เพลงฉ่อยชาววัง

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ว่าด้วยการปิดบริการรถไฟฟ้าในช่วงการชุมนุม: มองความสัมพันธ์ นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา ผ่านรถไฟฟ้า

บีทีเอส



[ ว่าด้วยการปิดบริการรถไฟฟ้าในช่วงการชุมนุม: มองความสัมพันธ์ นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา ผ่านรถไฟฟ้า ]

บีทีเอสให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับคำสั่งจากรัฐบาลเผด็จการในการห้ามประชาชนเข้าสถานีรถไฟฟ้าหลายแห่งในช่วงวันเวลาที่มีการนัดหมายการชุมนุมของนักเรียน นักศึกษาและประชาชน

18 ตุลาคม ปิด 15 สถานี
17 ตุลาคม ปิดทุกสถานี
16 ตุลาคม ปิด 5 สถานี

การปิดบริการของบีทีเอสก่อให้เกิดภาระต่อประชาชนทั้งที่เดินทางไปชุมนุมและที่เดินทางสัญจรปกติ ประชาชนเดือดร้อน เสียทั้งเงินทั้งเวลาเพิ่มขึ้นในการเดินทาง

ทำไมบีทีเอสจึงเลือกที่จะให้ความร่วมมืออย่างว่านอนสอนง่าย?
เพราะผู้บริหารกลัวกฏหมาย?
หรือเพราะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ?





การเดินรถไฟฟ้าในกรุงเทพเป็นธุรกิจที่อาศัยสัมปทานจากรัฐ เดิมบีทีเอสมีสัญญาในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวกับกรุงเทพมหานครจากปี 2542-2572

ในปี 2555 ช่วงที่คุณสุขุมพันธ์ บริพัตรเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพ บีทีเอสได้รับการต่อสัญญาสายสีเขียวจากกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งควบรวมสัญญาเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1(อ่อนนุช-แบริ่ง และตากสิน-บางหว้า) ไปถึงปี 2585 โดยไม่มีการประมูลและก่อนสัญญาหลักจะหมดถึง 17 ปี

การต่อสัญญาดังกล่าวมีส่วนทำให้มูลค่าตลาดของบีทีเอสเพิ่มขึ้นจาก 44,607 ล้านบาท เป็น 104,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8 หมื่นล้านบาท หรือ 134% ภายในปีเดียว ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นเพียง 30.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน(เทียบ 31 มีนาคม 2555 กับ 31 มีนาคม 2556)

เจ้าของบีทีเอสมีความมั่งคั่งมากขึ้นเป็นหมื่นล้านบาทในชั่วข้ามคืน

ในเดือนเมษายน 2562 หลังการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 มีนาคม และก่อนการตั้งรัฐบาลในเดือนกรกฎาคม คสช. อาศัยช่วงสุญญากาศทางการเมืองใช้คำสั่งมาตรา 44 เพื่อแบ่งเค้กครั้งสุดท้าย พวกเขารู้ว่าถ้าประกาศก่อนเลือกตั้งจะเสียคะแนนเสียง และถ้าทำหลังจากมีรัฐบาลใหม่ เรื่องนี้ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร

ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาศัยอำนาจเด็ดขาดตามมาตรา 44 อนุญาตให้การประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่สอง(แบริ่ง – สมุทรปราการ และหมอชิต - คูคต) ไม่ต้องเข้ากระบวนการตามกฎหมายร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ประยุทธ์เพิ่งผลักดันให้ผ่านเองในวันที่ 10 มีนาคม 2562

เรียกได้ว่าผ่านกฎหมายเอง แต่เว้นวรรคการใช้กฎหมายนั้นกับการประมูลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า

นอกจากไม่ต้องเข้ากระบวนการตามกฎหมายปกติแล้ว คำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับนี้ยังสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งโดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน เพื่อพิจารณาค่าโดยสารและการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างรัฐกับเอกชนทั้งสายสีเขียวเดิม รวมถึงส่วนต่อขยายที่หนึ่งและสอง หากคณะกรรมการชุดนี้ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ให้ส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป


มีการพยายามล็อบบี้กันอย่างหนักเพื่อให้บีทีเอสได้สัมปทานสายเดิมและส่วนขยายทั้งหมดโดยขยายเวลาสัมปทานไปถึงปี 2602 โดยไม่ต้องประมูล(คุณยุทธพงษ์ จรัสเสถียรจากพรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายเรื่องนี้เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาในสภาแล้วอย่างละเอียด ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้)

เพราะไม่มีใครอยากเป็นผู้ตัดสินใจ คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามมาตรา 44 จึงเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีตัดสินใจเอง

คุณปรีดี ดาวฉาย รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้นเดือนสิงหาคม 63 ซึ่งเป็นเวลาที่เรื่องการให้สัมปทานทั้งสายกับบีทีเอสเข้าสู่การประชุม ครม. พอดี คุณปรีดีได้ขอเอกสารไปพิจารณาก่อนตัดสินใจ เนื่องจากเพิ่งเข้ามาใหม่ กลัวจะทำผิดกฏหมาย

