เพลงฉ่อยชาววัง

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

อย่าเปลี่ยนใจ - อย่าหมดไฟ - อย่าหยุดฝัน


Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
[ อย่าเปลี่ยนใจ - อย่าหมดไฟ - อย่าหยุดฝัน ] นอกจากคำขอบคุณแล้ว สิ่งที่ผมต้องกล่าวกับประชาชนที่เคารพก็คือ พรรคอนาคตใหม่สิ้นสุดลงแล้ว ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ผมขอโทษพี่น้องประชาชนทุกที่พวกเราทำตามสัญญาไม่ได้ เราสัญญากับทุกท่านว่าเราจะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. เราสัญญาว่าจะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราสัญญากับทุกท่านว่าจะปฏิรูปกองทัพ ฯลฯ เราทำไม่ได้ตามสัญญาในฐานะ “พรรคอนาคตใหม่” . ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ต้องขอโทษพี่น้องประชาชน . ในวันนี้พรรคถูกยุบ กรรมการบริหารพรรคก็ถูกตัดสิทธิ์แล้ว พวกเขาต้องการเหยียบย่ำเราให้จมดิน เพราะพวกเขาต้องการทำลายเรา แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุดลง . ดังนั้น นี่จึงเป็นเวลาพิสูน์ว่าเขาทำลายเราไม่ได้ เราต้องเข้มแข็งกว่าเดิม นี่เป็นเวลาของการลุกยืนให้มั่นคง ไม่ใช่เวลาเสียใจ ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เราไม่มีเวลาสำหรับสิ่งเหล่านั้นแล้ว . วันนี้ยานพาหนะที่ชื่อ “พรรคอนาคตใหม่” สิ้นสุดลง แต่ผู้คนยังเดินทางต่อไป ดังนั้นวันนี้ผมขอประกาศจัดตั้ง “คณะอนาคตใหม่” ซึ่งเป็นที่รวมตัวกันของกลุ่มคนที่ต้องการสืบสานอุดมการณ์และแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่เพื่อรณรงค์เคลื่อนไหวสังคม ปักธงความคิด และผลักดันวาระที่ก้าวหน้าต่อๆ ไป . อนาคตใหม่คือผู้คนและอุดมการณ์ที่ไม่มีวันแตกสลายหายไป #อนาคตใหม่ คือพวกเราทุกคน . ร่วมเดินหน้าต่อไปด้วยกัน . อย่าเปลี่ยนใจ - อย่าหมดไฟ - อย่าหยุดฝัน
--------------------------------------
“คนอยากบ่น”(ตอน.๒๒)
ขอแสดงความเสียใจกับ “พรรคอนาคตใหม่”ด้วยครับ.!ที่ถูกยุบพรรคฯ เป็นไปตามคาด ผู้เขียนไม่ประหลาดใจอะไรเลย.! ยังไงเสีย “พรรคอนาคตใหม่”ต้องถูกกำจัดแน่นอน เพราะ “เฮีย.!เขาสั่งมา-หมาก็สั่งลุย.!”

