เพลงฉ่อยชาววัง

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

44 ปี แห่งความหลังของ "ไอ้ก้านยาว" ประพัฒน์ แซ่ฉั่ว ยุค 14 ตุลา 2516




นายประพัฒน์เกิดที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2495 เข้ามาเรียนที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เข้าร่วมกิจกรรมในขณะเป็นนักศึกษา และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ 14 ตุลาคมพ.ศ. 2516
ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ทำงานรับจ้างปลูกป่า บริษัทลำปางทำไม้ จำกัด เป็นลูกจ้างองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และเป็นเกษตรกรอยู่ที่จังหวัดลำปาง เริ่มต้นจากการนำต้นกล้าส้มพันธุ์โชกุลจากจังหวัดยะลามาปลูก ในพื้นที่จังหวัดลำปาง อำเภอแจ้ห่ม ตำบลแม่สุก ในชื่อของสวนส้มเพชรล้านนา แต่ต่อมาเจอภาวะภัยแล้งจนทำให้ต้องเลิกทำส้ม จนเปลี่ยนมาเป็นเกษตรผสมผสานที่มีทั้งปศุสัตว์ ผลไม้ และพืชผัก โดยได้ทำการเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์ คือไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมี และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ฟาร์มเกษตรอินทรย์เพชรล้านนา" เมื่อ พ.ศ. 2544 เข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนแรกระหว่างปี พ.ศ. 2545 - 2547 [8]
ช่วงวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 นายประพัฒน์ ได้ลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และสมาชิกพรรคไทยรักไทย[9] แล้วย้ายมาสังกัดพรรคชาติไทย[10]ในปี พ.ศ. 2551 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2551[11] ในระหว่างที่อยู่ในแวดวงการเมืองอยู่นั้น ฟาร์มที่จังหวัดลำปาง ก็ยังคงดำเนินกิจการอยู่ และเมื่อเว้นวรรคทางการเมืองได้กลับมาพัฒนางานด้านการเกษตรในพื้นที่และระดับชาติอย่างต่อเนือง จนได้รับความไว้วางใจได้รับเลือกจากเกษตรกรจังหวัดลำปาง ให้เป็น "ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง" และได้รับเลือกเป็น "ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ" ในเวลาต่อมา
หลัง รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เขาดำรงตำแหน่ง กรรมการในคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 105/2557 กรรมการอื่นในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม[12]กรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร[13]ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 8/2560 [14]กรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามพรบ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560
ใน วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560 เขาพ้นจากตำแหน่ง กรรมการอื่นในคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม[15]ใน วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560เขาพ้นจากตำแหน่ง กรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร[16]และได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 8/2560 [17]