คุณปรีดี ดาวฉาย ลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 2 กันยายน 2563 หลายฝ่ายคาดเดาว่าสาเหตุมาจากการที่เขาไม่ต้องการร่วมรับผิดชอบกับการต่อสัญญาให้บีทีเอสถึงปี 2602 โดยไม่ต้องประมูล

บีทีเอสกำลังรอการต่อสัมปทานที่สำคัญจากรัฐบาลประยุทธ์โดยไม่ต้องประมูลอยู่ ผลประโยชน์จนถึงปี 2602 อาจเป็นมูลค่าแสนล้าน เป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะยืนเคียงข้างประชาชนโดยการขัดคำสั่งรัฐบาล?

บีทีเอสยังมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มทุนอื่น

คุณชฎาทิพย์ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการไอคอนสยาม ร่วมกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด และเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวถึงคุณคีรี กาญจนพาสน์ ผู้บริหารสูงสุดของบีทีเอส ตอนหนึ่งว่า

“ขอบคุณคุณคีรี กาญจนพาสน์ ที่เสนอแนะให้สร้างรถไฟฟ้าสายทอง เพื่อทำเป็นระบบฟีดเดอร์ไลน์ เชื่อมรถไฟฟ้า 3 สาย คือ สายสีเขียว (บีทีเอส) สายสีแดง และสายสีม่วงใต้ในอนาคต ซึ่งได้ขอกู้แบงก์เพิ่มเพื่อลงทุนฟีดเดอร์ไลน์ โดยเราให้เงินทุนสนับสนุน กทม. ดำเนินการผ่านกรุงเทพธนาคม จริงๆ สายสีทองจะต้องสร้างเสร็จก่อนที่ไอคอนสยามจะเปิด ถึงจะใช้เวลานานแต่เราก็ภูมิใจ และอนาคตแนวเส้นทางจะไปถึงประชาธิปก เชื่อมกับสายสีม่วงใต้”

คุณคีรีเป็นผู้เสนอให้สยามพิวรรธ์ สมทบทุนสร้างสายสีทอง โดยแลกเปลี่ยนกับสัญญาสัมปทานโฆษณาบนรถไฟฟ้า บีทีเอสได้สัญญาการเดินรถไฟสายสีทองไป 30 ปีโดยไม่ต้องประมูล(พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจประยุทธ์ ในประเด็นสายสีทองเอื้อประโยชน์กับไอคอนสยามและหอชมเมืองในสภาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ท่านที่สนใจสามารถหาฟังเพิ่มเติมได้)


บีทีเอสไม่ได้มีแค่ธุรกิจรถไฟฟ้า แต่ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสื่อสารมวลชน

คุณคีรีเคยร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการพัฒนาโครงการ The Exchange Square โครงการที่คุณคีรีตั้งใจพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการเงินของประเทศไทย

ในธุรกิจสื่อ หลังจากการยึดอำนาจของ คสช. ในปี 2558 บริษัทลูกของบีทีเอสชื่อ บริษัท ยู ซิตี้ (มหาชน) จำกัด ได้เข้าไปถือหุ้นบริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป (มหาชน) จำกัด ในเวลาไล่เลี่ยกับช่วงที่บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัดเข้าซื้อหุ้นใหญ่ในบริษัทดังกล่าวด้วย

หลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น เราเห็นแนวโน้มมาตรฐานการรายงานข่าวที่เปลี่ยนไป และการเลือกข้างทางการเมืองของเครือเนชั่นอย่างเห็นได้ชัด

จนถึงปัจจุบัน ยู ซิตี้ เป็นผู้ถือหุ้นจำนวนมากที่สุดของเนชั่น

ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจกับการเมืองคือเรื่องเดียวกัน อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าของประเทศไทยแพงเป็นอันดับต้นๆของโลก

เพราะเราไม่สนใจการเมือง ค่าโดยสารรถไฟฟ้าจึงแพง

เพราะเราไม่สนใจการเมือง สัมปทานและสัญญาจัดซื้อจัดจ้างจึงถูกหยิบยกให้นายทุนโดยไม่มีการประมูล

เพราะเราไม่สนใจการเมือง เราจึงปล่อยให้เขาขูดรีดเรา

ติดตามตรวจสอบการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว อย่าให้เขาต่อสัมปทานให้กับบีทีเอสโดยไม่มีการประมูลหรือไม่มีการเสนอเงื่อนไขอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะได้อีก

พันมิตรระหว่าง นายทุน-ขุนศึก-ศักดินา เอาเปรียบประชาชนมามากพอแล้ว

ขอบคุณธนาธรที่ให้อาหารสมอง

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกแถลงการณ์กรณีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร ตามด้วยการเข้าสลายการชุมนุมของคณะราษฎร 2563 ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

