เพราะว่าสังคมประชาธิปไตยเป็นสังคมที่มีอิสระเสรีในการพูดซึ่งก็ห้ามกันยากที่จะไม่ให้พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็ทำได้แต่เตือนสติหรือปรามๆ กันเท่านั้นเองทำมากกว่านั้นจะกลายเป็นเผด็จการไปทันที
การที่ผู้คนชอบโต้เถียงกันอย่างน้อยก็เป็นหลักประกันได้ว่าสังคมนั้นๆ ยังเป็นประชาธิปไตยอยู่
บางคนอาจรำคาญ อาจเบื่อหน่าย อาจหมดกำลังใจที่จะต้องต่อล้อต่อเถียงอะไรกัน หรือเห็นการถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดงซึ่งก็เป็นคล้ายๆ กันทุกคนไม่เว้นแม้แต่เรา แต่ถ้าลองมาฝึกรักการถูกด่ามากกว่าถูกชมเห็นคนมาด่าเยอะๆ แล้วดีกว่าเห็นคนมาชมเวลาเจอคนมาด่าเยอะๆ หรือเห็นคนกำลังถกเถียงกันก็อาจรู้สึกเฉยๆ มากกว่ารำคาญเบื่อหน่าย หรือ หมดกำลังใจอะไรมันเหมือนกับต้นไม้ใหญ่
ที่จำเป็นต้องรักษารากแก้วเอาไว้แม้จะชอบหรือไม่ชอบก็ตามขาดรากแก้ววันไหนต้นไม้ใหญ่ก็อยู่ไม่ได้เช่นกันถ้าสังคมนั้นๆ ห้ามการวิจารณ์ ห้ามโต้เถียงกันมันก็เหมือนกับการขาดรากแก้วประชาธิปไตยไปซึ่งจะทำให้ต้นประชาธิปไตยค่อยๆ ตายหรืออาจกลายพันธุ์เป็นต้นเผด็จการไปในที่สุด
อันที่จริงถ้าสามารถปลูกฝังกันมาตั้งแต่เยาว์วัยเหมือนระบบการเรียนการสอนของฝรั่งที่เน้นให้ผู้เรียนกล้าแสดงความคิดความเห็นกล้าแย้ง กล้าคิดต่าง ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนอาจารย์สุดท้ายแล้วสังคมเขาก็เป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างน้อยมีหลักประกันได้ว่าจะไม่มีใครคนใดกล้ามาชี้นิ้วให้ทำนั่นนี่แบบไม่เห็นหัวชาวบ้านหรือตบเท้ามามั่วบริหารประเทศแบบไม่ถูกช่องทางเพราะคนที่ถูกปลูกฝังมาให้กล้าพูด กล้าทำมักจะหวงแหนเสรีภาพของเขาโดยอัตโนมัติจะไม่ยอมให้ใครมาทำตัวเป็นเผด็จการ
มากดหัวหรือกดขี่เขาง่ายๆไม่เหมือนคนที่ถูกปลูกฝังให้ท่องจำ และทำตามที่อาจารย์บอกเท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่จะยอมรับสภาพการถูกกดขี่หรือการถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพได้ง่ายกว่าเนื่องจากไม่เห็นความสำคัญเพราะตัวเองก็ไม่กล้าพูด กล้าทำอะไรอยู่แล้วแต่พร้อมใจทำตามคนที่น่าเชื่อถือหรือคนที่เขาเชื่อฟังทันทีดูแล้วไม่น่าจะช่วยทำให้เกิดสังคมประชาธิปไตยที่ดีได้
การที่ผู้คนชอบโต้เถียงกันอย่างน้อยก็เป็นหลักประกันได้ว่าสังคมนั้นๆ ยังเป็นประชาธิปไตยอยู่
