โดย ถือแถน ประสพโชค
//// อ่านที่สภาพัฒน์ที่เพิ่งมากระมิดกระเมี้ยนแนะนำรัฐบาลประยุทธ์ว่า จะเจอวิกฤติหนี้ ให้ลดข้าราชการลง และ ให้ทำงบประมาณสมดุล เมื่อ 3 วันที่แล้ว ก็ได้แต่ยิ้มและสมเพชตัวเองกับชาวบ้านคนอื่นๆในประเทศนี้
สภาพัฒน์ปล่อยให้ประยุทธ์พาประเทศเดินทางผิด ถอยหลังลงเหวไปจนสุดก้นเหว แต่เพิ่งจะกล้ามาอ้อมแอ้มเตือน
ถ้าดูสิ่งที่สภาพัฒน์เตือน แล้วย้อนไปดูสิ่งที่นายกทักษิณทำเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ท่านจะยิ่งเสียดายโอกาสของประเทศที่เสียไป
เพราะสิ่งที่สภาพัฒน์เพิ่งมาแนะนำประยุทธ์ในวันนี้ คือสิ่งที่นายกทักษิณทำตั้งแต่เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว
การประเมินประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการทำในยุคนายกทักษิณอย่างเข้มข้น ใครที่ไม่มีประสิทธิภาพจะให้เออร์ลี่รีไทม์ ให้เงินก้อนไปเริ่มต้นอาชีพใหม่ หรือ ไปอยู่กินบำนาญที่บ้าน
การทำแบบนี้ทำให้ได้ผลดี 2 ด้าน คือ ข้าราชการแข่งกันทำงาน แข่งกันบริการประชาชน ขนาดสำนักงานที่ดินยังเปิดทำงานนอกเวลาราชการ มีอำเภอยิ้มไม่หยุดพักเที่ยง และอีกสารพัดที่เปิด one stop service
ส่วนอีกด้านคือ ได้ลดจำนวนข้าราชการลง เพื่อลดจำนวนรายจ่ายประจำลง เป้าหมายจริงๆอีกอย่างของนายกทักษิณคือ พอจำนวนข้าราชการลดลง จะเพิ่มค่าตอบแทนให้สูงขึ้น ในยุคทักษิณข้าราชการได้เปลี่ยนบัญชีเงินเดือนข้าราชการ และ ขึ้นเงินเดือนหลายครั้ง
แต่ข้าราชการจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจนายกทักษิณเพราะการเปลี่ยนจากเจ้าคนนายคนมาเป็นผู้บริการประชาชน มันทำให้สถานะของข้าราชการเปลี่ยนไป
ไม่เพียงแต่ลดจำนวนข้าราชการลงเท่านั้น เป้าหมายของนายกทักษิณอีกอย่างคือรัฐวิสาหกิจ ที่นายกทักษิณต้องการแปรรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ จนเป็นที่มาว่า รัฐวิสาหกิจแบบการบินไทย หรือรัฐวิสาหกิจอื่นมาเป็นกำลังหลักในการต้านนายกทักษิณทุกรอบเวลามีม้อบไล่รัฐบาลที่มาจากฝ่ายนายกทักษิณ จนสุดท้ายตัวเองเจ๊งเอง เพราะการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ และกัดกร่อนกินองค์กรของตัวเอง
ส่วนการทำงบประมาณรายจ่ายของนายกทักษิณ จากที่ต้องกู้ในปีแรกๆที่เข้ามาบริหารประเทศ นายกทักษิณก็สามารถทำงบประมาณสมดุลได้ถึง 2 ปีงบประมาณ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศที่ทำงบประมาณสมดุลและมีเงินเหลือเปลี่ยนจากประเทศผู้กู้ เป็นผู้ให้กู้กับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่กู้มาให้ยืมเหมือนทุกวันนี้
นั่นคือ นายกทักษิณนำประเทศและบริหารประเทศในทิศทางที่ถูกต้องมาตั้งแต่เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ใช้ 4 ปีซ่อมประเทศที่เสียหายจากวิกฤติต้มยำกุ้งจนสำเร็จ และเตรียมอีก 4 ปีสร้างประเทศเพื่อก้าวไปข้างหน้า แต่ถูกเตะตัดขาด้วยรัฐประหาร
ในขณะที่ประยุทธ์หลังรัฐประหารเข้ามา ตอนนี้จะเข้าปีที่ 7 แล้ว อยู่ในอำนาจนานกว่านายกทักษิณ มีอำนาจพิเศษ ไม่มีฝ่ายค้าน กู้เงินใช้ได้เหมือนจะไม่มีวันหมด แต่พาประเทศเดินลงเหวผิดทิศผิดทาง
แทนที่จะลดจำนวนข้าราชการเพื่อลดรายจ่ายประจำ ประยุทธ์กลับทำประเทศให้เป็นรัฐราชการ ไปเพิ่มจำนวนข้าราชการในส่วนความมั่นคงที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หากไปย้อนดูการรับนักเรียนนายสิบทหารบก ไป 5 ปีย้อนหลัง ไปรวมกับที่หน่วยทหารจัดสอบเอง จะเห็นจำนวนนายสิบทหารบกที่เพิ่มขึ้นใน 5 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมาเป็นหมื่นอัตรา ในขณะที่ความจำเป็นในการใช้กำลังรบมันน้อยลง
และการเกณท์แรงงานผ่านการเกณฑ์ทหารก็เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลักแสนคนในยุค คสช.
ซึ่งเหล่านี้เป็นรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นทั้งนั้น
ในขณะที่วิกฤตหนี้ ทั้งหนี้สาธารณะของรัฐ หนี้ sme หรือ หนี้ครัวเรือนก็ล้วนเป็นวิกฤติจากฝีมือประยุทธ์
เพราะบริหารแบบผิดทิศ สร้างรายได้เพิ่มไม่ได้ แต่รายจ่ายประจำมาก ก็ต้องกู้หนี้ พอกู้หนี้แต่สร้างสภาวะทางเศรษฐกิจที่ดีไม่ได้ มันก็ส่งผลต่อหนี้ sme ส่งผลต่อหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และจะพากันล้มในที่สุด
อันที่จริงประเทศเราพื้นฐานของประเทศแข็งแกร่งมาก เพราะทนฝีมือการบริหารที่ผิดทิศของประยุทธ์อยู่มาได้นานขนาดนี้
และพูดได้ว่า ความแข็งแกร่งของประเทศถูกสร้างมาจากยุคทักษิณ เพราะก่อนยุคทักษิณประเทศก็ย่ำแย่ด้วยวิกฤติต้มยำกุ้ง
และหลังจากนั้นบ้านเมืองก็ง่อนแง่นจากวิกฤติการเมือง เพราะต้องการทำลายทักษิณมาตลอด อยู่ในภาวะเผาบ้านเพื่อจับหนูในความหมายของฝ่ายประยุทธ์
ยิ่งมองย้อนไปข้างหลัง แล้วเปรียบเทียบกับวิกฤติที่เกิดกับบ้านเมืองในตอนนี้ และถ้าบ้านเมืองไม่ถูกดึงออกจากทิศทางที่ถูกต้องด้วยการรัฐประหารเมื่อ 14 ปีที่แล้ว เราจะเป็นประเทศแถวหน้าของเอเชียไปแล้ว
เราจะไม่ใช่ประเทศที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะข้างหลังเราไม่เหลือประเทศไหนแล้วแบบนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น