--------------------------------------------------------------------------

#เบื้องลึกศึกรถไฟฟ้าสายสีเขียว

โดย คฑาวุธ คนเดิม

//// การเมืองฝุ่นตลบ “ป๊อก”ลักไก่เสนอครม.จะขยายสัมปทานรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวของ ”เจ้าสัวคีรี”นายทุนคสช.ไปอีก 30 ปีทั้งๆที่ยังมีสัมปทานปัจจุบันคาอยู่อีก 10 ปี แล้วยังเปิดทางโล่ง จะให้ตรึงราคาค่าโดยสารไม่เกิน 65 บาทต่อคนต่อเที่ยวตลอดอายุสัมปทาน ถ้าผ่านป๊อกก็จะได้รับส่วนแบ่งค่าโดยสารไปฟรีๆตลอดอายุสัมปทาน แดกเช็ดกว่า 2 แสนล้าน!!

แต่เจอก้างชิ้นโต ศักดิ์สยาม รมว.คมนาคมพรรคภูมิใจไทย ที่ถือหาง “ช.การช่าง” ออกมาขวางลำสุดลิ่ม บอกรอให้ครบอายุสัมปทาน10 ปีที่เหลือซะก่อนค่อยมาเปิดประมูลใหม่ตามพรบ.ร่วมทุนภาครัฐ-เอกชน แล้วยังถลกหนังว่าค่าโดยสาร65บาทต่อเที่ยวต่อคน ถือว่าแพงชิบผาย..

BTS สายสีน้ำเงินมีระยะทางยาวกว่า มีผู้โดยสารแค่วันละ 3แสนคน เก็บค่าโดยสารไม่เกิน 42บาทยังมีกำไร. สายสีเขียวระยะสั้นกว่า แต่มีผู้โดยสารถึงวันละ 8แสนคน แล้วเปิดบริการมากว่า 20 ปีได้ทุนคืนครบ แถมฟันกำไรเละเทะเหลือเฟือ ยังเบี้ยวหนี้ไม่จ่าย 8 พันล้านให้กทม.!! แต่เอาไปลงหุ้น“ศรีพันวา”ของไอ้ปลาวาฬ..ถูกเบรคจนใบ้แดกเสียหมาเถียงไม่ออก. ต้องถอนเรื่องออกจากครม. แต่ยังออกมาขู่แก้อายจะขึ้นค่าโดยสารจาก 65บาท เป็น158 บาท..

แย่งผลประโยชน์แบ่งกันไม่ลงตัว..สุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลก็กัดกันอีกคู่จนได้!!

โดย คฑาวุธ คนเดิม
//// การเมืองฝุ่นตลบ “ป๊อก”ลักไก่เสนอครม.จะขยายสัมปทานรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวของ ”เจ้าสัวคีรี”นายทุนคสช.ไปอีก 30 ปีทั้งๆที่ยังมีสัมปทานปัจจุบันคาอยู่อีก 10 ปี แล้วยังเปิดทางโล่ง จะให้ตรึงราคาค่าโดยสารไม่เกิน 65 บาทต่อคนต่อเที่ยวตลอดอายุสัมปทาน ถ้าผ่านป๊อกก็จะได้รับส่วนแบ่งค่าโดยสารไปฟรีๆตลอดอายุสัมปทาน แดกเช็ดกว่า 2 แสนล้าน!!
แต่เจอก้างชิ้นโต ศักดิ์สยาม รมว.คมนาคมพรรคภูมิใจไทย ที่ถือหาง “ช.การช่าง” ออกมาขวางลำสุดลิ่ม บอกรอให้ครบอายุสัมปทาน10 ปีที่เหลือซะก่อนค่อยมาเปิดประมูลใหม่ตามพรบ.ร่วมทุนภาครัฐ-เอกชน แล้วยังถลกหนังว่าค่าโดยสาร65บาทต่อเที่ยวต่อคน ถือว่าแพงชิบผาย..
BTS สายสีน้ำเงินมีระยะทางยาวกว่า มีผู้โดยสารแค่วันละ 3แสนคน เก็บค่าโดยสารไม่เกิน 42บาทยังมีกำไร. สายสีเขียวระยะสั้นกว่า แต่มีผู้โดยสารถึงวันละ 8แสนคน แล้วเปิดบริการมากว่า 20 ปีได้ทุนคืนครบ แถมฟันกำไรเละเทะเหลือเฟือ ยังเบี้ยวหนี้ไม่จ่าย 8 พันล้านให้กทม.!! แต่เอาไปลงหุ้น“ศรีพันวา”ของไอ้ปลาวาฬ..ถูกเบรคจนใบ้แดกเสียหมาเถียงไม่ออก. ต้องถอนเรื่องออกจากครม. แต่ยังออกมาขู่แก้อายจะขึ้นค่าโดยสารจาก 65บาท เป็น158 บาท..
แย่งผลประโยชน์แบ่งกันไม่ลงตัว..สุดท้ายพรรคร่วมรัฐบาลก็กัดกันอีกคู่จนได้!!
180
ความคิดเห็น 19 รายการ
แชร์ 55 ครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น