บางคนอาจรำคาญ อาจเบื่อหน่าย อาจหมดกำลังใจที่จะต้องต่อล้อต่อเถียงอะไรกัน หรือเห็นการถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดงซึ่งก็เป็นคล้ายๆ กันทุกคนไม่เว้นแม้แต่เรา แต่ถ้าลองมาฝึกรักการถูกด่ามากกว่าถูกชมเห็นคนมาด่าเยอะๆ แล้วดีกว่าเห็นคนมาชมเวลาเจอคนมาด่าเยอะๆ หรือเห็นคนกำลังถกเถียงกันก็อาจรู้สึกเฉยๆ มากกว่ารำคาญเบื่อหน่าย หรือ หมดกำลังใจอะไรมันเหมือนกับต้นไม้ใหญ่
ที่จำเป็นต้องรักษารากแก้วเอาไว้แม้จะชอบหรือไม่ชอบก็ตามขาดรากแก้ววันไหนต้นไม้ใหญ่ก็อยู่ไม่ได้เช่นกันถ้าสังคมนั้นๆ ห้ามการวิจารณ์ ห้ามโต้เถียงกันมันก็เหมือนกับการขาดรากแก้วประชาธิปไตยไปซึ่งจะทำให้ต้นประชาธิปไตยค่อยๆ ตายหรืออาจกลายพันธุ์เป็นต้นเผด็จการไปในที่สุด
อันที่จริงถ้าสามารถปลูกฝังกันมาตั้งแต่เยาว์วัยเหมือนระบบการเรียนการสอนของฝรั่งที่เน้นให้ผู้เรียนกล้าแสดงความคิดความเห็นกล้าแย้ง กล้าคิดต่าง ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนอาจารย์สุดท้ายแล้วสังคมเขาก็เป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างน้อยมีหลักประกันได้ว่าจะไม่มีใครคนใดกล้ามาชี้นิ้วให้ทำนั่นนี่แบบไม่เห็นหัวชาวบ้านหรือตบเท้ามามั่วบริหารประเทศแบบไม่ถูกช่องทางเพราะคนที่ถูกปลูกฝังมาให้กล้าพูด กล้าทำมักจะหวงแหนเสรีภาพของเขาโดยอัตโนมัติจะไม่ยอมให้ใครมาทำตัวเป็นเผด็จการ
มากดหัวหรือกดขี่เขาง่ายๆไม่เหมือนคนที่ถูกปลูกฝังให้ท่องจำ และทำตามที่อาจารย์บอกเท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่จะยอมรับสภาพการถูกกดขี่หรือการถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพได้ง่ายกว่าเนื่องจากไม่เห็นความสำคัญเพราะตัวเองก็ไม่กล้าพูด กล้าทำอะไรอยู่แล้วแต่พร้อมใจทำตามคนที่น่าเชื่อถือหรือคนที่เขาเชื่อฟังทันทีดูแล้วไม่น่าจะช่วยทำให้เกิดสังคมประชาธิปไตยที่ดีได้
ผู้นำ ผู้บริหารในระบอบประชาธิปไตยที่ดีควรมีความสามารถบริหารความหลากหลายได้ดีด้วย
พอดีผมไม่เคยเป็นหัวหน้ากับเขาเป็นแต่เพียงลูกน้องไม่เช่นนั้นเราจะลองงัดมาตรการส่วนตัวมาใช้ดู
เช่น เรื่องการประชุมในที่ทำงาน ใครที่ถูกเชิญเข้าห้องประชุมแล้วนั่งเงียบๆ ไม่ปริปากอะไรเอาแต่นั่งผงกหัวหลับหรือรับทราบอย่างเดียวเกิน 3 ครั้งเราไม่ให้เข้าห้องประชุมให้ส่งคนอื่นที่กล้าออกความเห็นเข้ามาเพราะการประชุมคือการระดมความคิดเห็นไม่ใช่ใช้เป็นที่ประทับตรายางเพื่อความชอบธรรมความเห็นใครอย่างเดียวเมื่ออยู่ในที่ประชุมไม่ควรมีเล็ก มีใหญ่ ทุกคนเท่าเทียมกันประชุมเรื่องอะไรเห็นด้วยให้บอกมาว่าเห็นด้วยเพราะอะไรไม่เห็นด้วยช่วยบอกมาด้วยว่าไม่เห็นด้วยเพราะอะไร
