เพลงฉ่อยชาววัง

วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

นายกเศรษฐาไปเจรจากับภาคเอกชนที่นิวยอร์คมานั้น ทำให้ภาคเอกชนขยับตัว และกดดันไปสู่รัฐบาล

 


วันนี้ นั่งคุยกับ professor คนอเมริกัน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับไทย หลังจากที่เขาเห็นภาพข่าวของตำแหน่งแห่งที่นายกไทยในเวที APEC แล้ว เขาฟันธงว่าเป็นความจงใจ สหรัฐตั้งใจแสดงออกให้เห็นถึงความสำคัญของประเทศไทย เขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่จะมายืนถ่ายรูปติดกัน แล้วให้มานั่งติดกันในกาลาดินเนอร์อีก  ดูจากรูปต่างๆแล้วโจไบเดนตั้งใจแสดงออกชัดเจน ช่วงที่เดินมาเข้าแถวถ่ายรูปไบเดนจับมือทักทายทุกคน แต่พอมาถึงนายกไทย เขากุมด้วยสองมือให้เห็นว่าแน่นแฟ้นกว่าคนอื่น พอขึ้นเวทีเขาก็จับแขนแสดงความสนิทสนมอีก วันนี้นายกก็เพิ่งเล่าว่าช่วงประชุมประธานาธิบดีไบเดนมาโอบไหล่ แล้วคุยเรื่องรัสเซีย ในช่วงดินเนอร์ไม่ได้แค่นั่งติดกันเท่านั้น ยังคุยกันเกือบตลอดเวลา

อาจารย์คนนี้แกอยากเห็นสหรัฐถอยห่างจากจีนมานานแล้ว มาถึงตอนนี้บริษัทต่างๆค่อยๆย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปที่อื่น ได้แก่เวียตนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย เนื่องจากจีนมีปัญหาด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญของบริษัทต่างๆ เขาไม่ได้สนใจย้ายมาไทยเพราะที่ผ่านมาไทยมีความไม่มั่นคงทางการเมือง และมีผู้นำที่มาจากทหาร ไม่ดึงดูดนักลงทุน ตามที่เราก็ทราบๆกัน

ตัวเขาเองสนับสนุนเมืองไทย ด้วยเหตุผลเดียวกับที่นายกไทยโฆษณาเลย คือเมืองไทยน่าอยู่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และความสัมพันธ์ทางการทูตที่มีมายาวนานกับไทย ช่วยให้บรรยากาศการลงทุนราบรื่นสวยงามกว่าที่อื่น เขายังบอกว่าคนไทยรสนิยมดี เขาเชื่อว่าเรื่องซอฟท์พาวเวอร์จะไม่เสร่อแน่นอน เขามั่นใจ (อันนี้ผมบอกเขาว่าไม่แน่ใจนะ)

ทางผมก็แลกเปลี่ยนไป ว่านักการทูตในประเทศไทย ที่มาจากฝั่งค่ายตะวันตก ยังไม่ค่อยชื่นมื่นกับนายกเศรษฐาเท่าไร เข้าใจว่าเขายังไม่ตระหนักถึงศักยภาพของรัฐบาลนี้ เพราะที่ผ่านมา นักการทูตสหรัฐ ออสเตรเลีย อียู และประเทศในยุโรป ให้ความสนใจกับขบวนการประชาธิปไตย สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและลึกๆไม่นิยมรัฐบาลทหาร (แน่นอน) เมื่อพรรคก้าวไกลได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง คุณพิธาผู้มีวาทศิลป์ในการโน้มน้าว และใช้สำนวนภาษาของโลกเสรี ทั้งไทยและอังกฤษ ทำให้เขา attractive มาก นักการทูตลงทุนในการสร้างมิตรไมตรีกับเขามาก เพราะมองว่านี่เป็นอนาคตของการเมืองไทย นี่ยังไม่นับนักวิชาการและสื่อมวลชนที่พูดคุยให้ความเห็นกับนักการทูต พวกเขาย่อมจับตามองพรรคก้าวไกลมากกว่าคุณลุงจากพรรคเพื่อไทยคนนี้

เมื่อเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แถมเป็นรัฐบาลที่จับมือกับพรรคการเมืองที่เคยร่วมกับพลเอกประยุทธมาก่อน ทำให้นักการทูตปรับตัวไม่ทัน และยังหลงอยู่ในภาพพจน์ตามที่ปัญญาชนไทยเข้าใจคือรัฐบาลส่วนต่อขยายจากเผด็จการ ไม่ได้เห็นศักยภาพของการพัฒนาประชาธิปไตย หรือการพัฒนาการค้าการลงทุนจากรัฐบาลนี้เท่าที่ควร

อาจารย์คนนี้บอกว่า ยูไม่ต้องกังวลไปนโยบายต่างประเทศสหรัฐมันไม่ท้อปดาวน์ มันมาจากภาคเอกชน แกเชื่อว่าที่นายกเศรษฐาไปเจรจากับภาคเอกชนที่นิวยอร์คมานั้น ทำให้ภาคเอกชนขยับตัว และกดดันไปสู่รัฐบาล แกเลยประเมินว่าภาคเอกชนสหรัฐจับตาประเทศไทยแน่นอน จึงทำให้ปธน.ไบเดน เข้ามาฉายสปอตไลท์มาที่นายกไทย โดยไม่ได้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใดๆมาก่อน (นึกถึงท่านฮุนเซนที่เดินจูงมือ เพราะคงคิดถึงทักษิณ แต่นี่ไม่ใช่) 

ต่อจากนี้ไป แกเชื่อว่าสหรัฐจะมาจี๋จ๋า และนายกเศรษฐา ทวีสินจะได้เดินจูงมือกับนักการทูตสหรัฐแน่นอน ประเทศไทยน่าจะเปิดแล้วจริงๆ น่าสนใจ รอดูกันครับ


CR: อึ่งไข่สามย่าน  / @UngkhaiSamYan

ขอโทษครับ ไม่มีความรู้จริงๆว่าเขาใช้อักขระอะไรเรียง A S U T B
มัดรวมอีกที เขาจะเรียงอะไรก็ไม่เป็นไรครับ และไม่ได้บอกว่าเขารักเรามากกว่า หรือเราดีกว่าคนอื่น

ข้อความสำคัญในโพสท์นี้คือ น่าจับตามองทิศทางการทูตกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น