เพลงฉ่อยชาววัง

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เรื่องจำนำข้าว วิพากษ์โดย สถิตย์ ไพเราะ

 ผมอ่านข่าวเรื่อง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กับพวกค้านรัฐบาลเรื่องจำนำข้าว แล้วเกิดคำถามว่า
               1. เมื่อเกิดเหตุวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ.2540 รัฐบาลในขณะนั้น ต้องนำเงินภาษีราษฎรไปอุ้มธนาคารและสถาบันการเงินเป็นเงินหลายแสนล้านบาท เมื่อนำทรัพย์สินที่ยึดมาจากธนาคารและสถาบันการเงินไปขายก็ขาดทุนหลายแสนล้านบาท
          ผมไม่เคยได้ยินหรือได้อ่านว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กับพวกได้ออกมาคัดค้านโจมตีเลย แม้แต่คำเดียวและรัฐบาลกับประเทศไทยก็ยังสามารถอยู่ในโลกนี้ได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่ได้ฉิบหายขายตัวแต่อย่างใด
         แล้วมิหนำเมื่อขุนศึกศักดินาถือปืนฉีกรัฐธรรมนูญทำลายระบอบประชาธิปไตย ทำลายรัฐบาลที่มาจากประชาชน ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกับพวกกลับไปรับใช้รัฐบาลกับขุนศึกศักดินาที่ปล้นอำนาจจากราษฎรไปอย่างหน้าตาเฉย
       ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กับพวกเป็นนักเศรษฐศาสตร์รู้บ้างหรือเปล่าว่าคณะปฏิวัติเมื่อพ.ศ.2549 เอาเงินภาษีราษฎรไปแจกให้พวกทหารที่ร่วมปฏิวัติไปกี่ร้อยกี่พันล้านบาท ถ้าไม่รู้ก็แล้วไป ถ้ารู้แล้วทำไมจึงไม่พูดถึงเลยอีกประการหนึ่งในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กับพวกรู้หรือเปล่าว่า การปฏิวัติครั้งนั้นทำลายเศรษฐกิจของชาติไทยไปกี่แสนล้านบาท
               2. จริงอยู่ที่รัฐบาลขาดทุน ซึ่งตัวเลขก็ยังโต้แย้งกันอยู่ว่าขาดทุนเท่าไรแน่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กับพวกรู้หรือเปล่าว่าแม้รัฐบาลจะขาดทุน แต่ใครได้กำไรคำตอบก็คือ ชาวนา
            ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พูดแต่เพียงว่า เพียงสองปีรัฐบาลขาดทุนสี่แสนสองหมื่นห้าพันล้านบาท ขณะที่ชาวนาได้รับประโยชน์ไม่ถึงครึ่งตัวเลขขาดทุน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พูดชัดเจนว่าเท่าไร แต่พอพูดถึงประโยชน์หรือกำไรที่ชาวนาได้ จะพูดกำกวมให้สับสนว่าไม่ถึงครึ่ง
             ข้อนี้ นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ชาวนากว่าหนึ่งล้านรายได้ประโยชน์และทำให้ราคาขายปลีกข้าวสารมีราคาถูก และยังเป็นการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมอีกด้วย
    ผมขอเสริมรายละเอียดว่า
                 1.นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกรัฐบาลได้ให้สัมภาษย์หนังสือพิมพ์มติชนเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 “การจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงช่วยเหลือผู้ประสบภัย จำหน่ายราคาตันละ หนึ่งบาท"  ข้อนี้ มรว. ปรีดียาธรและพวกโปรดใช้ความฉลาดของท่านมาคำนวณดูซิว่ารัฐบาลขาดทุนเท่าไร
                  2. ช่วยเหลือฟิลิปปินส์ 500 ตัน เป็นมูลค่า 9,644,473 บาท
