวไทยมีแต่ก๊าซอย่างเดียวได้อย่างไร คนที่บอกว่าในอ่าวไทยมีก๊าซอย่างเดียว ขอให้ออกมายืนยันหน่อยว่าในอ่าวไทยไม่มีน้ำมัน เราถูกหลอกมานานแล้ว ดังนั้นเลิกหลอกกันสักทีได้ไหมว่าอ่าวไทยมีแต่แก๊ส

คำถามคือ แล้วน้ำมันไปอยู่ไหนล่ะ เราไม่มีท่อน้ำมันขึ้นมา น้ำมันเขาขนทางเรือ และขนไปที่ไหน ช่วยแจ้งมาให้ด้วย คุณรู้ไหมว่าประเทศไทยมีเรือขนน้ำมันวนเวียนอยู่ในอ่าวไทยกว่า 400 ลำ วันหนึ่งแล่นเข้าๆ ออกๆ ทุกวัน เรือลำเล็กบรรทุกน้ำมันได้ประมาณ 30,000ตัน ส่วนเรือลำใหญ่บรรทุกได้ 70,000 ตัน เรือลำเล็กๆ จะบรรทุกน้ำมันได้แสนกว่าบาร์เรล ซึ่ง 1 บาร์เรลคือ 1 ถัง หรือ 159 ลิตร ถ้าวันหนึ่งมีเรือน้ำมันเถื่อนหลุดออกไปแค่ 7 ลำ เท่ากับว่าวันหนึ่งเราจะถูกปล้นน้ำมันออกไปประมาณ 1 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะน้ำมันจำนวนนี้เท่ากับโรงกลั่นทั้งหมดในประเทศไทยซึ่งกลั่นเต็มที่1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ฉะนั้นใครยืนยันกับผมได้ไหมว่าในอ่าวไทยไม่มีเรือน้ำมันลอดออกไป คุณก็รู้ว่า บริเวณ อ่าวไทยเป็นบริเวณที่มีการค้าน้ำมันเถื่อนเต็มไปหมด และถ้าน้ำมันออกไปแค่ 7 ลำล่ะ ถามว่าคุณณรงค์มีตัวเลขไหม คำตอบคือไม่มีหรอกครับ แต่ผมใช้สามัญสำนึกว่าเรือตั้ง 400 ลำเข้าๆ ออก เอาเรือลำเล็กหนัก 30,000 ตันออกไป 7 ลำก็ 1 ล้านบาร์เรลแล้ว จำนวนนี้เท่ากับที่โรงกลั่นกลั่นน้ำมันออกมาให้คนไทยใช้ ซึ่งความจริงคนไทยใช้น้ำมันวันละไม่ถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน คนไทยใช้น้ำมันประมาณ 7 แสนบาร์เรล ที่เหลือส่งออก

แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้ประเทศไทยส่งออกน้ำมันปีหนึ่งประมาณ 4 แสนล้านตัน เรียกว่ามากกว่าการส่งออกข้าวและยางพารารวมกันเสียอีก ซึ่งทั้งสองตัวนี้เป็นตัวเลขที่เราบอกว่าส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกในสมัยก่อนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่สองอย่างนี้รวมกันยังส่งออกน้อยกว่าน้ำมันและก๊าซ ถามว่าแล้วอย่างนี้บอกว่าเมืองไทยไม่มีน้ำมัน มีแค่กระเปาะเล็กๆได้ยังไง ผีที่ไหนจะไปเชื่อคุณ

คุณโกหกใครก็ได้ แต่จะมาโกหกคนไทยทั้งชาติไม่ได้หรอกครับ คนไทยไม่ได้โง่

แล้วผลเสียจากการปล้นชาติที่คุณว่ามานี้มีอะไรบ้าง

ผลเสียคือ ทรัพยากรเราสูญเสีย เพราะทรัพยากรเหล่านี้จะเป็นของต่างชาติหมด เนื่องจากบริษัทน้ำมันที่ได้สัมปทานไป เขาถือว่าน้ำมันเป็นของเขา วันหนึ่งถ้าเราจะขอคืน น้ำมัน บริษัทประเทศมหาอำนาจที่ได้สัมปทานอาจจะส่งกองทัพเข้ามาคุ้มครองทรัพย์สินของเขา นี่เท่ากับว่าชักศึกเข้าบ้าน ประเทศไทยทำบ้าๆบอๆ แบบนี้ ไม่อายบรรพบุรุษของเราบ้างหรือไง

