เพลงฉ่อยชาววัง

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ทักษิณกับการหมกมุ่นเรื่อง "Palace Circle"

 ทักษิณกับการหมกมุ่นเรื่อง "Palace Circle"  


นอกจากการให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลี 21 พฤษภาคม 2558  ที่พาดพิงไปยัง"Palace Circle"     นำมาสุ่การฟ้อง  112 ในวันนี้แล้ว 


ในอีก 6 ปีต่อมา 

โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) หรือทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวในรายการ CareTalk x CareClubHouse เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 ในหัวข้อ “อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของการเมืองไทย—แล้วอนาคตของเยาวชนไทยจะเป็นอย่างไร”    Youtube: (อยู่ในระหว่างดำเนินการ) https://www.youtube.com/watch?v=MHbmYCz7svQ


ทักษิณกล่าวว่า 


[ก่อนรัฐประหาร 2549] สื่อตีผมอย่างหนัก บังเอิญได้เจอลูกของเจ้าของสื่อท่านหนึ่ง ก็เลยถามว่า เฮ้ยทำไมพ่อถึงตีอาหนักขนาดนี้ เขาก็ตอบว่า อาครับผมถามพ่อแล้วพ่อบอกว่า มีผู้ใหญ่จากทางวังมาทานข้าวกับพ่อ แล้วบอกว่าวังไม่เอาแล้ว ผมก็บอกว่าวังไหนวะ เขาก็ย้ำว่าวังไม่เอาแล้ว ก็เลยต้องตีต้องไล่ออกไป นี่คือกลไกของสื่อไทย… แต่ทั้งหมดผมคิดว่าผมมีเรื่องกับ Palace Circle ไม่ใช่ตัวพระเจ้าอยู่หัว[1]


[1] “‘โทนี่’ แฉ รปห. ปี 49 สื่ออ้างวลี ‘วังไม่เอา’-เผยแผนสู้ ‘สนธิ’-รับพลาดนิรโทษฯ ถูกจ้องยึดอำนาจซ้ำสอง,” วอยซ์ทีวี, 15 กันยายน 2564, อ่านที่นี่



'โทนี่'เล่าแผนปูทางยึดอำนาจรัฐประหารปี 49 สื่อถูกผู้ใหญ่อ้าง 'วังไม่เอาแล้ว' แจงเคยขอสหรัฐฯ อย่าเพิ่งออกหนังสือ The King Never Smiles ย้ำแผนเปิดหน้าสู้คณะรัฐประหาร ลั่นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสำเร็จ พร้อมกลับมาสู้ทันที แฉ 'สนธิ' เคยบอกไม่กล้ายึดอำนาจถ้าตัวเองอยู่ไทย รับพลาด พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถูกนำเป็นเงื่อนไขยึดอำนาจซ้ำสอง

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 14 ก.ย.2564 โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) หรือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยผ่านรายการ CareTalk x CareClubHouse ในหัวข้อ "อดีต ปัจจุบัน อนาคต ของการเมืองไทย – แล้วอนาคตของเยาวชนไทยจะเป็นอย่างไร"


โดยกล่าวถึงเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 ว่า ต้องว่าตัวเองก่อนว่าเป็นคนซื่อบื้อ แม่ผมเตือนเสมอว่าแม้จะมีความฉลาด ไหวพริบดี แต่ซื่อ เพราะโตมาจากต่างจังหวัด พอมาอยู่กรุงเทพก็อยู่โรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งอยู่ในกรอบ เมื่อเรียนจบก็ได้ทุนไปเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกที่อเมริกา ดังนั้น การที่จะได้เรียนรู้สังคมอีลิท หรือสังคมคนในวัง ไม่มีเลย มาเข้าใจอีกทีก็เมื่อลี้ภัยอยู่ต่างประเทศแล้ว


“ผมเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่ออายุ 51 ปีครึ่ง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ปลัด อธิบดี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ก็อายุประมาณ 59 ปีแล้ว ถือว่าแก่กว่าผมหมด ทั้งนี้ เมื่ออธิบดีมาหาที่ห้องทำงาน ผมก็ยกมือไหว้ก่อน เพราะถือว่าอายุน้อยกว่า แม้จะเป็นนายกฯก็ตาม แต่บางครั้งสังคมไทยอาจรับไม่ได้ บางคนก็ยังมองเราเป็นเด็กอยู่ ทั้งๆที่เราเป็นนายกฯมีหน้าที่บังคับบัญชา"


โทนี่ เล่าย้อนไปสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ระบุ ถือว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุขแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล มีผู้บังคับบัญชาคือประมุขแห่งรัฐ ซึ่งนอกจากการเคารพในฐานะเป็นในหลวงของเราแล้ว ยังเคารพในฐานะผู้บังคับบัญชาด้วย


เขา กล่าวว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งหมอคนหนึ่งที่ถวายการรักษาพระเจ้าอยู่หัว มาบอกว่าจะทำอย่างไรดี อยากให้พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงออกกำลัง ไม่อย่างนั้นจะเดินไม่ได้ และตอนนั้นก็พอดีใกล้จะครบ 60 ปีของการขึ้นครองราชย์ ตนก็เลยไปกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอจัดงานฉลอง 60 ปีที่ทรงครองราช ตั้งใจจะเชิญพระมหากษัตริย์ทั่วโลกมาร่วมงาน ซึ่งพระองค์ท่านรับสั่งว่า เขาจะมากันหรือ เพราะตอน 50 ปีก็มีควีน อลิซาเบธ เสด็จมาหลังจากพิธีแล้วหลายเดือน