และทุกคนสามารถแย้งความเห็นกันไปมาได้จนหาข้อสรุปหรือแย้งกันด้วยเหตุผลต่อไม่ได้แล้ว
หรือมีแต่การเดาหรือคาดว่า ก็ต้องขอเลือกลองทำดูด้วยวิธีที่เสนอมาตามลำดับ 1 2 3
เพื่อนำผลมาประกอบการวิเคราะห์ถกเถียงกันภายหลัง
ระหว่างประชุม จะแซว จะขึ้นเสียงยังไง ก็เชิญแต่ว่าถ้าเห็นเดือดๆ กันมากๆ ก็ขอหยุดพักอารมณ์กันก่อน
แต่เมื่อออกไปนอกห้องประชุมก็ควรจบอาจมีอารมณ์ค้างบ้างบางเวลาหรือบางคนแต่งวดหน้าไม่ควรพกพาอารมณ์ค้างเหล่านั้นเข้ามาด้วยและไม่ควรเอาเรื่องเก่าๆ มานั่งดิสเครดิตกันไปมาควรเน้นเรื่องที่กำลังปรึกษาอยู่เป็นหลักบางครั้งก็ห้ามการใช้อารมณ์ของแต่ละคนยากเหมือนกันบางทีอาจต้องใช้วิธีรับฟังภาษาได้ทุกสำเนียงจะพูดสำเนียงไหนไม่ว่าเหนือ ใต้ อีสาน สุพรรณ หรือนักเลงปากซอย
ก็ต้องเรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจดีกว่าไปขอร้องให้เขาเปลี่ยนสำเนียง ในที่ประชุมหนึ่งๆ
ไม่มีใครคิดถูกคิดผิดไปได้ตลอดเวลา ในทุกเรื่องทุกโอกาสอาจมีที่เรื่องนั้นคิดผิด เรื่องนี้คิดถูก ได้ทั้งนั้นควรโต้เถียงกันด้วยเรื่องที่กำลังถกเถียงกันในขณะนั้นเป็นหลักด้วยเหตุผลว่าเห็นด้วยไม่เห็นด้วยยังไงมากกว่าหาเรื่องดิสเครดิตกันไปมาวิธีการเหล่านั้นเหมาะสำหรับพวกทนายใช้กันในการต่อสู้ในศาล
ไม่น่าจะเหมาะกับการระดมความคิดความเห็นของในองค์กรต่างๆ
สงสัยคงเพราะเราคิดแบบนี้มั้งเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครอยากให้เข้าประชุมด้วย อิอิมันอาจจะดูออกแนวฝรั่งมากกว่าคนไทยที่มักจะนอบน้อมไม่กล้าโต้เถียงผู้ใหญ่ซึ่งเราว่ายังงี้ไม่ต้องมีประชุมเสียดีกว่า
สู้บันทึกสั่งการให้ทำเลยก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เสียเวลาเปล่า ประเภทให้ไปนั่งประชุมได้แต่ห้ามออกความเห็นมาก และห้ามขัดแย้งกับผู้ใหญ่แล้วมันจะมีอะไรใหม่แถมบางคนก็ไม่คิดจะถกเถียง
เพื่อให้ชนะกันด้วยเหตุผลแต่กลับอาศัยพวกมากลากไป หรือใช้บารมีข่มเช่น ให้โหวตวัดเสียงข้างมากอย่างเดียวโหวตยังไงคนพวกน้อย มีบารมีน้อยก็ไม่ชนะเพราะมันมีปัจจัยด้านอื่นประกอบด้วย
เช่น กลัวจะไม่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นต้นเลยต้องโหวตตามที่ผู้ใหญ่สนับสนุน
วิธีแบบนี้เราก็ไม่เห็นว่าจะเป็นประชาธิปไตยที่ดีตรงไหนไม่ได้บอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตยน่ะ