ก็อย่างที่เคยพูดไปแล้วว่า เขาเล่นกันเป็นระบบสร้างตัวละครหลายตัวหลายกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคอยสร้างเรื่อง ร้องทุกข์ใส่ร้ายป้ายสีโน้นนี่นั่น ทำตัวเป็นนักร้องแต้มสีให้สมจริงสมจัง อีกกลุ่มก็คอยป่วน กมธ. อีกกลุ่มหนึ่งเอากฎหมายมาเป็นเครื่องมือ ต่อมา นาย ศรีสุวรรณจรรยา ได้ยื่นคำร้อง ให้ กกต.ดำเนินคดีอาญา ต่อนาย ธนาธร หน.พรรคอนาคตใหม่ ตอกลิ้มให้หนักขึ้น หวังกระทืบให้จมดินทุเรศว่ะ!!!! “คนอยากบ่น” เคยบ่นไปแล้วเมื่อฉบับก่อนๆว่ากระบวนการยุติธรรม เขา “สลับขาหลอก”ตบตาคนทั้งประเทศ แต่ประชาชนเขารู้ทันและเสื่อม ศรัทธาใน กระบวนยุติธรรมเหล่านี้ กฎหมายขาดความศักดิ์สิทธิ์ไม่ความเป็นธรรม ทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นอยู่ที่ความพอใจของ ( ผู้กำกับบท) ยกแรก พรรคอนาคตใหม่ ได้หายใจไปแล้วรอบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่รอด บอกแล้วไง ว่า “เผด็จการมันมีอำนาจพิเศษ ใครก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ เขาใช้กฎหมายโจรที่ร่างมาจากกลุ่ม “เสนาอำมาตร”โดยมีพ่อค้านายทุนคอยสนับสนุน มาเป็นเครื่องมือ ตราบใด ถ้าประชาชนเรายังติดอยู่กับความกลัว. อย่าหวังเลยว่าประเทศไทยจะหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์เหล่านี้ไปได้ ถามว่า.? เราจะยอมรับและก้มหน้ารับชะตากรรม เป็นทาสรัฐบาลโจรอย่างนี้ต่อไปหรือ! เก็บไปคิดเป็นการบ้านครับ??? ต้องขอชื่นชมสมาชิกฯ “พรรคอนาคตใหม่” ที่มีความเข้มแข็งอดทนและมีความกล้าหาญมาก กล้าออกมาสู้ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้ว่าเขากำลังสู้อยู่กับ “ภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำขยาดใหญ่”แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเสียสละสู้ เพื่ออุดมการณ์อย่างแน่วแน่ ทั้งๆที่ทุกคนมีความเจ็บปวดและขมขื่นสุดๆในเมื่อไม่มี พรรคอนาคตใหม่ คุณ ธนาธรฯ ได้ประกาศ ตั้งเป็น “คณะอนาคตใหม่” ณ นาทีนั้นทันที ผู้เขียนมีความรู้สึก เหมือนกับคุ้นๆนะ คำว่า (คณะอนาคตใหม่-กับ- คณะราษฎร) สำนวนคล้ายๆกัน แต่เอาเถอะจะเหมือนหรือไม่เหมือนใครก็ตามไม่สำคัญ ขอให้สมาชิกที่เหลืออีก65คนจงยึดมั่นในอุดมการณ์ให้เหนียวแน่นอย่าทรยศต่อประชาชน ที่เขาเลือกพวกคุณมาก็แล้วกัน ต่อไปนี้ ประชาชน ทุกฝ่ายทุกกลุ่มทุกคณะ ต้องเดินหน้าต่อ ไปให้ถึงเป้าหมายถึงแม้ฝ่ายประชาธิปไตยจะ (ถูกยุบ!ถูกทุบ!ถูกเด็ดแขน!เด็ดขา! ) จนกลายเป็นหนอนชาเขียวต้องคลานกระดึ๊บ..กระดึ๊บ..ก็ไม่เป็นไร...ทุกคนพร้อมที่จะสู้ เพื่อเป้าหมายข้างหน้า แต่ จะใช้เวลานานอีกเท่าใดนั้น “คนอยากบ่น” ไม่อาจคาดเดาได้ พวกเราอาจจะอยู่ไม่ถึงเป้าหมายในห่วงเวลานั้นก็ตาม เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันหนึ่งวันใดเราเกิด(ขี้เกียจหายใจ)ขึ้นมา คือ...ตาย.!!!เพราะ รุ่นผู้เขียนนี่ก็มี (ผู้เฒ่าหลายคน) แต่อุดมการณ์ของเราไม่เปลี่ยนแปลง มันยังคงฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของเราไปตลอดกาล เรายังคงมีคนดีรุ่นใหม่ๆ อีกหลายสิบล้านคน ที่รักชาติรักแผ่นดินเกิด รักประชาธิปไตย ออกมาสานต่อ ล่าสุดลูกหลาน นักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์ได้ออกมาเลื่อนไหว หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ในช่วงเวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประมาณ 300 กว่า คน ได้รวมตัวกัน (ณ อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี)แสดงจุดยืนด้วยการร่วมกันจุดเทียนไว้อาลัยประชาธิปไตยโดยนักศึกษาได้กล่าวเน้นย้ำว่า การแสดงออกในครั้งนี้ มิใช่เพื่ออนาคตของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่ออนาคตของเราทุกคน ที่ถูกฝ่าย “เผด็จการ”ทำลายระบอบประชาธิปไตย นี่คือคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติมโตในอนาคต รัฐบาล “พลังประชารัฐ” อย่าประมาท อย่าคิดว่าตัวเองถือแต้มต่อ ท่านกำลังจะเจอกับมรสุมที่กำลังก่อตัว จากจุดเล็กๆและอีกไม่นานก็คงจะขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ อาจกลายเป็น พายุ “ทอนาโด”คลื่นลูกใหม่ที่รุนแรง “พลังประชารัฐ”(ลุงตู่) เตรียมเจอศึกหนักได้เลย จะรับมือไหวมั้ย.ย.! สุดท้ายเชื่อว่า “คณะอนาคตใหม่”คงยืนหยัดต่อสู้ “ทำลายภูเขาน้ำแข็งของเผด็จการ”ได้สำเร็จ ทำเพื่อประชาชนและชาติบ้านเมืองต่อไป เพราะ “ประชาธิปไตย”ไม่มีวันตาย...!!!! สู้ สู้ สู้ๆครับ.! “เหยี่ยวมหาชัย” รายงาน







