เพลงฉ่อยชาววัง

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ภูวดล” แฉเส้นทาง “สล้าง” สุดชั่วช้า


“ภูวดล” แฉเส้นทาง “สล้าง” สุดชั่วช้า เป็นจอมบงการสั่งล้อมปราบนักศึกษาในเหตุการณ์เดือนตุลาฯ ปูดซ้ำเกาะ “พ่อตา” ใช้อำนาจเบิกทางงาบ “แร่เถื่อน” ก่อนทำ “ยาเอดส์” หลอกลวง ปชช. หยันใช้เครื่องแบบเข่นฆ่า ปชช. ประกาศท้าชนหากแน่จริงต้องบุกทำเนียบฯ เตือน “นักเลงใหญ่” อย่าไล่ตี “สตรี-คนแก่” ที่ไร้ทางสู้
     
       วันนี้ (11 ต.ค. 2551) ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ซึ่งออกมาประกาศนำกำลังบุกพันธมิตรฯ ว่า พล.ต.อ.สล้าง คือชายแก่ผู้ไม่มีอนาคต ซึ่งมีอายุ 71 ปี ขณะนี้อยู่กับภรรยาคนที่ 3 ซึ่งเป็นเด็กในออฟฟิศของเขาเอง และพร้อมที่จะมีกิ๊กกับเด็กหนุ่มได้ตลอดเวลา
     
       ส่วนประวัติของ พล.ต.อ.สล้าง นั้น ศ.ดร.ภูวดล เปิดเผยว่า ตระกูลบุนนาคเป็นต้นตระกูลเก่าแก่มาจากเปอร์เซีย โดยในอดีตเป็นอิสลาม ซึ่งมีบทบาทอย่างชัดเจนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 เป็นต้นมา เมื่อประเทศไทยสามารถผนวกดินแดนต่างๆ ในหัวเมืองของประเทศมาเลเซียได้ โดยเจ้าพระยา หรือที่เราเรียกว่า สมุหกลาโหมทุกคน มาจากสกุลบุนนาค เนื่องจากสมุหกลาโหมกุมหัวเมืองชายฝั่งทะเล และกุมหัวเมืองภาคใต้ ซึ่งเป็นที่มาของทรัพย์สินของเวลท์ออฟเดอะเนชั่นของประเทศไทย จึงต้องให้ตระกูลนี้คุมตลอดมา
     
       “หัวเมืองมาเลย์ หรือภาคใต้ของประเทศไทยในอดีตนั้น เริ่มต้นจากเมืองกำเนิดนพคุณ หรือ อ.บางสะพานใหญ่ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อเนื่องไปจนถึงประเทศสิงคโปร์ นั่นคือดินแดนของประเทศไทย และประเทศราชของประเทศไทยบางส่วน ตระกูลบุนนาคจึงเติบโตขึ้นมา และมีบทบาทอย่างจริงจังเมื่อเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยะวงศ์ หรือช่วง บุนนาค ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ใน ขณะที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นครองราชย์ เมื่อพระองค์ทรงมีพระชนม์มายุแค่ 15 พรรษา” ศ.ดร.ภูวดล กล่าว
     
       ศ.ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นได้เกิดปัญหาขึ้นในราชอาณาจักรไทย เมื่อวังหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าพระยาวิชัยชาญ ซึ่งเป็นบุตรของพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว อยากขึ้นครองราชย์ โดยสรุปคือ ด้วยการช่วยเหลือของตระกูลบุนนาค จึงทำให้เจ้าชายน้อย บุตรของเจ้าแม่รำเพย หรือพระเทพศิรินทราวาท ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระเยาว์ โดยมี ช่วง บุนนาค เป็นผู้สำเร็จราชการแทนถึง 5 ปี ในระหว่างนั้น ตระกูลบุนนาค ยังมีน้องชายอีกคนหนึ่งคือ สมเด็จเจ้าพระยามหาพิชัยญาติ ซึ่งมีบทบาทมาก และมีความคิดกว้างไกล ซึ่งปัจจุบันที่ดินของท่านคือที่มาของวัดพิชัยญาติ ย่านฝั่งธนบุรี หลังจากนั้นรัชกาลที่ 5 จึงขึ้นครองราชย์ สรุปง่ายคือ ถึงที่สุดตระกูลบุนนาค ก็ยังคงรับสนองพระบรมราชวงศ์จักรีตลอดมา
     