บอกว่าเป็นแต่ไม่ดี ถ้าดีควรเอาชนะกันให้ได้ด้วยเหตุผลต่อให้คนล้านคนหาเหตุผลมาหักล้างคนหนึ่งคนไม่ได้ก็ควรจะยอมรับ ไม่ควรคิดว่าพวกมากกว่าไม่จำเป็นต้องฟังคนไม่กี่คนถ้าเป็นเรื่องการเมืองสู้กับฝ่ายตรงข้ามอาจใช้ได้ดีแก้เกมการเมืองอะไรได้แต่ถ้าเป็นเรื่องคิดหาวิธีการเพื่อพัฒนานั่นนี่ หรือหาวิธีสู้กับอะไรการใช้วิธีรวบรัดแบบพวกมากลากไปมากกว่าเอาชนะด้วยเหตุผลสุดท้ายอาจเอาวิธีที่ไม่มีเหตุผลที่ดีกว่าไปใช้เพื่อความสะใจกันมากกว่าหวังผลสำเร็จของงานจริงๆซึ่งผลกระทบก็คงตกอยู่กับทุกคนในองค์กรอยู่ดีเหมือนลงเรือลำเดียวกันเห็นเรือรั่วมีคนบอกให้อุดรูรั่วก่อนแต่กัปตันที่บ้าอำนาจบอกให้ไปจับปลาต่อไม่ต้องไปสนใจอีกนานกว่าจะจมอะไรทำนองนี้ซึ่งบางทีปัญหาอาจลุกลามบานปลายจนยากแก้การแก้ไขได้ทันก็เป็นได้
พอดีผมไม่เคยเป็นหัวหน้ากับเขาเป็นแต่เพียงลูกน้องไม่เช่นนั้นเราจะลองงัดมาตรการส่วนตัวมาใช้ดู
เช่น เรื่องการประชุมในที่ทำงาน ใครที่ถูกเชิญเข้าห้องประชุมแล้วนั่งเงียบๆ ไม่ปริปากอะไรเอาแต่นั่งผงกหัวหลับหรือรับทราบอย่างเดียวเกิน 3 ครั้งเราไม่ให้เข้าห้องประชุมให้ส่งคนอื่นที่กล้าออกความเห็นเข้ามาเพราะการประชุมคือการระดมความคิดเห็นไม่ใช่ใช้เป็นที่ประทับตรายางเพื่อความชอบธรรมความเห็นใครอย่างเดียวเมื่ออยู่ในที่ประชุมไม่ควรมีเล็ก มีใหญ่ ทุกคนเท่าเทียมกันประชุมเรื่องอะไรเห็นด้วยให้บอกมาว่าเห็นด้วยเพราะอะไรไม่เห็นด้วยช่วยบอกมาด้วยว่าไม่เห็นด้วยเพราะอะไร
และทุกคนสามารถแย้งความเห็นกันไปมาได้จนหาข้อสรุปหรือแย้งกันด้วยเหตุผลต่อไม่ได้แล้ว
หรือมีแต่การเดาหรือคาดว่า ก็ต้องขอเลือกลองทำดูด้วยวิธีที่เสนอมาตามลำดับ 1 2 3
เพื่อนำผลมาประกอบการวิเคราะห์ถกเถียงกันภายหลัง
ระหว่างประชุม จะแซว จะขึ้นเสียงยังไง ก็เชิญแต่ว่าถ้าเห็นเดือดๆ กันมากๆ ก็ขอหยุดพักอารมณ์กันก่อน
แต่เมื่อออกไปนอกห้องประชุมก็ควรจบอาจมีอารมณ์ค้างบ้างบางเวลาหรือบางคนแต่งวดหน้าไม่ควรพกพาอารมณ์ค้างเหล่านั้นเข้ามาด้วยและไม่ควรเอาเรื่องเก่าๆ มานั่งดิสเครดิตกันไปมาควรเน้นเรื่องที่กำลังปรึกษาอยู่เป็นหลักบางครั้งก็ห้ามการใช้อารมณ์ของแต่ละคนยากเหมือนกันบางทีอาจต้องใช้วิธีรับฟังภาษาได้ทุกสำเนียงจะพูดสำเนียงไหนไม่ว่าเหนือ ใต้ อีสาน สุพรรณ หรือนักเลงปากซอย
ก็ต้องเรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจดีกว่าไปขอร้องให้เขาเปลี่ยนสำเนียง ในที่ประชุมหนึ่งๆ
