เพลงฉ่อยชาววัง

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วิถีโจรของพลังประชารัฐ

 เขียนไว้เมื่อปี 2565 มาเป็นจริงในปี  2567


วิถีโจรของพลังประชารัฐ ที่เริ่มต้นด้วยการแบลคเมล์นักการเมือง 
ก็จะถูกย้อนศรกลับด้วยการแบลคเมล์ เช่นกัน

วิถีโจรของพลังประชารัฐ กรณีศึกษาธรรมนัส  พรหมเผ่า

ธรรมนัส พรหมเผ่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข "พรรคทักษิณ"  ตั้งแต่ ไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงเพื่อไทย 

หลังรัฐประหาร  2557  ธรรมนัสจึงถูกจับตา  ถูกคุมตัว  พร้อมกับอายัดบัญชีการเงินทั้งหมด   เพราะจะเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร  จึงเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยเฉพาะขุมทรัพย์ที่กองสลาก

หลังจากนั้นเมื่อคณะรัฐประหารตั้งพรรคพลังประชารัฐ  ดีลโปรย้ายค่าย จึงเกิดขึ้น  

คดีความต่าง ๆ ของธรรมนัส ถูกปลดออกไป เมื่อเข้ามาสู่ชายคาพรรคพลังประชารัฐ

หรือพูดง่าย ๆ นี่คือวิถีโจรของพลังประชารัฐ   คือการแบลคเมล์  บรรดานักการเมืองโดยเฉพาะจากค่ายเพื่อไทยที่มีคดีต่าง ๆ ให้ย้ายมาร่วมค่าย 

 ถ้าคดีไม่หลุด  ก็จะถูกดองยาวแบบไม่มีกำหนด  

แน่นอนว่านี่คือบารมีของประวิตร วงษ์สุวรรณที่คุมบรรดาองค์กรอิสระอยู่หมัด เพราะตั้งมากับมือ 

การเลือกตั้ง  2562  ผลงานที่เริ่มปรากฎชัดคือการกวาดเอา ส.ส.ในภาคเหนือจำนวนไม่น้อยมาสู่ซ่องโจรแห่งนี้   ทำให้ธรรมนัสได้เก้าอี้ รัฐมนตรีมาเชยชม

แต่ก่อนจะตั้งรัฐบาลได้ การเอาพรรคเล็กจากการคำนวณส.ส.แบบพิศดาร  กว่า  10 พรรคมาหนุนประยุทธ์นั้นก็เป็นฝีมือธรรมนัส ในการแจกกล้วย ตั้งแต่ตั้งพรรคมาจนถึงโหวตประยุทธ์ 

นี่คือเหตุผลสำคัญที่ธรรมนัสกล้าบอกว่าตัวเองคือเส้นเลือดใหญ่ของรัฐบาลประยุทธ์

บารมีของธรรมนัสสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อบัญชาการในการเลือกตั้งซ่อม ไม่ว่าจะเป็น ลำปาง ขอนแก่น สมุทรปราการ นครศรีธรรมราช  ชนะทั้งหมดเพราะใช้วิธีแบบถึงลูกถึงคน 

แต่การเป็นเส้นเลือดใหญ่ต้องดูแล ส.ส.  กลับได้เป็นแค่ รมช.เกษตรดูจะไม่สมเกียรติกับ  เลขาธิการพรรค ที่ธรรมนัสไปแย่งมาจากกลุ่มสามมิตร 

 เก้าอี้ที่หมายปองคือ มท.1 ที่อนุพงษ์ เผ่าจินดา  ครอบครองมายาวนานตั้งแต่รัฐประหาร  2557  

การอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนกันนยายน  2564 คือการแสดงพลังของธรรมนัสในการที่จะต่อรองเก้าอี้  มท.  1   (เป็นอย่างน้อย) ด้วยการแบลคเมล์  คนอย่างประยุทธ  ในการเล่นเกมซ่อนแต้ม  แต่ "ฟ้ายังคุ้มครอง" คนอย่างประยุทธ์ทำให้รอดออกมาได้จากการอภิปรายไม่ได้วางใจ  แต่ได้คะแนนไว้วางใจรองบ๊วย

หลังจากนั้นการไล่บี้ธรรมนัส ก็มีมาตลอดจากประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นการปลดจากครม.  หรือพยายามลดบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ

แต่คนอย่างธรรมนัส  ถ้าไม่แน่จริงไม่มาถึงขั้นนี้ได้  เพราะประวิตร ยังต้องใช้งานธรรมนัสอยู่

จุดที่ประยุทธ์ ชี้ขาดว่าไม่ต้องการคนอย่างธรรมนัสแล้วคือผลการเลือกตั้งซ่อมที่ สงขลา และชุมพรที่แพ้เจ้าของที่เดิมแต่ถ้าใครดูคะแนนดี ๆ ผลงานของธรรมนัสไม่ได้ด้อยกว่าเดิม 

คะแนนของสงขลา  จากเดิม 19,217  เพิ่มเป็น 40,531  เพิ่งขึ้น 21,214 มากกว่า 100 %  ด้วยซ้ำ

ขณะที่ชุมพร  ที่เคยได้ 32,219 ก็ได้เพิ่มมาอีก 10 คะแนน นี่ก็เพียงพอที่คนอย่างธรรมนัสจะบอกว่าฝีมือยังไม่ตก

แต่ก็ยังมีการแทงข้างหลังจากสุชาติ ชมกลิ่ม  ซึ่งอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่คนอย่างธรรนัสก็ต้องแบลคเมล์กลับด้วยการ ขับตัวเองและพวกออกจากพรรคพลังประชารัฐ 

แต่ยังแสดงเจตจำนงเข้าร่วมรัฐบาลประยุทธ์ต่อถ้าเป็นการเมืองก็เป็นการแบลคเมล์ 2 เด้ง  นี่เป็นการแก้แค้นที่เจ็บปวด แต่ก็เป็นเพียงบทเริ่มต้น 

วิถีโจรของพลังประชารัฐ ที่เริ่มต้นด้วยการแบลเมล์นักการเมือง  ก็จะถูกย้อนศรกลับด้วยการแบลคเมล์ เช่นกัน

สรุป

ธรรมนัส. พรหมเผ่า สารัชถ์ รัตนาวะดี
เป็นคนของทักษิณ. ชินวัตร มาตั้งแต่ต้น

แต่ด้วยเหตุการณ์รัฐประหาร 2557 ทั้งหมดเลยเอาตัวรอด ทางการเมือง และผลประโยชน์ทางธุรกิจ ไปอยู่กับฝ่ายรัฐประหาร และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้ง 2562 มาด้วยกัน

ซึ่งทั้งหมดก็ถือว่าเป็นการแบล็คเมล์ทางการเมือง จากคณะรัฐประหารพร้อมๆกับ การสมประโยชน์ของทั้งคู่

ธรรมนัสสมประโยชน์ทางการเมือง ได้เป็นถึงรัฐมนตรีครั้งแรกก็ในรัฐบาล พลังประชารัฐ

ส่วน สารัชถ์ ก็สมประโยชน์ ในทางธุรกิจ ดูได้ จากสัมปทาน ต่าง ๆ และความมั่งคั่งส่วนตัว

แต่เมื่อมาถึงจุดเปลี่ยน. คนเหล่านี้ก็พร้อมที่จะกลับมา อยู่กับทักษิณ ชินวัตรและพร้อมกับถีบหัวส่งคณะรัฐประหาร 

ไม่ใช่เพราะรังเกียจการรัฐประหาร อะไรหรอก

แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ

CR: 
Thanapol Eawsakul


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น