เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่โรงแรมดุสิตธานี ตัวแทน 7 องค์กรภาคเอกชน ประกอบด้วย
1.
สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
2.
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
3.
สมาคมธนาคารไทย
4.
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย
5.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
6.
สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย
7.
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
18 องค์กรเอกชน ได้แก่
·
1.องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น
·
2.สมัชชาปฏิรูป
·
3.ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย
·
4.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
·
5.มูลนิธิการส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย
·
6.สถาบันพระปกเกล้า
·
7.ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล
·
8.มวลมหาประชาคุย
·
9.สถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม
·
10.สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
(ทีดีอาร์ไอ)
·
11.ขบวนองค์กรชุมชนและภาคประชาสังคมเพื่อการปฏิรูป
·
12.มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค
·
13.มูลนิธิชีววิถี
·
14.โครงการนิติธรรมสิ่งแวดล้อม
·
15.สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
·
16.เครือข่ายจังหวัดจัดการตนเอง
·
17.สสส. และ
·
18. Center for Humanitarian
Dialogue
รวม 25 องค์กร
เพื่อสรุปแนวทางการปฏิรูปประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยหารือกว่า 3 ชั่วโมง
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะโฆษก 7 องค์กรภาคเอกชน กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เพื่อให้การปฏิรูปเกิดความชัดเจนขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา 7 องค์กรภาคเอกชนมีข้อเสนอปฏิรูปประเทศแล้ว แต่ปัจจุบันแนวทางดังกล่าวยังไม่เป็นรูปธรรม ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะโฆษก 7 องค์กรภาคเอกชน กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เพื่อให้การปฏิรูปเกิดความชัดเจนขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา 7 องค์กรภาคเอกชนมีข้อเสนอปฏิรูปประเทศแล้ว แต่ปัจจุบันแนวทางดังกล่าวยังไม่เป็นรูปธรรม ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
ที่ประชุมจึงมีข้อเสนอเบื้องต้นให้จัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย มีเงื่อนไขรองรับ
3 ส่วน คือ
·
มีกฎหมายรองรับคือ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)
เพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้ ออกโดยรัฐบาลรักษาการ
·
ต้องได้รับการยอมรับจากคู่ขัดแย้งและฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
โดย 7 องค์กรภาคเอกชนจะเร่งประสานกับทุกฝ่ายเพื่อขอความเห็นชอบก่อนวันที่ 13
มกราคม และ
· บุคคลที่จะเข้าร่วมที่ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนจริง
ทั้งนี้ เนื้อหาในการปฏิรูปจะแบ่งเป็น 8 ประเด็น โดย
ทั้งนี้ เนื้อหาในการปฏิรูปจะแบ่งเป็น 8 ประเด็น โดย
·
6 ประเด็นแรก มาจากขัอเสนอที่ 7 องค์กรภาคเอกชนเคยเสนอไว้ คือ
1.
การกำหนดกติกาการเข้าสู่อำนาจรัฐที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ร่วมกัน
เช่น ระบบการเลือกตั้งที่ปราศจากการซื้อเสียงและใช้อิทธิพลใดๆ
และความโปร่งใสของกระบวนการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ
2.
การตรวจสอบและถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐของผู้แทนประชาชน
องค์กรอิสระและสถาบันทางการเมืองต่างๆ เช่น เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
3.
ขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ภาคเอกชน
ตลอดจนในภาคส่วนต่างๆ ของสังคม
4.
โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่เอื้อต่อการสร้างความเป็นธรรมในการจัดสรรและเข้าถึงทรัพยากร
และลดความเหลื่อมล้ำโดยส่งเสริมการเพิ่มผลิตภาพของประชาชนให้พึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน
5.
โครงการที่จะมีผลกระทบต่อประชาชน ระบบเศรษฐกิจ
และวินัยการคลัง ควรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยถือผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก
และ
6.
กระบวนการยุติธรรมที่สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนว่าจะได้รับความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน
และอีกประเด็น คือ การปฏิรูปการศึกษา และการปฏิรูปด้านการจัดสรรทรัพยากร
นายวิชัยกล่าวว่า ในการตั้งองค์กรดังกล่าวจะมีตัวแทน 30-50 คน เป็นตัวแทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ 8 ประเด็น จากนั้นจะเปิดให้มีการเสนอแนวคิดเพื่อการปฏิรูป อาจแบ่งเป็น 100 วงเสวนา เพื่อให้เกิดการหารือ อาทิ วงการหารือเรื่องคอร์รัปชั่น อาจมีองค์กรที่เข้าร่วม คือ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นักการเมือง วงการหารือเรื่องปัญหาการโยกย้ายข้าราชการ อาจมีข้าราชการ นักการเมืองเข้าร่วม จากนั้นแต่ละกลุ่มจะนำข้อเสนอมาพิจารณา หากมีความเห็นต่างอาจใช้วิธีลงประชามติเพื่อสรุปแนวทางดำเนินการ
"ที่ประชุมอยากเห็นองค์กรดังกล่าวเกิดขึ้นโดยเร็ว สัปดาห์หน้ายิ่งดี เพื่อเดินหน้าปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรมจริง ส่วนการประสานกับคู่ขัดแย้งต่างๆ จากสัญญาณที่ผ่านมาพบว่าเห็นด้วย เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งนี้ การเสนอองค์กรภายใต้ พ.ร.ก.นั้น หากได้รัฐบาลใหม่ อาจผลักดันให้เป็น พ.ร.บ.เพื่อให้เป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป" นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า ในการตั้งองค์กรดังกล่าวจะมีตัวแทน 30-50 คน เป็นตัวแทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ 8 ประเด็น จากนั้นจะเปิดให้มีการเสนอแนวคิดเพื่อการปฏิรูป อาจแบ่งเป็น 100 วงเสวนา เพื่อให้เกิดการหารือ อาทิ วงการหารือเรื่องคอร์รัปชั่น อาจมีองค์กรที่เข้าร่วม คือ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นักการเมือง วงการหารือเรื่องปัญหาการโยกย้ายข้าราชการ อาจมีข้าราชการ นักการเมืองเข้าร่วม จากนั้นแต่ละกลุ่มจะนำข้อเสนอมาพิจารณา หากมีความเห็นต่างอาจใช้วิธีลงประชามติเพื่อสรุปแนวทางดำเนินการ
"ที่ประชุมอยากเห็นองค์กรดังกล่าวเกิดขึ้นโดยเร็ว สัปดาห์หน้ายิ่งดี เพื่อเดินหน้าปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรมจริง ส่วนการประสานกับคู่ขัดแย้งต่างๆ จากสัญญาณที่ผ่านมาพบว่าเห็นด้วย เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งนี้ การเสนอองค์กรภายใต้ พ.ร.ก.นั้น หากได้รัฐบาลใหม่ อาจผลักดันให้เป็น พ.ร.บ.เพื่อให้เป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป" นายวิชัยกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น