ไม่มีใครคิดถูกคิดผิดไปได้ตลอดเวลา ในทุกเรื่องทุกโอกาสอาจมีที่เรื่องนั้นคิดผิด เรื่องนี้คิดถูก ได้ทั้งนั้นควรโต้เถียงกันด้วยเรื่องที่กำลังถกเถียงกันในขณะนั้นเป็นหลักด้วยเหตุผลว่าเห็นด้วยไม่เห็นด้วยยังไงมากกว่าหาเรื่องดิสเครดิตกันไปมาวิธีการเหล่านั้นเหมาะสำหรับพวกทนายใช้กันในการต่อสู้ในศาล
ไม่น่าจะเหมาะกับการระดมความคิดความเห็นของในองค์กรต่างๆ
สงสัยคงเพราะเราคิดแบบนี้มั้งเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครอยากให้เข้าประชุมด้วย อิอิมันอาจจะดูออกแนวฝรั่งมากกว่าคนไทยที่มักจะนอบน้อมไม่กล้าโต้เถียงผู้ใหญ่ซึ่งเราว่ายังงี้ไม่ต้องมีประชุมเสียดีกว่า
สู้บันทึกสั่งการให้ทำเลยก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่เสียเวลาเปล่า ประเภทให้ไปนั่งประชุมได้แต่ห้ามออกความเห็นมาก และห้ามขัดแย้งกับผู้ใหญ่แล้วมันจะมีอะไรใหม่แถมบางคนก็ไม่คิดจะถกเถียง
เพื่อให้ชนะกันด้วยเหตุผลแต่กลับอาศัยพวกมากลากไป หรือใช้บารมีข่มเช่น ให้โหวตวัดเสียงข้างมากอย่างเดียวโหวตยังไงคนพวกน้อย มีบารมีน้อยก็ไม่ชนะเพราะมันมีปัจจัยด้านอื่นประกอบด้วย
เช่น กลัวจะไม่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นต้นเลยต้องโหวตตามที่ผู้ใหญ่สนับสนุน
วิธีแบบนี้เราก็ไม่เห็นว่าจะเป็นประชาธิปไตยที่ดีตรงไหนไม่ได้บอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตยน่ะ
บอกว่าเป็นแต่ไม่ดี ถ้าดีควรเอาชนะกันให้ได้ด้วยเหตุผลต่อให้คนล้านคนหาเหตุผลมาหักล้างคนหนึ่งคนไม่ได้ก็ควรจะยอมรับ ไม่ควรคิดว่าพวกมากกว่าไม่จำเป็นต้องฟังคนไม่กี่คนถ้าเป็นเรื่องการเมืองสู้กับฝ่ายตรงข้ามอาจใช้ได้ดีแก้เกมการเมืองอะไรได้แต่ถ้าเป็นเรื่องคิดหาวิธีการเพื่อพัฒนานั่นนี่ หรือหาวิธีสู้กับอะไรการใช้วิธีรวบรัดแบบพวกมากลากไปมากกว่าเอาชนะด้วยเหตุผลสุดท้ายอาจเอาวิธีที่ไม่มีเหตุผลที่ดีกว่าไปใช้เพื่อความสะใจกันมากกว่าหวังผลสำเร็จของงานจริงๆซึ่งผลกระทบก็คงตกอยู่กับทุกคนในองค์กรอยู่ดีเหมือนลงเรือลำเดียวกันเห็นเรือรั่วมีคนบอกให้อุดรูรั่วก่อนแต่กัปตันที่บ้าอำนาจบอกให้ไปจับปลาต่อไม่ต้องไปสนใจอีกนานกว่าจะจมอะไรทำนองนี้ซึ่งบางทีปัญหาอาจลุกลามบานปลายจนยากแก้การแก้ไขได้ทันก็เป็นได้
แถมคำคมสำหรับวันนี้"ถ้าคุณฝึกรักการถูกด่ามากกว่าถูกชม คุณจะอยู่ในสังคมประชาธิปไตยได้เป็นอย่างดี"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น