                  3. ข้าวธงฟ้า จัดทำข้าวบรรจุถุงเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน 2.5 ล้านตัน มีการเบิกข้าวจากโกดังกลางไปทำข้าวสารบรรจุถุง 1.1 ล้านตัน ขนะนี้ดำเนินการไปจริง 590,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 5,589 ล้านบาท
                  4.จัดจำหน่ายข้าวให้กับองค์กรของรัฐ 7,000 ตัน ขนะนี้มีองค์กรมาขอรับมอบข้าวไปแล้ว 58,165 ล้านตัน
          นายสมศักดิ์ จาริภูติกร รองผู้จัดการธนาคาร ธ.ก.ส. กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น และนำเงินดังกล่าวมาซื้อสลากออมทรัพย์ทวีโชคเป็นเงินจำนวนมาก โดยมีสัดส่วนเงินฝากของเกษตรกรมากถึง 2.6 แสนบัญชี สัดส่วนสูงถึง 90% ของผู้ฝากเงินทวีโชค เพราะขณะนี้มียอดเงินฝากทวีสินจำนวน 6 ล้านบัญชี เงินฝาก 1.3 แสนล้านบาท นับว่าเพียงแค่สองปีในการรับจำนำข้าวมีเงินฝากเข้ามากกว่าแสนล้านบาท
จำนวนตัวเลขเหล่านี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ก็ไม่ทราบด็อกเตอร์แถวทีดีอาร์ไอ ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ก็ไม่ทราบ จึงไม่กล่าวถึงเลย
           นอกจากนั้น กำไรที่มองไม่เห็น และผมไม่สามารถคิดเป็นตัวเงินได้ เพราะผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ชั้นยอดเหมือน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กับพวกก็คือชาวนามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นำเงินที่ได้จากโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลไปยกระดับความเป็นอยู่ และระดับสติปัญญาให้สูงขึ้น เพื่อจะได้เข้าใจว่าระบอบประชาธิปไตยคืออะไร และรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย หรือมาจากประชาชนทำประโยชน์แก่มหาชนอย่างไร ท่านชาวนาเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านเผด็จการ และพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของไทยให้ยั่งยืนสืบไป
คนที่อยู่ตรงข้ามกับระบอบประชาธิปไตยคือ พวกขุนศึกศักดินา ขุนนางและอำมาตย์ทั้งหลายย่อมไม่ชอบใจที่ชาวนาจะมีความรู้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะจะทำให้พวกเขาเหล่านั้นหลอกลวงชาวนาได้ยากขึ้น
            3. นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลประสบความสำเร็จในการทำให้ราคาขายปลีกข้าวสารราคาถูก ผมขอบคุณนายนิพนธ์ที่พูดความจริง ใครขาดทุน ก็รัฐบาลซิครับ ใครได้กำไร  ก็คนในเมือง หรือกรรมกรโรงงานที่ซื้อข้าวสารรับประทานซิครับ
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และด็อกเตอร์แถวทีดีอาร์ไอ อาจจะไม่ได้ซื้อข้าวสารรับประทาน เพราะชนชั้นเขาสูงเกินกว่าจะบริโภคข้าว แต่คนในเมือง หรือกรรมกรส่วนใหญ่ซื้อข้าวสารรับประทาน รวมทั้งผมด้วย คนเหล่านี้จึงได้กำไร เพราะไม่ต้องซื้อข้าวสารแพงตามกลไกตลาด  คนในเมือง และกรรมกรโรงงาน รวมทั้งผมด้วย จึงควรคิดถึงบุญคุณรัฐบาลที่จัดให้มี               ผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์เหมือน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เหมือนนายนิพนธ์ เหมือนนายอัมมาร หรือ ดร.โกร่งผมจึงไม่อาจคำนวณเป็นจำนวนเงินได้ว่า รัฐบาลเอาข้าวสารมาขายถูก ขาดทุนไปเท่าไร เป็นเงินกี่แสนกี่ล้านบาท และคนในเมืองหรือกรรมกรกับผม ซื้อข้าวสารรับประทานในราคาถูก ทำให้ได้กำไร เพราะไม่ต้อซื้อข้าวสารแพงเป็นเงินเท่าไร
                นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลยังเป็นการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมอีกด้วย การกระตุ้นดังกล่าวมีผลดีคิดเป็นเงินจำนวนเท่าไร ผมก็ไม่ทราบ เพราะผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ จึงไม่อาจคำนวณให้ท่านผู้อ่านทราบได้  เป็นหน้าที่ของนักกฎหมายผู้มีใจเป็นกลาง ผู้มองเหรียญให้ครบ 3 ด้าน ด้านหัวด้านก้อยและด้านข้างเป็นผู้คำนวณและบอกข้อเท็จจริงแก่ประชาขน
            5. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวด้วยว่า ถ้ายกเลิกจำนำข้าวได้ผมจะเลิกเล่นการเมือง ผมไม่ทราบจริงๆ ว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นนักการเมืองหรือเล่นการเมือง ทราบแต่เพียงว่า เมื่อทหารถือปืนมาฉีกรัฐธรรมนูญ ล้มรัฐบาลของประชาชนสำเร็จ ม.ร.ว.ปรีดียาธร ก็ร่วมขบวนเป็นรัฐบาลกับเขาด้วยและผมไม่เคยได้ยินหรือได้ฟังจากที่ใดว่า ม.ร.ว.ปรีดียาธรเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่ผมคิดว่าคนเล่นการเมืองและจะเป็นนักการเมืองที่ดี สามารถทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ จะต้องเป็นคนใจกว้างมองเหรียญให้รอบด้าน คือด้านหัว ด้านก้อย และด้านข้าง คนที่มองเหรียญด้านเดียว พูดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น เป็นคนใจแคบ   คนใจแคบไม่มีทางเป็นนักการเมืองที่ดีได้ และไม่สามารถทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้
                นายอัมมาร กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวด้วยการให้ราคาสูง เป็นวิธีแก้ปัญหาการเมืองที่คิดง่ายๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือ เพราะในระยะยาวเกษตรกรจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนและถาวรหรือไม่ ไม่มีใครรู้ ผมก็ไม่รู้ เพราะคนฉลาดอย่างนายอัมมาร์ยังไม่รู้ แล้วคนโง่อย่างผมจะไปรู้ได้อย่างไร แต่ที่คนโง่อย่างผมรู้แน่ๆ ก็คือหากไม่มีโครงการรับจำนำข้าว ชาวนาตายแน่       ส่วนที่นายอัมมารบอกว่า เมื่อรัฐบาลเดินมาถึงจุดนี้ จะแก้ไขอย่างไร ผมจะไม่รับผิดชอบแก้ปัญหา บอกเลยว่า เองสร้างปัญหา เองก็ต้องแก้ต่อไป แน่นอนครับรัฐบาลเขาอาสาเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะชาวนา สิ่งที่ชาวนาต้องการให้แก้ ก็คือ ชาวนาขาดทุนมาหลายชาติแล้ว ขอให้รัฐบาลช่วยแก้ไข ซึ่งรัฐบาลนี้ก็แก้ไขให้แล้ว        แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างก็เป็นธรรมดาของโครงการใหญ่ๆ ชาวนาไม่เคยหวังให้คนใจแคบอย่างนายอัมมารมาแก้ไข
ผมอยากจะบอกนายอัมมารว่า ผมเองไม่ช่วยแก้ปัญหา ข้าก็มีปัญญาแก้ปัญหาของข้าได้ ประเทศไทยมีเองเก่งอยูเพียงคนเดียวเมื่อไร มีคนอย่างนายอัมมารชาวนาตาย มีคนอย่างท่านผู้หญิงปูชาวนารอด