ถ่านดำกับเพชรวาว 

ชีวิตทั้งหลายในโลกมีธาตุคาร์บอนเป็นฐาน ประสานกับธาตุอื่นๆ เรียงร้อยประกอบเป็นชีวิตต่างๆ ขึ้นมา ทั้งนี้เพราะธาตุคาร์บอนซึ่งมีมากมายบนโลกสามารถก่อเกี่ยวร้อยรัดกับธาตุอื่นๆ ได้ง่าย เราจึงเรียกชีวิตบนโลกว่า Carbon-based Life

เมื่อสิ่งมีชีวิตตายไป ซากร่างสลายตัว คาร์บอนก็หวนกลับสู่แผ่นดิน ผ่านระยะเวลานานหลายพันหลายหมื่นปีด้วยพลังความร้อนและแรงอัดใต้พิภพ มันก็กลายเป็นถ่านหินดำและน้ำมันฝังใต้ดิน รอคนขุดขึ้นมาใช้เป็นเชื้อเพลิง

การเผาถ่านหินและน้ำมันจึงคืนคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ เป็นที่มาของภาวะโลกร้อน เพราะคาร์บอนในชั้นบรรยากาศมากเกินไป

คุณค่าของสสารต่างๆ ในโลกมักถูกกำหนดโดยปริมาณของมัน กรวดทรายไร้ค่าเพราะมีมากเกินไป ถ่านหินราคาถูกกว่าเพชรเพราะมันมีปริมาณมหาศาล แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือค่านิยมความงาม เรามีค่านิยมว่าสิ่งที่ดำสกปรก แตกร่วนง่าย ย่อมมีค่าน้อยกว่าวัตถุที่ส่งประกายผลึกแวววาว

นักปราชญ์อุปมาคนชั่วกับถ่านหินดำ เพราะเกลือกกลั้วตอนมันร้อนแดงจะลวกมือ จับต้องตอนเย็นมือก็สกปรก
แม้ว่าคุณค่าของสสารเป็นสิ่งสมมุติและมายาที่เราสร้างขึ้นมา แต่เรามักเปรียบคุณสมบัติของสสารสองสิ่งนี้กับคุณสมบัติของคน คนที่แข็งแกร่งย่อมถูกเทียบกับเพชรเพราะมันเป็นสสารที่แกร่งที่สุดในโลก ส่วนคนที่มีลักษณะอย่างถ่านดำอ่อนด้อยกว่า
เราทุกคนโดยพื้นฐานเป็นถ่านดำไร้ค่า แต่เราสามารถเพ่ิมคุณค่าเป็นเพชร ผ่านการศึกษา การเรียนรู้ การทำงานหนัก การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคย่อมมีคนแย้งว่า เราไม่อาจเปรียบมนุษย์เป็นเพชรกับถ่านหิน เพราะมันเป็นคนละชาติตระกูลกัน เสมือนลูกมหาเศรษฐีพันล้านกับลูกคนยากจน โอกาสไม่เท่ากัน อนาคตก็ย่อมต่างกันราวฟ้ากับเหว

การมองแบบนี้เท่ากับการยอมรับชะตากรรมแห่งชีวิตโดยไม่โต้แย้ง เนื่องจากคนส่วนใหญ่มองแบบนี้ จึงยากอย่างยิ่งที่จะขจัดวงจรอุบาทว์ต่างๆ ออกไปจากสังคม เพราะหลายคนเชื่อไว้ก่อนแล้วว่า “ทำไม่ได้”
แล้วผิดหรือที่คิดอย่างนี้? ถ่านก็คือถ่าน เพชรก็คือเพชร ถ่านจะกลายเป็นเพชรได้อย่างไร?

