ดังนี้
กองทัพไทย เมื่อยึดอำนาจมาได้ด้วยรัฐประหารในที่สุดก็จำต้องยอม จัดการเลือกตั้ง ให้ดูเป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีผลอย่างไร ต่อพลเอกประยุทธ์ หากศึกษาจากประวัติศาสตร์ ของรุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นพี่ จปร. แล้ว เราจะพบว่า พรรคการเมือง ฝ่ายกองทัพไทย จะชนะการเลือกตั้ง และได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก แต่ก็จะประสบปัญหาและพ่ายแพ้ทางการเมือง เช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการเลือกตั้ง 2500 แม้จะจะชนะ แต่ผลของการเลือกตั้ง “สกปรก” ทำให้ถูก จอมพลสฤษดิ์ รัฐประหาร ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ
จอมพล ถนอม กิตติขจร ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2512 พรรคสหประชาไทย ชนะ ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก แต่บริหารไม่ได้ ต้องทำรัฐประหารตัวเอง แล้วถูกนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนขับไล่ เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516
ส่วนในยุคพลเอกสุจินดา คราประยูร พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ทำรัฐประหาร 2534 แล้วให้มีเลือกตั้ง 2535 พรรคฝ่ายกองทัพ ก็ชนะเลือกตั้ง พลเอกสุจินดา ได้กลับมาเป็นนายกฯ แต่ก็ถูกขับไล่เพราะเป็นนายกฯคนนอก เกิดเหตุการณ์ พฤษภาเลือด
สรุป การรัฐประหาร แล้วจัดการเลือกตั้ง กลายเป็นประวัติศาสตร์ของความล้มเหลว ในการรักษาอำนาจกองทัพ นายทหาร ที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ คือ ผู้ที่ไม่เล่นเกมเลือกตั้ง ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ จะซ้ำรอย ประวัติศาสตร์ช่วงใดหรือไม่เราคงได้เห็นในอีกไม่ช้า ไม่นานนี้
โดยส่วนตัว ในฐานะอาจารย์ผู้สอนประวัติศาสตร์การเมืองไทย คิดว่า การเลือกตั้ง 2562 นี้ จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่มากขึ้นหรือไม่ก็ไปสู่ความเป็นคณาธิปไตยต่อไปอีกนานแสนนาน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า การเมืองคณาธิปไตย ของกองทัพมาถึงซึ่งหัวเลี้ยวหัวต่อ สำคัญที่สุดนับแต่ 2475 และ 2490 เป็นต้นมา
และบางทีปาฏิหารย์ ก็อาจจะบังเกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ 24 มีนา 2562 บัตรเลือกตั้ง อาจจะดังกว่า เสียงปืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น