           6. สุดท้ายก็คือ
                1. กำไรที่ชาวนาได้
                2. กำไรที่คนในเมืองและกรรมกรได้เพราะซื้อข้าวสารราคาถูก
               3.กำไรที่เกิดจากเอาเงินไปกระตุ้นเศรฐกิจมารวมกันแล้วไปหักออกจากเงินที่รัฐบาลขาดทุนสี่แสนสองหมื่นห้าพันล้านบาท ตามที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว รัฐบาลก็ขาดทุนไม่มาก หรืออาจได้กำไรเสียด้วยซ้ำไป
                 นักเศรษฐศาสตร์หรือผู้รู้ทั้งหลายโปรดช่วยกันคำนวณเงินดังกล่าว แล้วนำไปหักกลบลบหนี้                 เมื่อได้ตัวเลขออกมาแล้ว ก็พอจะรู้ ใครได้กำไรใครขาดทุนกันแน่                 ในส่วนตัวผมนั้น ผมขอสนับสนุนและเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายนี้ต่อไป                เพราะชาวนาเงยหน้าอ้าปากได้ก็เพราะนโยบายนี้                 เพราะทุกข์ของชาวนาก็คือทุกข์ของแผ่นดิน                 เพราะชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ
                 สำหรับเรื่องทุจริตก็เห็นพูดกันเสียจริง แต่ไม่เคยมีใครชี้ชัดลงไปว่า ใครเป็นผู้ทุจริต และได้ประโยชน์ จึงเป็นแต่เพียงวาทะกรรม ที่พูดขึ้นเพื่อทำลายนโยบายนี้และเพื่อให้ผู้พูดแลดูดีเท่านี้เอง
                 ผมขอยืนยันว่า ชาวนาได้ค่าจำนำข้าวครบทุกบาททุกสตางค์ ส่วนเรื่องขายข้าวขาดทุนเป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งจะต้องแก้ไขต่อไปด้วยตนเอง อย่าคิดไปพึ่งพวกนักวิชาการ อย่างนายอัมมาร์ เพราะเขาไม่ยอมใช้ความฉลาดช่วยคนโง่(เช่นรัฐบาล) นอกจากใช้ช่วยตัวเอง
                 อนึ่งมีนักวิชาการหลายคน วิพากย์วิจารณ์รัฐบาลว่า ใช้นโยบายประชานิยม ต่อไปไทยจะฉิบหายเหมือนอาเจนตินาร์ ฯลฯ ผมอยากจะถามว่า คำว่าประชานิยมหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าแจกฟรีหรือไม่ ถ้าใช่โครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท ของประชาธิปัตย์ที่แจกคนมีรายได้น้อย ยกเว้นชาวนานั้น ใช่ แต่โครงการรับจำน้ำข้าวไม่ใช่ เพราะชาวนาไม่ได้เงินจากรัฐบาล โดยไม่ได้อย่างของฟรีหรือแจกฟรี เพราะชาวนาต้องเอาข้าวมาจำนำหรือขายให้รัฐบาล ข้าวมาจากไหนก็มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของชาวนา ข้าวแตละเม็ดที่ชาวนาปลูก แล้วเอามาจำนำหรือขายให้รัฐบาลนั้นแลกด้วยหยาดเหงื่อและแรงงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทุกข์ยากแค้นแสนลำเค็ญ
                 นักวิชาการแถว ทีดีอาร์ไอ มรว.ปรีดียาธร รวมทั้ง ดร.โกร่งและนายอัมมาร์ ไม่ทราบหรอกครับ เพราะเขาไม่เคยทำนาแต่ผมทราบเพราะเมื่อตอนเป็นเด็ก ผมเคยช่วยพ่อทำนา ไถนา เกี่ยวข้าว นวดข้าว โดยใช้ควายไถ และช่วยพ่อเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย                              เปิบช้าวทุกคราวคำ                             จงสูจำเป็นอาจิณ                              เหงื่อกูที่สูกิน                            จึงก่อเกิดมาเป็นคน  สถิตย์ ไพเราะ