“ผมก็เลยกราบบังคมทูลว่ามีความมั่นใจว่าอย่างน้อย 10 พระองค์มาได้ เพราะได้คุยแล้ว ที่สุดแล้วปรากฏว่ามาทั้งหมด 26 พระองค์จากที่ทั่วโลกมีพระมหากษัตริย์ 29 พระองค์รวมไทย ท่านก็เลยรับสั่งว่า อย่างนั้นฉันต้องออกกำลัง เพราะวันนั้นฉันต้องแข็งแรงเป็นพิเศษ กระทั่งวันที่ 22 มิ.ย.ซึ่งจะมีงานเลี้ยงใหญ่ ท่านทรงแข็งแรงจริงๆ”


โทนี่ กล่าวว่า “การดำเนินการครั้งนั้นรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ โดยได้เชิญแขกจากทั่วโลก แล้วในงานกองพิธีการของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักพระราชวัง ได้กำหนดให้ผมยืนอยู่ข้างล่าง เพื่อรับแขก ซึ่งคนไม่รู้ ดูเหมือนกับว่าผมไปแย่งรับแขกของพระเจ้าอยู่หัว เพราะผมเป็นเจ้าภาพ และเขาสั่งให้ผมไปยืนอยู่ตรงนั้น ผมก็ไม่รู้เรื่อง ผมทำตามเจ้าหน้าที่บอก และด้วยความที่ผมเดินทางเยอะ ก็รู้จักคนเยอะ ก็ได้ทักทายกัน การเป็นเพื่อนเป็นฝูงกับกษัตริย์ต่างประเทศมันมีอยู่ เจอกันก็ทักทายกันเอง แต่ก็มีคนไปหาว่าผมไปโชว์ดีล ซึ่งเป็นเรื่องของคนในรอบวังอาจจะเข้าใจผมผิด แต่ไม่ใช่พระเจ้าอยู่หัว”


อ่านที่นี่

https://drive.google.com/file/d/ 0B5Cg3u1lBoBvN1ZHQ1Y2SHJW dnM/view?resourcekey= 0-uBGxM0Om4iD4Elx0ZF_bfw

โทนี่ เล่าเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนรัฐประหารว่า พอดีมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The King Never Smiles เขียนโดย Paul Handley ซึ่งผมไม่รู้จักเลย เขาเขียนวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวของเรา มีคนเอาหนังสือเล่มนี้มาบอกว่าผมเป็นสปอนเซอร์ ทั้งที่ผมยังไม่รู้จักคนเขียนเลย กระทั่งตอนหลังมาสืบทราบว่า หนังสือดังกล่าวพิมพ์ที่โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยเยล ซึ่งประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เคยเป็นศิษย์เก่า เราก็เลยไปขอร้องสหรัฐอเมริกาว่างานพระเจ้าอยู่หัวจะมีในเดือน มิ.ย.ขออย่าพึ่งออกหนังสือนั้นก่อน ซึ่งเขาก็ทำให้ แต่จะบอกให้เขาไม่ออกหนังสือคงทำไม่ได้ เพราะประเทศเขาเป็นเสรีภาพ และจนที่สุดหนังสือดังกล่าวมาออกในเดือน ก.ค. “เมื่อผมได้ 377 เสียง เริ่มมีปัญหา มีคนไปปล่อยข่าวผมเรื่องวังสารพัด ทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย ก่อนหน้าที่ผมจะเดินทางไปต่างประเทศ มีความพยายามลอบฆ่าผมหลายครั้ง เช่น คาร์บอมบ์ที่สะพานซังฮี้ ก่อนเดินทางไปสหรัฐฯ ผมได้เขียนประกาศสภาวะฉุกเฉินไว้แล้วอยู่ที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ ดร.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ และยังได้เซ็นลงนามไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อเห็นว่าท่าไม่ดี ก็จะให้ประกาศ เพราะวันนั้นมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ดูแล้วอาการไม่ค่อยดี" ชี้ 'ธรรมรักษ์' ถูกอุ้มหาย ทำให้คีย์แมนสู้คณะยึดอำนาจตัดสินใจไม่ได้ “คนของผม 2 คน ไปตามหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคือ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา วันนั้นรัฐมนตรีกลาโหมของผมถูกพาไปซ่อนที่ไหนก็ไม่รู้ 2 คนนี้ก็ไม่กล้าตัดสินใจ ก็เลยช้าไป ไปประกาศได้ครึ่งเดียว มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ถูกจี้ เขาก็ปิดทีวีช่อง 9 เลยไม่ได้อ่าน ทำให้เราประกาศสภาวะฉุกเฉินไม่ทัน” “พอผมโดนปฏิวัติ ก็เลยขาดการสั่งการในทางนี้ ผมจะขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยไม่ได้ เพราะถ้าผมกลับมา สนุกแน่ แต่เครื่องบินการบินไทยถูกล็อกไว้ก่อน จนกระทั่งตอนหลังผมแจ้งบินไปอังกฤษ” นี่อาจจะเป็นครั้งแรกๆ ที่ทักษิณ ชินวัตร เปิดเผยว่ารัฐประหารล้มรัฐบาลของเขาในปี 2549 นั้นเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ แม้ว่าเขาจะพยายามจำกัดคู่ขัดแย้งของเขาไว้แค่ “Palace Circle” ไม่ใช่ “พระเจ้าอยู่หัว” ก็ตาม ลิ้งค์บทความนี้

https://mycountrymyfreedom.blogspot.com/2024/06/palace-circle.html








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น