นี่น่าจะเป็นตอนสุดท้ายชุดคำถามสงสัยว่าเอฟบีไอกับซีไอเอแตกต่างกันอย่างไรแล้วล่ะครับ หลังจากนี้ตอนหน้าไปว่ากันเรื่องตำรวจเก่ง ๆ กันเสียที
สำหรับ ซีไอเอ นั้น เป็นหน่วยงานข่าวกรองปฏิบัติภารกิจ ในต่างประเทศเป็นหลัก ก่อตั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีชื่อเต็มว่า Central Intelligence Agency ก็ย่อว่า CIA แบบเป็นไทยว่าสำนักงานข่าวกรอง ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาก็มีหน่วยงานด้านสายลับข่าวกรองเหมือนกันแต่เรียกว่า โอเอสเอส หรือ Office of Strategic Services เรียกย่อ ๆ ว่า OSS แปลไทยว่าสำนักงานบริการยุทธศาสตร์ ฟังชื่อแล้วดูไม่เป็นหน่วยงานสายลับเลย นั่นแหละครับข่าวกรองสมัยก่อนเขาต้อง แอบ ๆ ทำ แอบ ๆ ตั้งกัน จริงคือลวง ลวงคือจริง เอาไว้สู้ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ถามว่าซีไอเอมีบทบาทมาได้อย่างไร ก็ต้องบอกว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกเข้าสู่ ยุคสงครามเย็น ขั้วหนึ่งคือ สหรัฐอเมริกาที่ชูธงระบอบประชาธิปไตย อีกขั้วหนึ่งคือ สหภาพโซเวียตชูธงคอมมิวนิสต์ สมรภูมิปะทะแรกเกิดขึ้นในยุโรป อเมริกาจึงต้องพัฒนาหน่วยงานข่าวกรองของตัวเอง เพราะจากยุโรปมันลามไปเอเชีย ไปยังอเมริกาใต้ ไปยังอเมริกากลาง แอฟริกา ตะวันออกกลางไปทั่ว
ดังนั้นซีไอเอจึงต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของอเมริกาเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าจะทำงานในประเทศต่าง ๆ ต้องคิดถึงสิ่งที่อเมริกาจะได้รับก่อน
เราคงได้ยินเรื่องการพยายามจะโค่นล้ม ฟิเดล คาสโตร ผู้นำการปฏิวัติคิวบา ซึ่งซีไอเอนี่แหละครับหนุนกองกำลังกบฏ แต่ปรากฏว่าล้มเหลว คาสโตรรู้ตัวก่อน การบุกที่อ่าวหมูจึงประสบกับความล้มเหลว เป็นที่อับอายของซีไอเออย่างมาก
หรืออย่างการทำรัฐประหารโค่นล้มผู้นำพลเรือนหัวเอียงซ้ายในอเมริกาใต้หลายประเทศ ก็มีซีไอเอนี่แหละครับที่เป็น ตัวตั้งตัวตีตัวหนุน อย่างใน ชิลี นี่ชัดเจนเลย รัฐประหารล้มผู้นำพลเรือนที่ยิงตัวตายสู้สุดใจ แล้วไปเอานายพลคนหนึ่งมาเป็น พร้อมกับใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ ที่ลดอำนาจรัฐในการควบคุมเศรษฐกิจ ให้ปัจเจกได้ทำงานอย่างเต็มที่ มีผลให้ช่องว่างคนรวยคนจนสูงมากขึ้น โดยอเมริกาก็นำเอานักวิชาการด้านการคลัง เศรษฐกิจของชิลีส่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชิคาโก ซึ่งเชี่ยวชาญแนวคิดเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่นี้ ให้ทุนไปเรียนแล้วส่งกลับมารับรัฐการในประเทศ ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบนี้ จนมีคำเรียกขานนักวิชาการพวกนี้ว่า พวกชิคาโก บอยส์ กัน
อเมริกาชูธงประชาธิปไตยจริง แต่เอาเข้าจริงแล้วผลประโยชน์ของอเมริกาสมัยก่อนเข้ากันได้กับระบอบเผด็จการที่ผู้นำเข้มแข็งไม่หัวเอียงซ้ายช่วยเหลือคนจน
ใน สงครามเวียดนาม ซีไอเอก็เข้ามามีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามเวียดนามใหม่ ๆ มีความข้องเกี่ยวกับหน่วยงานข่าวกรองอย่างมาก เจ้าหน้าที่ข่าวกรองอเมริกาสนับสนุนอาวุธ ฝึกคน ตั้งหน่วยงานรบหลายแห่ง เพื่อใช้ยันกับคอมมิวนิสต์ อันนี้ค้นประวัติก็จะพบเรื่องราวเต็มไปหมด
ที่สำคัญคือซีไอเอนี่ก็มีส่วนใน การสนับสนุนระบอบเผด็จการไทยสมัยก่อน ให้อยู่ยั้งยืนยงได้ เพียงเพื่อใช้ในการยันกับคอมมิวนิสต์เพื่อนบ้านและในประเทศของเราเอง แต่เอาเข้าจริงก็เพื่อผลประโยชน์อเมริกาที่มอบเงินให้แล้วก็มี คนรับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ รวยอื้อซ่ากันเลย
