เพลงฉ่อยชาววัง

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ประเทศนี้ถึงทางตันอีกแล้ว

ประเทศนี้ถึงทางตันอีกแล้ว
========================
มันสร้างรธน.ที่ไปต่อไม่ได้ สร้างกลไกปิดทางเดินฝ่ายประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งไว้เต็มไปหมด

ทั้งองค์กรอิสระ ทั้งระบอบตุลาการวิบัติ ทั้งราชการเส้นสาย ทั้งสว.250 เสียงที่มันตั้งเองทั้งหมด

ทั้งวางหมากสส.สัดส่วน 150 เอาไปให้พรรคที่แพ้เลือกตั้ง เหลือให้แข่งสส.กันเอง 350

ในขนะที่จะชนะโหวตแก้รธน.ในสภาได้ต้องใช้เสียง 375 จะไปเอาเสียงจากไหนมาสนับสนุนการแก้ได้


ในเมื่อรวมสส.เลือกตั้งชนะทั้งหมดแล้วถ้าตัดประชาธิเปรตออกไป 80 ตัดภูมิใจตู่ออกไป 25 จะเหลือที่นั่ง

แค่ 350- 105 = 245 มาเป็นฝ่ายประชาธิปไตย มันวางหมากเอาไว้แบบนี้ มันมาแน่ๆ เลือกยังไงก็มา

ทางฝ่ายประชาธิปไตย เลือกได้มาเต็ม 350 ยังรวมไม่พอแก้รธน.ได้เลย...

ผมถึงได้ห่วงว่า สู้กันเพื่อให้ได้เข้ามาตามรธน.นี้ไม่มีทางชนะได้เลย .... มันโกงเห็นๆ


มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทําได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้

(๑) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจํานวนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย

(๒) ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาและให้รัฐสภา พิจารณาเป็นสามวาระ

(๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจํานวนนี้ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา

(๔) การพิจารณาในวาระที่สองขั้นพิจารณาเรียงลําดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระที่สองนี้ ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีที่เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ประชาชนเป็นผู้เสนอ ต้องเปิดโอกาสให้ผู้แทนของประชาชนที่เข้าชื่อกันได้แสดงความคิดเห็นด้วย

(๕) เมื่อการพิจารณาวาระที่สองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เมื่อพ้นกําหนดนี้แล้วให้รัฐสภาพิจารณาในวาระที่สามต่อไป

(๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา โดยในจํานวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกัน และมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา

(๗) เมื่อมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนําร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นําความในมาตรา ๘๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม

(๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หรือหมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออํานาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องที่ทําให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออํานาจได้ ก่อนดําเนินการตาม (๗) ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดําเนินการตาม (๗) ต่อไป

(๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกัน มีจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของทั้งสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าชื่อกันเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับเรื่องดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะนําร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยมิได้

- การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่า 375 เสียงของทั้งสองสภา โดยในจํานวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 100 เสียง และมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 84 เสียงของจํานวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด ปัญหาหลักๆของการลงคะแนนวาระนี้คือ จะมี ส.ส. จากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบด้วยถึง 100 เสียงหรือไม่ในทางปฏิบัติ และ 84 สว. ที่ถูกแต่งตั้งทั้งหมดจาก คสช จะกล้าลงคะแนนอย่างเปิดเผยว่าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเฉพาะมาตรา ๒๗๒ ที่เกี่ยวกับนายกฯคนนอก

จากข้อ 3 ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา

ที่เขาตั้งมาทั้งหมด คุณจะเอาเสียงวุฒิมาจากไหนให้ได้ถึง 84 เสียง ในเมื่อทั้งหมด 250 คน เป็นคนของมัน


จากข้อ 6

ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการที่จะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมด

เท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

โดยในจํานวนนี้ต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่สมาชิกมิได้ดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี

ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎร

เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกัน

และมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา

ต้องได้รับการสนับสนุนของทั้ง 2 สภารวมกันคื อ 500+250=750 กึ่งหนึ่งคือ 375 อันนี้ก็ไม่ผ่านแล้ว