       “ส่วนบุคคลสำคัญของตระกูลบุนนาค ที่สำคัญอีก 1 คน ก็คือ เจ้าคุณหนา บุนนาค ซึ่งเป็นสมุหเทศาภิบาลคนแรกของมณฑลปัตตานีเป็นต้น สรุปคือ ตระกูลบุนนาคเติบโตมา โดยมีทั้งสายรวย และสายจน โดยตระกูลบุนนาคสายรวย ส่วนใหญ่คือที่มาของถนนสายสุริยวงศ์ เพราะที่ดินแถบสุริยวงศ์ตั้งชื่อตามช่วง บุนนาค หรือเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ขณะที่เจ้าพระยาพิชัยญาติ นั้น ส่วนใหญ่ที่ดิน และวัดย่านฝั่งธนฯ ตระกูลนี้เป็นผู้บริจาค โดยในอดีตศูนย์กลางการค้าก่อนที่จะมีถนนเจริญกรุง ตลาดการค้า หรือสินค้าจากต่างประเทศ ใช้ตึกห้องแถวของสมเด็จเจ้าพระยามหาพิชัยญาติ”
     
       ศ.ดร.ภูวดล กล่าวต่อว่า สรุปง่ายๆ พล.ต.อ.สล้าง คือ ตระกูลบุนนาค สายยาจก ส่วนตระกูลบุนนาคสายรวย ก็คือนายมารุต บุนนาค พล.ต.อ.สล้าง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 14 ซึ่งเมื่อจบการศึกษา สอบได้ที่โหล่ของรุ่น ส่วนคนที่สอบได้ที่ 1 คือ พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัจน์ รองอธิบดีกรมตำรวจ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ฉะนั้น นักเรียนในรุ่นมอง พล.ต.อ.สล้าง ว่าโง่เขลา เบาปัญญา ส่วนที่ พล.ต.อ.สล้าง ได้ดี เพราะหลังจากรับราชการแล้ว ได้เมียซึ่งเป็นลูกสาวของบุญธรรม ชุมดวง ส.ส.สุโขทัย พรรคกิจสังคม ซึ่งเป็นผู้ช่วย และเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย ในสมัยที่พรรคกิจสังคมเป็นรัฐบาล โดยมีนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ เป็น รมว.มหาดไทย จากนั้น พล.ต.อ.สล้าง ใช้คอนเนคชั่นเหล่านี้เติบโตขึ้นมา โดยใช้เงินเมีย และใช้อิทธิพลพ่อตา เบิกทางทำมาหากิน และสร้างอำนาจตลอดมา
     
       “ที่รู้จักเพราะ พล.ต.อ.สล้าง เติบโตจากหาดใหญ่ ซึ่งเป็น สภ.อ.ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในสมัยนั้น พล.ต.อ.สล้าง มียศร้อยตำรวจเอก ซึ่งเป็นผู้กองที่หาดใหญ่ ให้ไปถามดูว่ากินจนจุกอย่างไร ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สล้าง ได้อาศัยคราบของตำรวจ หากินกับแร่เถื่อน ถัดจากนั้นมาเขาเติบโตในราชการ แต่บาปมหันต์เกิดตอนที่เขานำกำลังตำรวจบุกถล่มนิสิตนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีภาพซีดีเก็บอยู่ที่เนชั่นแนล ของรัฐนิวเซาท์เวล”
     
       ศ.ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า ถ้าไม่เชื่อ ลองไปถามนายทองใบ ทองเปาด์ ซึ่งตอนนั้นที่พานายสุธรรม แสงประทุม ไปขอบคุณพี่น้อง และนักศึกษาชาวไทย ที่ช่วยเหลือนิรโทษกรรม ถามว่าจำได้หรือไม่นายสุธรรม แล้ววันนี้ พล.ต.อ.สล้าง อ้างโน่น อ้างนี่ ทั้งๆ ที่เป็นคนบงการ และออกคำสั่งในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ แค่นั้นยังไม่พอ ยังขึ้นไปใช้ปืนตบหน้า ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ ซึ่งหนีตายมาจากประเทศอังกฤษ จนเส้นสมองแตกตั้งแต่วันนั้น ฉะนั้นขอให้นายใจ มาบุกพันธมิตรฯ พร้อมกับ พล.ต.อ.สล้าง ที่ตีบิดาของตัวเองในวันนั้น
     