คนที่ถามอาจจะประหลาดใจอย่างสูงถ้ารู้ว่าถ่านหินกับเพชรก็คือสิ่งเดียวกัน กำเนิดมาเหมือนกัน ทั้งสองเป็นธาตุคาร์บอนเดียวกันทุกประการ เกิดมาจากเศษซากชีวิตที่ตายไปแล้วทับถมกันในดินเหมือนกัน ข้อแตกต่างที่ทำให้คาร์บอนก้อนหนึ่งเป็นถ่าน อีกก้อนหนึ่งกลายเป็นเพชรอยู่ที่ทั้งสองผ่านความลำบากในชีวิตต่างกัน

ถ่านเกิดจากการทับถมของซาก Carbon-based Life ใต้ผิวโลกนาน แต่เพชรคือถ่านที่อยู่นานกว่า ถูกพลังความร้อนและแรงอัดหนักหน่วงกว่า มันต้องทนรับแรงอัดของโลกนานต่อเนื่องนับพันนับหมื่นปี จนในที่สุดมันก็เรียงอะตอมต่างออกไป กลายเป็นรูปลักษณ์ของเพชร

และเมื่อผ่านการเจียระไนครั้งสุดท้าย มันก็ก้าวถึงขีดสูงสุดของชีวิตมัน
ดังฉะนี้ถ่านสกปรกก็สามารถเปลี่ยนรูปเป็นเพชรได้ หากมันทนความร้อนและแรงอัดต่อไปไม่ย่อท้อ

คนเราก็สามารถเปลี่ยนตัวเองจากถ่านดำเป็นเพชร โดยความร้อนและแรงอัด
ความร้อนคือไฟความคิด ไฟสร้างสรรค์

แรงอัดคือการฝึกฝน การทำงานหนัก ความอุตสาหะ ความอดทน การชนปัญหา
สองสิ่งนี้รวมกันสามารถเปลี่ยนมนุษย์คนหนึ่งจากถ่านดำเป็นเพชรวาว เป็นสิ่งแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

ใช่ เราทุกคนกำเนิดเป็นถ่านดำเปราะบางเกลื่อนกลาดแผ่นดิน แต่มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเพชรหายาก
น่าเสียดายที่บางคนพบความลำบากแล้วท้อถอย โดยไม่รู้ว่าหากอดทนอีกนิดเดียว อะตอมแห่งชีวิตก็จะเรียงตัวเป็นเพชร!

เราเลือกที่จะเป็นถ่านดำต่อไปหรือพยายามเปลี่ยนตัวเองเป็นเพชร หากถ่านดำที่ไม่มีสมอง คิดไม่ได้ สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นเพชรแท้ได้ ทำไมเราซึ่งมีสมองสองมือสองแขนสองขาจะทำเช่นนั้นไม่ได้

ความแตกต่างอยู่เพียงที่เราจะรับความร้อนและแรงอัดแห่งชีวิตได้เพียงไร และเราจะยอมทนรับความร้อนและแรงอัดแห่งชีวิตหรือไม่

เพราะในการเปลี่ยนถ่านเป็นเพชรไม่มีทางลัดและมนตร์วิเศษ ต้องใช้ความร้อนและแรงอัดมหาศาลทางเดียวเท่านั้น


ท้อเป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร

----------------------------------------

แรงอัดคือการฝึกฝน การทำงานหนัก ความอุตสาหะ ความอดทน การชนปัญหา
สองสิ่งนี้รวมกันสามารถเปลี่ยนมนุษย์คนหนึ่งจากถ่านดำเป็นเพชรวาว เป็นสิ่งแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

ใช่ เราทุกคนกำเนิดเป็นถ่านดำเปราะบางเกลื่อนกลาดแผ่นดิน แต่มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเพชรหายาก
น่าเสียดายที่บางคนพบความลำบากแล้วท้อถอย โดยไม่รู้ว่าหากอดทนอีกนิดเดียว อะตอมแห่งชีวิตก็จะเรียงตัวเป็นเพชร!

เราเลือกที่จะเป็นถ่านดำต่อไปหรือพยายามเปลี่ยนตัวเองเป็นเพชร หากถ่านดำที่ไม่มีสมอง คิดไม่ได้ สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นเพชรแท้ได้ ทำไมเราซึ่งมีสมองสองมือสองแขนสองขาจะทำเช่นนั้นไม่ได้

ความแตกต่างอยู่เพียงที่เราจะรับความร้อนและแรงอัดแห่งชีวิตได้เพียงไร และเราจะยอมทนรับความร้อนและแรงอัดแห่งชีวิตหรือไม่

พราะในการเปลี่ยนถ่านเป็นเพชรไม่มีทางลัดและมนตร์วิเศษ ต้องใช้ความร้อนและแรงอัดมหาศาลทางเดียวเท่านั้น


ท้อเป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น