วันพฤหัสบดี ที่ 8 ตุลาคม 2552
-----------------------------------------------------
เดือนตุลาคมของทุกปี  เป็นเดือนที่มีคุณค่า และความหมายทางประวัตศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เพื่อเป้าหมายปลายทางที่ "ประชาธิปไตย" คือ ประชาชน จะเป็นใหญ่โดยแท้จริง
ภาพเหตุการณ์ เมื่อ 14 ตุลา 2516  คนเดือนตุลาคนหนึ่ง คึอ สุจิต วงษ์เทศ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ เคยถามว่า...เจ้าหนุ่ม เจ้าสาวเอย  เจ้าเคยแล้วหรือยัง ?
เห็นแล้วขนลุกมั้ย ? คลื่นมหาประชาชนหลายแสนคน นำโดยพลังนิสิตนักศึกษาในยุคนั้น ต่อสู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ
นั่นคือ..การเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค 
นั่นคือ..การเรียกร้องประชาธิปไตย
เมื่อวันก่อน ผมได้มีโอกาสไปร่วมรำลึกนึกถึงวีรชนคนกล้า ในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 ที่บริเวณจุดประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลายยุคหลายสมัย  นั่นคือ..ถนนราชดำเนิน
ข้างบนนี้ คือ ภาพเหตุการณ์ ช่วงสาย ๆ ของวันที่ 14 ตุลาคม 2516  มี นศ.ม.เกษตรฯ ปี 3
อายุ 21 ปี ชื่อ นายประพัฒน์  แซ่ฉั่ว กำลังเดินมาร่วมชุมนุมกับเพื่อน ๆ นักศึกษา ข้างหลังคือโรงแรมรัตนโกสินทร์ (รร.รอแยล) ริม ถ.ราชดำเนิน เยื้อง ๆ สนามหลวง  สมัยนั้น รร.รอแยล เป็นเหมือนสถานพยาบาลชั่วคราว ในการปฐมพยาบาลคนบาดเจ็บ ก่อนจะนำส่ง รพ.
ภาพนี้ ทหารกำลังเดินหน้าเข้ามา เคลียพื้นที่  ในขณะที่ ประพัฒน์ ไม่ยอมให้เข้ามา เพราะเกรงว่า เพื่อน ๆ ที่อยู่ด้านใน และบรเวณนั้น จะได้รับอันตราย เลยไปหยิบเอาไม้กั้นต้นประดู่หน้า รร. มาเป็นอาวุธชั่วคราว สู้กับปืนเอ็ม 16 ของหาร
ปรพัฒน์ถือไม้ตั้งท่าจะตี และตะโกนว่า  อย่าเข้ามา ๆ ๆ ๆ
ก่อนจะถูกทหารยิงปืนใส่แบบหูดับตับไหม้ จนประพัฒน์สลบไป ไม่รู้ตัว
แต่เดชะบุญ เขาไม่ตาย แต่ก็บาดเจ็บ เพราะโดนยิงหลายแผลที่บริเวณขา
ต่อมา ภาพนี้ กลายเป็นภาพโด่งดังมากอีกภาพหนึ่ง ที่บอกเล่าเรื่องราวในวันที่ 14 ตุลา 2516  และเป็นที่มาของฉายา "ไอ้ก้านยาว" ของ ประพัฒน์ แซ่ฉั่ว หรือ ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ในเวลาต่อมา  ซึ่งภาพนี้ ถ่ายโดย แปลก เข็มพิลา
กาลเวลาผ่านมา-ผ่านไป 36 ปี เมื่อวันก่อน ผมนัดเจอกับ "ไอ้ก้านยาว" ยุค 14 ตุลา ตัวจริงเสียงจริงคนนี้ ที่จุดเดิม คือ บริเวณที่ประพัฒน์ เคยถือไม้หน้าสาม ต่อสู้กับทหารที่มีอาวุธหนักครบมือ ก่อนถูกยิงล้มลงไป อย่างที่ว่า
คุณประพัฒน์บอกผมว่า ที่จริงตัวแก ไม่ใช่คนสูงใหญ่ หครือก้านยาวแต่อย่างใด ตรงข้าม กลับออกมาทางท้วม ๆ ค่อนข้างเตี้ยด้วยซ้ำ  เพียงแต่มุมกล้องในวันเกิดเหตุ คุณแปลก ช่างภาพ แกนอนถ่าย เลยได้ภาพมุมเสย ทำใหดูเหมือนคุรประพัฒน์ตอนนั้น ตัวยาวใหญ่ เลยได้ฉายา "ไอ้ก้านยาว"
สถานที่ประวัติศาสตร์ จุดกำเนิดฉายา "ไอ้ก้านยาว" ในวันนี้  เต็มไปด้วยรถราควักไคว่ และควันพิษ  แต่ยังดีที่มีสีเขียว ๆ ของต้นไม้ที่ กทม.เอามาปลูกไว้ คานอำนาจมลพิษ 

เดินมาถึวบริเวณ 4 แยกคอกวัว  เมื่อก่อนเคยเป็นที่ทำงานของ พ.อ.ณรงค์ กิติขจร 1 ใน 3 ทรราช ที่ นศ.เรียกกันในยุคนั้น  ต่อมาก็ถูกเผาทิ้ง ปัจจุบัน เป็นอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา 2516
ประชาธปิไตยในวันนี้  แม้จะยังห่างไกลจากความคิดฝันของ นศ. ปละ ประชาชน ในยุค 14 ตุลา 16
แต่ก็ยังหวังว่า มันจะต้องดีขึ้นกว่านี้แน่ ๆ
1-2-3 แอ็คอาร์ต.....แชะ ๆ ๆ ๆ (ถ่ายรูปหน่อยจ้า แฮ่ะ ๆ)
-----------------จบข่าว

ขอบคุณที่มา
http://oknation.nationtv.tv/blog/krisana/2009/10/08/entry-1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น