       “ในที่สุดบาปชั่วช้าสามานย์ของ พล.ต.อ.สล้าง ก็กลับมาสนอง เพราะครอบครัวของมันเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยเมียตายคารถพร้อมกับคนขับ ส่วนลูกชายอยู่ในขั้นโคม่า ถัดจากนั้น 4 เดือน พล.ต.อ.สล้าง ก็พบรักใหม่ ภายใต้การแนะนำของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นสาวเจ้าของผลิตท่อไอเสีย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับวัดกิ่งแก้ว ทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ พล.ต.อ.สล้าง ยืมเงินนายสนธิ 60 ล้านบาท จนถึงวันนี้ยังไม่คืนเงินดังกล่าว”
     
       ศ.ดร.ภูวดล เปิดเผยต่อว่า ถัดจากนั้น ผู้หญิงคนดังกล่าวหลอก พล.ต.อ.สล้าง ไปสร้างบ้านราคา 15 ล้านบาท แต่แล้วพอ พล.ต.อ.สล้าง ปลดเกษียณในปี พ.ศ.2539 ผู้หญิงคนนั้นก็ถีบส่ง หลังจากนั้นก็มาเลียแผล โดยทำตัวเป็นนักบุญจนได้เด็กในออฟฟิศเป็นเมียคนที่ 3 แล้วก็ไปอยู่ที่บ้านเมียหลวงคนแรก นอกจากนี้ พล.ต.อ.สล้าง ยังหากินด้วยการทำยารักษาเอดส์หลอกประชาชน ซึ่งจนถึงขณะนี้ องค์การอาหารและยา หรือ อย.ก็ยังไม่รับรองยาดังกล่าว
     
       ศ.ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า วันนี้คิดดีแล้วหรือ พล.ต.อ.สล้าง เพราะไม่ควรไปหลงคารมถูกลูกน้องเก่าที่เป็น ดร.เฮงซวยจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เสี้ยมให้มาบุกพันธมิตรฯ ทั้งๆ ที่ลูกน้องของตัวเองมียศเพียงแค่ร้อยตำรวจเอก และจบการศึกษาจากโรงเรียนนายสิบทหารบก แล้ววันนี้คุณบ้าหรืออย่างไร ที่เอาคนยศร้อยตำรวจเอกมาเป็นนายของคุณ และที่คุณโม้ว่าจะเอากำลังมาบุกที่ทำเนียบฯ นั้น รู้หรือไม่ว่ามีพี่น้องตระกูลบุนนาค เขารอจะฆ่าคุณอยู่ที่ทำเนียบฯ ซึ่งเขาบอกเลยว่า ให้พี่สร้าง มาเจอกันได้ และขอให้มาให้จริง แล้วจะโดนยิ่งกว่าพลตำรวจตรีที่โดนตีหัวแตก ส่วนพลตำรวจเอก จะต้องตายคาเท้าประชาชนที่ทำเนียบฯ อย่างแน่นอน”ศ.ดร.ภูวดล ระบุ
     
       “คุณเป็นนักเลงที่ใช้วิธีการสกปรก โดยใช้เครื่องแบบตำรวจเข่นฆ่าประชาชน โดยเฉพาะพี้น้องชาวใต้นั้น ฆ่ามากี่ศพ แล้วจำคดีที่จังหลวง และคดีที่น้ำเค็มได้หรือไม่ คุณโชคดีที่ไม่ตายในสมัยที่ฟัดกับ พล.ต.อ.บุญชู วังกานนท์ เป็นใหญ่ ฉะนั้นอย่าคิดว่าคนไทย พ.ศ.นี้โง่เง่าเต่าตุ่น คุณต่างหากอายุ 71 ปีแล้ว อายุขนาดนี้แค่สะดุดตอบ้านก็ตายแล้ว แล้วจะมารบกับใคร และถ้าคุณเก่งจริง ผมจะเอาคนอายุ 71 ปีเท่ากับคุณ ไปตีกันตรงไหนก็ได้ มือต่อมือ ปืนต่อปืน ทั่วพระราชอาณาจักร อย่ามาใช้วิธีการหมาหมู่ ระดมพลคนเข้ามาเพื่อไล่ฆ่า ไล่ตีพี่น้องสตรี และพี่น้องสูงอายุที่ทำเนียบฯ ดังนั้นมันจึงเป็นนายพลที่เฮงซวยที่สุดในโลกนี้ ฉะนั้นพวกเราพันธมิตรฯ ต้องสู้ และเราจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน” ศ.ดร.ภูวดล กล่าวทิ้งท้าย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น