เพลงฉ่อยชาววัง

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

กระเทาะเปลือกไฟใต้ ใครบงการ

ผมอ่านเรื่อง กระเทาะเปลือกไฟใต้ ใครบงการ ของ สะอาด จันทร์ดี แล้วรู้สึกหนาวจริงๆ
หนังสือเรื่องนี้ เรียบเรียงไว้ได้ดีมาก ทำให้เห็นที่มาที่ไปของปัญหาได้ชัดเจน สืบรากไปถึงอดีตด้วย และพออนุมานได้ว่า "ใครคือจอมบงการ

เขาเรียบเรียงอดีตให้เห็นด้งนี้

การค้นหาตัวเหตุและปัจจัยว่า อะไรคือตัวแก่นในที่ทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ต้องย้อนกลับไปสู่อดีต
๑. เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๐๒๒ เจ้าอินทิรา เปลี่ยนศาสนา หันไปนับถืออิสลาม
๒. ปี พ.ศ. ๒๓๕๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ทรงแบ่งการปกครองหัวเมืองออกจากอำนาจของปัตตานีออกเป็น ๗ หัวเมือง

๓. ปี พ.ศ. ๒๔๔๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงให้ยกเลิกระบบเจ้าพระยามหานครแล้วนำระบบใหม่มาใช้ เรียกว่า มณฑลเทศาภิบาล เพี่อการเก็บภาษีอากร ส่งตรงเข้าวังหลวง โดยไม่ผ่านปัตตานี เหมือนเก่าก่อน (ระบบนี้ได้พัฒนาเป็นเทศบาลถึงปัจจุบัน

๔. ปี พ.ศ. ๒๔๔๕ อับดุลกาเดร์ หรือ "พระยาวิชิตภักดี" ได้ก่อกบฎต่อเมืองหลวง

๕. ปี พ.ศ. ๒๔๕๓ โต๊ะแต มือขวาของพระยาวิชิตภักดี หรือ "อับดุลเกเดร์" ยกกำลังเข้าผาอำเภอยะลา จังหวัดยะลา ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง คือ อับดุลกาเดร์

๖. ปี พ.ศ. ๒๔๕๔ หะยีบูละ ก่อจลาจลขึ้นที่ จันสตาวา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี

๗. ปี พ.ศ. ๒๔๖๕ เปาะจิกา เปิดแนวรบทั่ว ๓ จังหวัด ทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง รํฐบาลจึงปราบปรามอย่างหนัก เปาะจิกาตายในรังปืน

๘. ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ อับดุลกาเดร์ หรือ "พระยาวิชิตภักดี" ถึงแก่กรรมที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ก่อนตายได้ฝากอุดมการณ์เอาไว้ว่า ขอให้ลูกหลานอย่าเลิกการต่อสู้ ให้เสียสละชีวิตแลกเอาปัตตานี กลับมาเป็นประเทศเอกราชให้ได้ นับแต่นั้นมาก็ได้มีเริ่มนับวันเวลากำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมาย

๙. ในปีเดียวกันนี้ (๒๔๗๖) ได้มีตัวตายตัวแทนอับดุลกาเดร์ปรากฎตัวขึ้น แล้วประกาศสืบทอดเจตนารมณ์ รับหน้าที่เป็นหัวหน้าโจรปัตตานี คนที่ ๑ ท่านผู้นั้นมีชื่อว่า "ตวนกู มะหมุด มะไฮยีดิน"

๑๐. ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ตวนกู มะหมุด มะไฮยีดิน ได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ เพิ่มการต่อสู้ทางการเมือง จึงสร้างมือขวาของตน คือ "ตวนกู อับดุลยะลา" หรือ นายอดุลย์ ณ สายบุรี ให้ลงพื้นที่คลุกคลีกับชาวบ้าน ใช้เวลาเปิดตัวอยู่ หลายปี จึงได้มีโอกาสสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฏร นายอดุลย์ ได้รับชัยชนะลอยสำเข้าสภา

