'ชัยธวัช' เผยภาพรวมเป็นไปด้วยดี หลังเดินสายขอเสียงหนุน ‘พ.ร.บ.นิรโทษกรรมก้าวไกล’ ยัน 'ธนาธร' ไม่ขอรับสิทธิ์
(1)ข้อเสนอการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการแสดงออก/ความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดองหรือการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย
(2) แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อถกเถียงสำคัญสำหรับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองในปัจจุบันคือ เราควรนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายอาญาม.112 ด้วยหรือไม่
3)เหตุผลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเราควรนำมาพิจารณาร่วมกันคือ หากเรานิรโทษกรรมคดี 112 ไปแล้ว จะเป็นการไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่หรือจะเป็นการปล่อยให้เกิดการแสดงความคิดเห็นหรือการแสดงออกทางการเมืองที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปอีกหรือไม่
(4) สำหรับประเด็นนี้ ผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ได้ ก็ด้วยความรักความศรัทธาหรือความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจกดบังคับหรือการสร้างความกลัว
5) ดังนั้น การบังคับใช้ ม.112 อย่างรุนแรงดังที่เป็นอยู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยั่งยืน ซ้ำร้ายยังจะส่งผลบ่อนทำลายสายใยความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนในระยะยาวอีกด้วย
(6) ในสภาพการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ปรารถนาดีหรือจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจ ควรต้องร่วมกันตั้งหลักในการพิจารณากุศโลบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์และพลวัตของสังคมไทย
(7) เราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองได้จัดวางพระราชสถานะอย่างประณีตภายใต้รัฐธรรมนูญ
(8) ระมัดระวังอย่าให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างพระราชอำนาจกับหลักการ “ปกเกล้า แต่ไม่ปกครอง” ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(9)ผมเชื่อมั่นว่า มีแต่หนทางนี้เท่านั้น ที่จะธำรงรักษาให้องค์พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะตามรัฐธรรมนูญอย่างมั่นคง สังคมไทยในห้วงยามนี้ต้องการทุกคนมาร่วมกันคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมีสติ มิใช่การอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์และ ม.112 มาคุ้มครองผลประโยชน์หรืออำนาจของตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น