********************************************************************************************************************

ชาวนาไทยไม่โชคดี......

ผมอ่านข่าวเจลเนอรัลมอเตอร์สฟื้น คลังสหรัฐถอนตัวออก โดยขายหุ้นทั้งหมดของกระทรวงการคลัง ได้เงินคืน 39,000 ล้านดอลลาร์ จากที่ลงทุนไป 50,000 ล้านดอลลาร์ ขาดทุนไป 11,000 ล้านดอลล่าร์ ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมรถยนต์ของมหาวิทยาลัยมิชิแกนได้สำรวจพบด้วยว่าปฎิบัติการดังกล่าว ช่วยรักษาการจ้างานได้ถึง 1.2 ล้านตำแหน่ง ทำให้รัฐบาลสามารถประหยัดเงินงบประมาณด้านอื่นๆ เฉพาะช่วงปีแรกได้ถึง 39,400ล้านดอลล่าร์

ผมนึกถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยมีแต่คนคัดค้านว่ารัฐบาลขาดทุนเท่านั้น เท่านี้ ขอให้ยกเลิก

เมื่อมีคนร้องเรียน ป.ป.ช ก็รับลูก รีบดำเนินการโดยไว ทั้งๆที่โครงการอื่นเช่น โครงการสร้างโรงพัก ร้องเรียนกันมาตั้งนานแล้ว ก็ยังอืดเป็นเรือเกลือ

ก.ก.ต ก็โบกมือไม่ยอมช่วยเหลือโดยอ้างว่าช่วยไม่ได้ ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย

TDRI ก็ส่งดอกเตอร์ออกมาคัดค้าน โจมตีไม่เว้นแต่ละเดือน

คอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์หลักๆ ก็โหมโจมตีนโยบายดังกล่าว พูดแต่ผลเสียโดยไม่พูดถึงผลดีเล

ตรงกันข้ามกับเมื่อเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อ พ.ศ 2540 รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เอาเงินภาษีประชาชนไปช่วย

ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์หลายแสนล้านบาทและก็ขาดทุนหลายแสนล้าน ป.ป.ช. ได้แค่ปลาซิวตัวเดียว พวกฉลามหายเข้ากลีบเมฆไปหมด

TDRI ก็ไม่เคยโหมโจมตี

หนังสือพิมพ์ไมได้สนใจรายละเอียด ทำเป็นลืมกันหมด

ไม่เหมือนจำนำข้าวของรัฐบาล

ผมนั้นไม่ใช่นักเศรฐศาสตร์

ไม่ใช่นักการเมือง

ไม่ใช่นักหนังสือพิมพ์

และไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไดๆ

ผมเป็นแต่ลูกชาวนา

ผมรู้เห็นแต่เพียงว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ รัฐบาลช่วยอีกไม่กี่ปีชาวนาก็จะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ รัฐบาลไม่ต้องช่วยต่อไป เหมือนกับเจเนอรัลมอเตอร์สของอเมริกา

ชาวนาไทยคงไม่โชคตีเหมือนเหมือนเจนเนอรัลมอเตอร์สของอเมริกา เพราะรัฐบาลไทยที่มีนโยบายรับจำนำข้าวกำลังจะถูกทหาร นักการเมืองและชนชั้นสูงสหบาทาถล่มให้จมธรณี รัฐบาลอเมริกันขาดทุนไป 11,000 ล้านดอลลาร์ เท่ากับ 352,000 ล้านบาท ไม่มีใครถล่มเหมือนรัฐบาลไทยถูกโจมตีว่าทุจริต ชาวนาได้ประโยชน์ไม่ถึงครึ่ง

หากรัฐบาลนี่ล่ม นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลก็คงสลายไป

ชาวนาก็ต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินต่อไป

ผมภาวนาให้รัฐบาลนี้เป็นฝ่ายชนะ

ขอให้คนชั่วถูกปราบราบคาบสิ้น เพื่อนโยบายรับจำนำข้าวจะได้ดำเนินต่ออไป

การลงทุนของรัฐบาลในนโยบายจำนำข้าวเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะ

ทุกข์ของชาวนาเป็นทุกข์ของแผ่นดิน

อ.สถิตย์ ไพเราะ
05/02/2014


*****************************************************************************************
ที่ระลึก จาก อ.สถิตย์ ไพเราะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น