๑๑. ปี พ.ศ. ๒๔๘๗ นายอดุลย์ ณ สายบุรี หรือ "ตวนกู อับดุลยะลา" ผู้แทนราษฏร ได้อภิปรายในสภาว่า ประเทศไทยข่มเหงรังแกพี่น้องอิสลาม ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่อยากเป็นคนไทย เพราะเป็นแล้วเสียเปรียบ แล้วกล่าวตู่ประเทศไทยล่าเอาปัตตานีมาเป็นเมืองขึ้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น ปฎิเสธข้อกล่าวหาของ  นายอดุลย์ ณ สายบุรี ถึงแม้จอมพล ป.พิบูลสงคราม จะปฎิเสธอย่างไร แต่คำประกาศของ นายอดุลย์ ณ สายบุรีก็ได้ ปราฎขึ้นในรัฐสภาแล้ว

๑๒. ในช่วงเดียวกันนี้ ได้เกิดปรากฎการณ์ มีห้วหน้าโจรปัตตานี ถึง ๓ ตวนกู
(๑) ตวนกูมะหมุด มะไฮมะยีดิน
(๒) ตวนกูอับดุลยะลา หรือ นายอดุลย์ ณ สายบุรี
(๓) ตวนกูมัดตารอ

๑๓. ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ เกิดปรากฎการณ์ หัวหน้าโจรแบ่งแยกดินแดนใหม่ แทนพวกตวนกูทั้งสาม คนผู้นั้น คือ "หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์" ซึ่งเป็นเชื้อสายที่แท้จริงของพระยาวิชิตภักดี หรือ "อับดุลกาเดร์" หะยีสุหลง อัปดุลกาเดร์ ได้กระทำเยี่ยงกบฎต่อแผ่นดิน จึงถูกจับกุมตัว ถูกตัดสินให้จองจำ ๗ ปี ที่นครศรีธรรมราช แต่ได้รับการพระราชอภัยโทษ ปล่อยออกมาจากเรือนจำ หลังจากถูกขังอยู๋ ๓ปี ๖ เดือน

๑๔. ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ หัวหน้าโจรปัตตานีตัวแทนหะยีสุหลง ชื่อ "หะยีดือราแม" ได้ก่อ กบฎขึ้น ที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เรียกว่า กบฎ"ดุชงญอ"

๑๕. ปี พ.ศ ๒๔๙๔ หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ถูกจับถ่วงน้ำที่เกาะหนู-เกาะแมว จังหวัดสงขลา สร้างความโกรธแค้นชิงชังให้เกิดขึ้นในหมู่อิสลาม อย่างไม่เคยมีมาก่อน

๑๖. ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ นักการเมืองภาคใต้ ๕ จังหวัด ประกาศนโยบายตรงกันหมดว่า ถ้าชนะการเลือกตั้ง จะแยก ดินแดนออกมาเป็นประเทศปัตตานี ปรากฎว่าผู้สมัครที่ประกาศนโยบายแบ่งแยกดินแดน ชนะการเลือกตั้ง ครบ ๕ จังหวัด แต่ไม่ทันได้อภิปรายในสภา จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ ได้ทำการปฎิวัติจอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐ เรื่องราวที่มีความต่อเนื่องเป็นประหนึ่ง "นิยายเก่าแก่ปรัมปรา" เรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เป็นจริง จากชีวิตจริง  ได้เกิดปัญหาเข่นฆ่าราวีติดต่อกันยาวนาน ในแผ่นดินสยาม โดยที่ประเทศสยาม หรือ ประเทศไทย ไม่ได้แก้ไข มาแต่ต้น ทำให้เกิดการกล่าวตู่ มีการต่อสู้อย่างยอมถวายชึวิต มีการปลูกฝังให้เยาวชนรุ่นต่อมาเข้าใจผิด คิดว่า การกระทำของตนเองเป็นสิ่งถูกต้องทั้งหมดนี้คือ การคลำหาปมเงื่อนว่าอะไรคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ผมได้นำประวัติศาสตร์โดยย่อ ตั้งแต่ปี ๒๐๒๒ ฉายให้ท่านได้เห็น "ทางเดิน" ของตัวละครมาจนถึงฉากหลังสุด คือสิ้นสุดลงที่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ รวมเวลา ๔๗๘ ปี พอจะทำให้มองเห็นภาพว่า โจรปัตตานีนั้นมีความพยายาหนักหน่วงเพียงใดเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะทำให้ปัญหายุติเพียงแค่สมานฉันท์ หรือการกล่าวขอโทษ มันย่อม "เป็นไปไม่ได้เลย” ประโยคนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดของประเทศสยาม หรือ ประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาผู้บริหารประเทศว่า ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในปัญหา ความไม่มั่นคงของประเทศไทยที่ตนเองรับผิดชอบอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น