แล้วยังต้องหาเสียงสนับสนุนมาจากพรรคฝ่ายค้าน 20%

ซึ่งถ้ามันเป็นพรรคกวนตีนค้านทุกเรื่องมันจะเอาด้วยหรือ

และยังต้องการเสียงจากวุฒิอีก 84 คนดังกล่าว

สรุปว่า รธน.นี้ แก้ไม่ได้เลย จากฝั่งประชาชน

นี่ยังไม่รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เขียนไว้ป้องกันการไม่ทำไว้ด้วยการสั่งไล่ออกรัฐบาลที่เห็นต่าง

แบบนี้แล้ว การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ไปต่อไม่ได้กับระบอบการปกครองในแบบประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

แก้ไขอะไรไม่ได้เลยสักอย่างแถมยังถูกควบคุมทุกอย่างด้วยคนที่มันวางไว้เต็มไปหมดทุกอนู

งานนี้เลือกตั้งไปก็ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยไปได้ ในเมื่อรัฐบาลที่ได้

ยังต้องอยู่ภายใต้อำนาจการครอบงำของศาล ของกองทัพ ของข้าราชการ ขององค์กรอิสระของเขาทั้งหมด

สุดท้ายฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปก็ได้แต่ไปเป็นฝ่ายค้านนั่งดูเขาซื้อนาฬิกาแพงๆมาใส่กัน

บ้านเมืองก็ถอยหลังไปเรื่อยๆ ไม่มีใครกล้าเข้ามาลงทุนกับรัฐบาลแบบนั้น เพราะมันไม่ได้มาจากประชาชน

ลงทุนไว้เขาจะออกกฎหมายยกเลิกเอาคืนไปไหม

รัฐบาลที่มันมั่นคงแบบมาเฟียผิดกฎหมาย อยู่ได้ด้วยกองกำลังทหาร ศาล องค์กรอิสระ รัฐข้าราชการ

และนักเลงมาเฟียที่เป็นสส.แล้วฝ่ายเขารวมตัวเอาไว้

คนพวกนี้มีอุดมการประชาธิปไตยไหม ทำไมเขาจึงขายตัว

ลองคิดดูว่า ระหว่างประชาชนกับผลประโยชน์ที่มันตอบแทนให้กันเป็นทรัพย์สินเงินทอง

ไอ้เลวพวกนั้นจะเลือกอะไร

ยังแปลกใจว่าคนทุจริตผิดกฎหมาย พาบ้านเมืองเข้าสู่ทางตัน นำพาประเทศถอยหลัง

นำการปกครองไปสู่ทางตันเป็นระบอบมาเฟียเพื่อผลประโยชน์ชนชั้นปกครอง

ไม่มีส่วนไหนทำเพื่อประชาชน มองประชาชนเป็นข้าทาษ รับใช้ด้วยความเต็มใจ

มองประชาชนเป็นผู้ต้องให้ของแจกแบบขอทาน ยากจนไม่มีโอกาสทำกินกันทั้งประเทศ

ไม่คิดส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปล่อยจีนเข้ามากดหัวการค้าไม่ต้องเสียภาษีเหมือนคนไทย


คนแบบนี้กลับอยู่ได้ เพราะระบบการรักษาความปลอดภัยของประเทศมันชำรุดหนัก

ระบบชั่งตวงวัดเสีย ระบบประตูเข้าออกย้ายเข้ามาติดตั้งในบ้านกั้นคนในบ้านเป็นส่วนๆ

ระบบกลไกไฟฟ้าประปาแม่งแพงหมด แม้แต่ขยะยังยอมรับขยะพิษจากทั่วโลกเข้ามา

ผมว่าเรากำลังได้ควายมาบริหารประเทศนะ.... ฉิปหายจนไม่รู้จะฉิปหายอย่างไรแล้ว

เพราะควายไทยมันโง่แต่อยากเป็นผู้บริหารนั่งแม่งไปอย่างนี้ตลอดกาล... เวรกรรมของกู  !!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น