เพลงฉ่อยชาววัง

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

แก้หมากกลรัฐธรรมนูญ


รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ฉบับปัจจุบัน ได้สร้างกลไก ไม่ให้พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งมีเสียง ส.ส.ข้างมากในสภา โดยใช้วิธีการลงคะแนนบัตรใบเดียวแล้วได้ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งวิธีนับคะแนนก็ให้นำผลคะแนนของแต่ละพรรคการเมืองไปรวมทั้งประเทศมาหารเฉลี่ยว่าพรรคการเมืองใดจะได้ ส.ส.กี่คน จากนั้นให้นำจำนวน ส.ส.เขตไปหักออก ที่เหลือให้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เรียกว่าคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ แต่จะทำให้พรรคการเมืองตกน้ำหรือตกเหว ซึ่งผลที่ออกมาจะทำให้ได้รับจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยลงหรือไม่ได้เลยก็เป็นได้ ตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติมาแล้ว ปฏิเสธไม่ได้
บรรดากุนซือของพรรคการเมืองหลายพรรคที่คาดว่าจะชนะเลือกตั้งในแต่ละเขตเลือกตั้งดังกล่าว ก็พยายามที่จะแก้หมากกล โดยมีการหรือให้มีการไปตั้งพรรคการเมืองขยายแนวร่วม เพื่อให้พรรคการเมืองแนวร่วมที่ไม่ชนะเลือกตั้งในเขตนั้นๆไปเก็บคะแนนเพื่อให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เหมือนแยกการโจมตี
แต่เป็นการคาดการณ์ที่ผิดถนัด เนื่องจากการไปมีพรรคการเมืองหลายพรรคที่เป็นแนวร่วมกัน แม้จะมองว่าเป็นการไปเก็บคะแนนเพื่อให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ตาม แต่ลืมไปว่า ในการหาเสียงและการให้ได้รับคะแนนเสียงนั้น ในเขตเดียวกัน จะมีการแย่งคะแนนเสียงกันเองเกิดขึ้น อันจะทำให้ผู้สมัครในเขตเลือกตั้นนั้นแทนจะได้คะแนนสูงสุดเพื่อเป็นผู้ชนะ อาจจะทำให้แพ้การเลือกตั้งในเขตนั้นและกลายเป็นพรรคที่ได้คะแนนอันดับสอง-สามไปก็ได้ จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปตั้งพรรคแนวร่วมให้คะแนนเป็นเบี้ยหัวแตก

ดังนั้น ใครก็ตามที่คิดจะแก้หมากกลด้วยการไปตั้งพรรคการเมืองแนวร่วมหลายๆพรรค บอกได้เลยว่าคิดผิด แต่ไม่ว่าจะแก้หมากกลอย่างไร คงจะแก้ยาก เพราะกลไกได้ถูกสร้างไว้เพื่อให้มีผลการเลือกตั้งเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เว้นแต่ พรรคการเมืองนั้นๆจะไปบริหารจัดการรวมคะแนนกันกับพรรคการเมืองพรรคอื่นๆในภายหลังจากที่ได้รู้ผลคะแนนเลือกตั้งกันแล้ว นั่นหมายความว่า ในระบบที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ลงคะแนนเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียว ผลที่ออกมาไม่อาจทำให้พรรคการเมืองใดได้คะแนนเสียงข้างมากได้ แต่หากพยายามที่จะดิ้นหนีตายกลับกลายยิ่งจะทำให้ตายมากขึ้นก็เป็นได้ /.

เสรี สุวรรณภานนท์


อธิบายโดยใบตองแห้ง



watchra kaewsrisung

การเดินทัพ5เส้นทางเข้าตีเป้าหมาย ภายใต้กติกาที่เขียนขึ้นเอง กรรมการเอง และเล่นเอง และสามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าผิดหรือถูกกติกา รวมถึงการห้ามไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทำในสิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้ทำ เป็นการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ถามหน่อยเหอะจตุพร คุณมีอำนาจอะไรไปต่อรอง จุดมุ่งหมายของคุณจะบรรลุได้อย่างไร ไม่ใช่ตายก่อนแก้หรือแก้ก่อนตาย หรือตายแล้วค่อยสงวนชีวิตมวลชน มันล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลเลื่อนลอยทั้งสิ้น การต่อสู้ของฝ่ายประชาชนจะก้มหน้าก้มตาสันติวิธีไปอย่างที่แล้วๆมา ผลมันก็จะออกมาเหมือนๆเดิมนะแหละ ถ้าอำนาจต่อรองของคุณยังไม่ถูกแก้ไข ริเริ่ม หนทางข้างหน้าก็มืดมนไร้อนาคตแน่นอน เหมือนดั่งคำของอาจารย์ธิดาว่าไว้"อำนาจอธิปไตยของปวงชน คงไม่ได้มาด้วยการร้องขอ" เช่นเดียวกับวลีที่ว่า"งาช้างย่อมไม่งอกจากปากสุนัข"เช่นกัน มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเผด็จการมองไม่เห็นว่าคุณจะเอาชนะเขาได้อย่างไร จริงไม๊???พิจารณาดู.... ----------------------------------------------
สังคมไทยเรายังเป็นสังคมพัฒนาครึ่งทาง ยังมีปัญหาในตัวเองอีกมากมาย ต่อสู้กันทางความคิดเป็นเรื่องถูกต้อง แต่ต้องอีกหลายปี กลุ่มคนหลายกลุ่ม ยังมีความต้องการเมืองไม่เป็นกลุ่มก้อน ต้องใช้เวลา พัฒนาความคิด อีกหลายทศวรรศ จึงจะเข้ารูปเข้ารอย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น