ประเทศอื่นเข้าเปลี่ยนมาใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตกันหมดแล้ว ผมมองว่าระบบแบ่งปันผลผลิตจะทำให้น้ำมัน 70 -80 เป็นของรัฐบาลไทย ดังนั้นรัฐบาลจะขายน้ำมันราคา เท่าไหร่ก็ได้ ขายให้คนไทยถูกก็ได้ แต่ถ้าเป็นระบบสัมปทาน น้ำมันเป็นของบริษัทที่ได้ สัมปทานหมด ฉะนั้นน้ำมันที่ประชาชนใช้อยู่ทุกหยด หากไม่มีก็ต้องซื้อเขามาใช้ใช่ไหม แล้ว จะบอกว่าระบบนี้ดีได้อย่างไร มาบอกกันอยู่นั้นแหละว่าดี ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ ถามว่าข้อมูลนี้มาจากไหน ข้อมูลได้มาจากภาคประชาชน ซึ่งภาคประชาชนได้ข้อมูลมาจากหน่วยงานรัฐอีกทีหนึ่ง

เวลามีการโฆษณาชวนเชื่อ ก็บอกว่าประเทศไทยมีน้ำมันกระเปาะเล็กๆ ส่วนข้อมูลที่ บอกว่าประเทศไทยมีน้ำมันเยอะ ก็จะบอกสำหรับต่างชาติรู้เท่านั้น เพื่อเชิญชวนให้มาลงทุน สัมปทาน แต่กับคนไทยเอง กลับไม่ให้รู้วิธีประกาศสัมปทาน ประชาชนไม่รู้ว่ารัฐประกาศอย่างไรบ้าง แต่ภาคประชาชนไปได้ข้อมูลจากบริษัทน้ำมันที่ไปคุยโม้กับผู้ถือหุ้นว่า น้ำมันที่ เขา ได้สัมปทานจากประเทศไทยมีเยอะ ต้นทุนต่ำ และมีน้ำมันสำรองมาก ซึ่งผมมองว่า ข้อมูล ที่ภาคประชาชนได้มานั้น น่าเชื่อถือกว่าตัวเลขโฆษณาชวนเชื่อที่ออกมาเต็มหน้าหนังสือพิมพ์อีก

ที่ผ่านมามีการโฆษณาว่าระบบสัมปทานดีที่สุดในโลกแล้ว ผมถามว่าเอาใครมารับรองว่าระบบนี้ดีที่สุดในโลก เพราะผมมองว่าระบบนี้ “โง่ที่สุดในโลก” ครับ เนื่องจากระบบนี้ไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยเลย แต่มันรักษาผลประโยชน์ของคนที่มาลงทุนขุดเจาะน้ำมันมากกว่า ในขณะที่ระบบแบ่งปันผลผลิตจะให้ผลประโยชน์แก่ประเทศไทยและประชาชนมากกว่า

ช่วยขยายความให้คนที่ไม่เข้าใจฟังหน่อยว่าระบบแบ่งปันผลผลิตนี้มีข้อดีกว่าระบบสัมปทานอย่างไร
ต้องเข้าใจก่อนว่าทันทีที่ให้สัมปทานปิโตรเลียมไป กรรมสิทธิ์ในทรัพยากรปิโตรเลียมจะตกเป็นของบริษัทที่ได้สัมปทานไปทันทีเป็นเวลา 30- 40 ปี แล้วระหว่างที่ให้สัมปทานไป ข้อมูลเอกสารต่างๆ และหลักฐานต่างๆ เป็นของบริษัทที่ได้สัมปทานไป ดังนั้นเราจะไปยุ่งอะไรกับเขาไม่ได้ แม้กระทั่งคนไทยจะเข้าไปในบริเวณนั้นก็ไม่ได้ เรียกว่าถ้าเขาให้ข้อมูลหลอกๆ มา เราก็ต้องเชื่อเขา นี่คือระบบสัมปทาน ระบบนี้ประเทศจะได้ประโยชน์ต่อเมื่อเขาขุดขึ้นมา ฉะนั้นถ้าเขาเกิดได้สัมปทานแล้วไม่ขุดขึ้นมา เก็บไว้เฉยๆ ประเทศเราก็จะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย

นอกจากนั้นถ้าเป็นระบบสัมปทาน ปิโตรเลียมจะเป็นของบริษัทผู้ได้สัมปทาน ดังนั้นเขาจะขายให้ใครก็ได้ ไม่ขายให้ใครก็ได้ หรือจะขายถูก ขายแพงก็ได้ โดยรัฐได้เพียง 5- 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเป็นค่าสัมปทาน แล้วสมมติว่าบริษัทสัมปทานขายน้ำมันให้บริษัทลูกเขา ใน ราคาถูกๆ เพื่อให้เราได้ค่าสัมปทานต่ำๆ แล้วให้บริษัทลูกนำน้ำมันไปขายต่อแพงๆ เขาก็จะได้กำไรสูงขึ้น ถือเป็นเรื่องที่เขาสามารถทำได้เหมือนกัน

แต่ถ้าเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต กรรมสิทธิ์ของปิโตรเลียมจะเป็นของประเทศไทย สิ่งที่เขานำมาลงทุนทั้งหมด เช่น อุปกรณ์เครื่องจักรจะเป็นของรัฐบาลไทยทันที ซึ่งต่างจากระบบสัมปทานที่เราต้องรออีก 30 ปีถึงจะเป็นของเรา แต่ถ้าเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต มาลงทุนปั๊บ อุปกรณ์เครื่องจักรก็เป็นของเราทันที นอกจากนั้นความที่เป็นบ่อน้ำมันของเรา จึง สามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ได้ สามารถตรวจสอบท่อก๊าซได้ว่ามีเท่าไหร่ โดยการส่งคนเข้าไปอยู่ในท่อก๊าซได้ สามารถรู้ว่าก๊าซ น้ำมันมีเท่าไหร่ โนว์ฮาวเป็นอย่างไร แต่ ตอนนี้เราไม่สามารถเข้าไปได้เลย เพราะยังเป็นระบบสัมปทานอยู่

แล้วระบบแบ่งปันผลผลิตนี้ เราสามารถแบ่งได้ว่าประเทศจะได้กี่เปอร์เซ็นต์ บริษัทสัมปทานจะได้กี่เปอร์เซ็นต์ หากเราตกลงแบ่งว่าประเทศเราได้ 85 เปอร์เซ็นต์ เราจะนำปิโตรเลียมจำนวนนั้นไปขายให้ใครก็ได้ ขายราคาเท่าไหร่ก็ได้ เราสามารถเลือกได้ นอกจากนั้นข้อดีที่เราเป็นเจ้าของทรัพยากร จึงทำให้เราขายน้ำในราคาถูกให้แก่ประชาชนได้ ช่วยให้ค่าใช้จ่ายของคนไทยลดลง หรือเราจะเอาก๊าซไปขายถูกให้โรงปั่นไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ก็จะช่วยให้ราคาไฟฟ้าลดลงมาได้ แล้วลองคิดดูถ้าน้ำมันราคาลดลง ค่า ขนส่งก็จะต่ำ พอราคาน้ำมันต่ำ ต้นทุนส่งต่ำ เราก็สามารถผลิตสินค้าในราคาต้นทุนถูก ราคาขายจึงไม่สูงมาก สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ ระบบนี้จึงให้ผลประโยชน์แก่ประเทศมากกว่าเยอะ


แล้วถ้าประเทศได้เงินจากปิโตรเลียมมากขึ้นจากระบบสัมปทาน รัฐสามารถนำเงินที่ได้ไปเป็นรัฐสวัสดิการแก่ประชาชนเพิ่มขึ้น เช่น ช่วยการรักษาพยาบาล ไม่ใช่ว่าเป็น 30 บาทตายทุกโรค หรือ 30 บาทจ่ายแต่ยาพาราอย่างเดียว หรือแม้กระทั่งให้สวัสดิการการศึกษา ที่สามารถทำให้คนไทยเรียนฟรีได้หรือช่วยให้คนเก่งสามารถเรียนฟรีจนจบปริญญาเอกได้ นี่คือข้อดีของระบบแบ่งปันผลผลิตที่สามารถทำได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น