เพลงฉ่อยชาววัง

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

นโยบายหาเสียงของ "พรรคเพื่อไทย" คือการ "รับจำนำข้าว"

นโยบายหาเสียงของ "พรรคเพื่อไทย" ที่ได้ทำ "สัญญาประชาคม" ไว้กับ "กระดูกสันหลังของชาติ" คือการ "รับจำนำข้าว" ค่ะ
การดำเนินการจำนำข้าวในช่วงแรก เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ "ชาวนาไทย ได้ลืมตาอ้าปาก" มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับชาวนาชาติอื่นๆ รัฐบาลเพื่อไทย ได้กำหนดราคารับจำนำข้าวไว้ที่ "เกวียนละ15,000บาท"ขาดตัวค่ะ
พรรคประชาธิปัตย์ พยายามจะโจมตีรัฐบาลว่าจำนำข้าวขาดทุน 2แสน6หมื่นล้าน รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่า มันไม่มากขนาดนั้น ปีหนึ่งน่าจะอยู่ที่6หมื่นกว่าๆ หรือถ้าคิดแบบขายข้าวที่มีอยู่ได้ราคาต่ำสุดๆก็ประมาณแสนกว่าๆ
พี่น้องประชาชนเมื่อได้ฟังทั้ง2ฝ่ายเถียงกัน ว่าขาดทุนมาก หรือขาดทุนน้อย ยังไงก็เป็นผลเสียต่อรัฐบาลค่ะ เพราะประชาชนจะเข้าใจว่ารัฐบาลบริหารไม่ดี ทำให้โครงการขาดทุนไม่มากก็น้อย ซึ่งจริงๆแล้วการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ไม่หวังผลกำไร รัฐจะต้องชดเชยส่วนต่างของราคาให้กับชาวนาในกรณีที่ราคาข้าวในตลาดโลก ไม่ถึงหมื่นห้า ซึ่งยังไงๆก็ไม่ถึงอยู่แล้วค่ะ

เรื่องกำไรไม่ต้องพูดถึงค่ะ ต่อให้ราคาข้าวในตลาดโลกราคาเกินหมื่นห้าขึ้นไป สมมุติอยู่ที่ 18,000-20,000 โครงการก็ไม่กำไรอยู่ดีแหละค่ะ เพราะว่าในเมื่อชาวบ้านจำนำไว้หมื่นห้า ถ้าราคาข้าวขึ้นเป็น2หมื่น กำไรก็ตกเป็นของชาวนาไม่ใช่รัฐบาลอยู่ดี เพราะชาวนาก็จะมาไถ่ข้าวไปขายเองเพราะได้กำไรมากกว่า
เพื่อความโปร่งใส และหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด รัฐบาลควรจะประกาศไปเลยว่า ราคาข้าวในตลาดโลกเท่าไหร่ ราคาที่จะรัฐจะรับจำนำในปีนี้จะเป็นเท่าไหร่ ปริมาณผลผลิตข้าวที่เข้าโครงการเท่าไหร่ ใน1ตันจะขาดทุน3พัน5พันก็ว่ากันไป หักกลบลบหนี้เรียบร้อย ต้องนำเงินภาษีอากรไปชดเชยกี่หมื่นกี่แสนล้านก็บอกไป พี่น้องประชาชนจะคิดเองว่า เห็นด้วยหรือไม่ในนโยบายจำนำข้าว ไม่ใช่ทำงานคิดนโยบายมาแทบตาย แต่กลับปล่อยให้พรรคฯอื่นมาตีกินคะแนนไปแบบนี้

พี่น้องไทยไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำค่ะ กินข้าวเป็นอาหารหลักมาทั้งชีวิต ตั้งแต่เด็กจนโตมีงานทำ จะนำเงินภาษีไปตอบแทนบุญคุญพี่น้องชาวนา ที่ยังยากจนอยู่ให้ลืมตาอ้าปากได้บ้างจะเป็นไรไป บางคนที่เสียดายเงินภาษีไม่อยากให้นำไปช่วยชาวนา ในการเลือกตั้งคราวหน้าเขาก็ไม่เลือกเพื่อไทย ใครที่คิดว่าควรเป็นการตอบแทนชาวนาบ้าง แบบนี้เป็นการสมควรแล้ว เขาก็เลือกเพื่อไทย
คิดง่ายๆก็คล้ายๆกับ โครงการ30บาทรักษาทุกโรคนั่นแหละค่ะ ทำมาตั้งแต่ปี2545 เริ่มต้นปีละ4หมื่นกว่าล้าน ตอนนี้ปีละ 7-8หมื่นล้าน ทำมา10กว่าปี ใช้งบไปร่วม5-6แสนล้าน คิดแบบพรรคประชาธิปัตย์คงเรียกว่าขาดทุนครึ่งล้านๆ แต่คุณพ่อเราสอนให้คิดเสียว่า เป็นการให้โอกาสคนยากคนจน ในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ในเรื่องของการรักษาพยาบาลอย่างทัดเทียมกันค่ะ (คือไม่ใช่เป็นโรคเดียวกัน คนมีเงินอยู่รอดได้ แต่คนยากจนต้องตาย เพราะไม่มีค่ารักษาพยาบาล)

ความจริงเรื่องขาดทุนนะมีค่ะ งบที่ขาดทุนแน่ๆ แต่ประชาธิปัตย์ไม่เคยพูดถึงเลย คืองบจัดซื้อรถดับเพลิงค่ะ รถดับเพลิงที่ผู้ว่าฯกทม.ของพรรค ปชป. เปิดLCทำให้สัญญามีผลผูกพันตามกฎหมาย ศาลกำลังจะตัดสิน เอาตัวคนผิดมาติดคุก ในเดือนสิงหาคมนี้ งานนั้นเสียเงินภาษีของราษฎรไป 6พันกว่าล้าน ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว ขาดทุนแน่ๆ100%ถึงหกพันกว่าล้านค่ะ

กับอีกงบที่เรียกได้ว่าเป็นการขาดทุนแบบ "ขี้ข้าฝรั่งแกล้งโง่" คืองบ.ปรส.ค่ะ ของมูลค่า6-7แสนล้าน บังคับขายแสนกว่าล้าน แถมคนไทยด้วยกันเองห้ามซื้ออีกต่างหาก ฝรั่งซื้อไปถูกๆ นำไปปัดฝุ่นนิดหน่อย เอากลับมาขายคนไทยราคาสูงกว่าทุน200% แบบนี้สิค่ะ ขาดทุนแบบไร้คุณธรรมที่สุด

ประเด็นที่เราควรพิจารณาไม่ใช่กำไรขาดทุน จำไว้ค่ะพรรคประชาธิปัตย์ เราควรต้องดูว่าชาวนาได้ประโยชน์หรือไม่, เงินตกถึงมือชาวนามากกว่าเดิมหรือไม่ อุดการรั่วไหลไปยังผู้แสวงประโยชน์ได้ดีพอหรือเปล่า เงินที่ถึงมือชาวนาหมุนไปกี่รอบ กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีหรือไม่ ผลรวมเป็นอย่างไร
ถ้ายังคิดที่จะบริหารประเทศแบบนักบัญชี ที่ดูบัญชีเป็นหน้าเดียว ไม่เข้าใจคำว่า"เศรษฐกิจ" และ"โอกาส" ที่เป็นความต้องการพื้นฐานของชีวิต ที่รัฐควรมีให้พี่น้องคนยากคนจน ผลเลือกตั้งกี่ครั้ง ก็ออกมา"แพ้ซ้ำซาก" แบบที่เราเห็นมาในรอบสิบๆปีแบบนี้แหละค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น