สายลับอเมริกา ก็ออกแนวเดียวกับประเทศของเขาแหละครับ โว ๆ โม้ ๆ เงินทุนเยอะเทคโนโลยีเต็มที่ ออกแนวคาวบอยข้าจะลุยบุก ซึ่งสายลับประเทศอื่นเขาไม่เป็นแบบนั้นกัน อังกฤษก็อีกแบบ อิสราเอลก็อีกอย่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะอเมริกางบประมาณเยอะจัดหนักได้ไม่อั้น ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรประสิทธิภาพศักยภาพจึงเยอะกว่า
เวลาเรามองการเมืองระหว่างประเทศ ก็ไม่อยากให้เราคิดไปหมดว่าซีไอเอจะมีบทบาทเบื้องหลังเยอะขนาดนั้นนะครับ โดยเฉพาะเวลาผู้นำเผด็จการบอกว่านักข่าวต่างประเทศเป็นสายลับให้กับประเทศนั้น คือ สายลับจริง ๆ เขาไม่ปลอมตัวเป็นนักข่าวหรอกครับ เสี่ยง ปลอมตัวใช้สิทธินักการทูตจะดีกว่า หรือเป็นนักธุรกิจน่าจะดีกว่า
บทบาทของซีไอเอในการสนับสนุนระบอบเผด็จการนั้นมีให้เห็นทั่วโลก แม้กระทั่งในปัจจุบัน แม้หลายประเทศอเมริกาจะอยากให้เป็นประชาธิปไตยเสียที จะมัวมะงุมมะงาหรากับระบอบเผด็จการอยู่ทำไม แต่บางประเทศ อเมริกาก็สนับสนุนให้คงระบอบเผด็จการไว้ หรือ ผู้นำบางคนก็ถูกปั้นโดยอเมริกา แล้วก็โดนอเมริกาโค่นไปอยู่ดี
สิ่งที่ต้องตระหนักก็คือ หน่วยงานข่าวกรองอย่างซีไอเอนั้น ยังได้คิดค้นวิธีการสอบปากคำที่รุนแรงอย่างมากในการจัดการศัตรู ดังเช่นหลัง เหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ถล่มที่นิวยอร์ก ในวันที่ 11 กันยายน ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์เปลี่ยนโลก วิธีการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยของซีไอเอมีความรุนแรงอย่างมาก
โดยเฉพาะการเอาน้ำราดใส่ผ้าที่วางบนหน้าคนจับมัดไว้ การค่อย ๆ เทน้ำลงไป ทำให้คนรู้สึกสำลักน้ำเหมือน กำลังจะตาย ซึ่งคนเราพอใกล้ตายแล้วก็จะหลุดปากพูดเรื่องราวความจริงออกมาเอง ซึ่งเขาคิด (ไปเอง) ว่ามันจะได้ผลก็เลยใช้ มีนักโทษบางคน ขออภัยครับ! เรียกนักโทษไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้รับสิทธิเหมือนนักโทษ หรือผู้ต้องหาเลย เป็นเพียงคนโดนจับเฉย ๆ ไม่มีสิทธิขอทนายเรียกร้องอะไร คนเหล่านี้บางคนโดนกรอกน้ำราดเป็นร้อยครั้ง เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อว่าพูดความจริง จนแต่งเรื่องพูดข้อมูลที่แต่งมาเอง หรือเข้ากับทฤษฎีของคนสอบปากคำ นั่นทำให้เกิดความวุ่นวายและทำให้ข่าวกรองผิดพลาดกันได้
ถึงวันนี้นักโทษเหล่านั้นบางคนเสียชีวิตไปแล้ว บางคนได้รับการปล่อยตัวในสภาพบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ที่น่าตกใจคือมีบางคนยังถูกขับอยู่ที่ค่ายกวนตานาโม ซึ่งอยู่ในคิวบา แต่อเมริกาเป็นเจ้าของเพราะการเจรจาสมัยก่อนทำให้ได้ดินแดนนี้มา ที่นั่นคนโดนขังไม่ได้รับสิทธิ บางคนโดนจับมานานยังไม่ได้รับการปล่อยตัว พึ่งจะมีทนายให้เข้าไปสอบไม่กี่ปีนี้เอง
โลกของข่าวกรองสายลับ บางครั้งก็เต็มไปด้วยความรุนแรงอย่างมาก และต้องตระหนักว่า พวกเขาเหล่านี้ทำงานเพื่อประเทศตัวเองทั้งสิ้น
เป็นอันจบนะครับ เขียนกันไปมาหลายตอนแล้ว ในครั้งหน้าหนอนโรงพักพาโกอินเตอร์พาไปรู้จัก ตำรวจเก่ง ๆ จากประเทศต่าง ๆ กันบ้าง หรือไปดู โรงพักต่างแดน จะให้เล่าแต่เมืองไทยมันคงไม่สนุกเสียแล้ว
ไปเปิดกะลาพร้อมกันนะครับทุกท่าน สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น