**สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน***
(เก็บตกจากในห้อง Line)
(เก็บตกจากในห้อง Line)
หลักสูตร.FEF#3
วันพุธที่ 18 มีนาคม 2558 ช่วง Trend Economics โดยดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (รองผู้อำนวยการ.สนง.เศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง) จัดโดย.สถาบัน CEDI ม.กรุงเทพ
วันพุธที่ 18 มีนาคม 2558 ช่วง Trend Economics โดยดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (รองผู้อำนวยการ.สนง.เศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง) จัดโดย.สถาบัน CEDI ม.กรุงเทพ
• สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
- เศรษฐกิจไทยตอนนี้โตน้อยมากเมื่อเทียบกับศักยภาพที่เป็นไปได้
- การส่งออกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีน้ำหนักมาก (75%) ในโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เมื่อภาคส่งออกที่เป็นสัดส่วนใหญ่ไม่โตเท่าที่ตั้งเป้าไว้จึงส่งผลให้เศรษฐกิจไทยแผ่ว
- จากที่เราคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะโตขึ้นด้วยการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ แต่ตัวเลขค่าใช้จ่ายภาครัฐทั้งจากการลงทุนและค่าใช้จ่ายอื่นรวมกันไม่ถึง 15% ของ GDP เศรษฐกิจจึงไม่น่าจะฟื้นได้เร็วจากการกระตุ้นองค์ประกอบนี้อย่างเดียว
- ภายนอกประเทศดูสัดส่วนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเมื่อเทียบกับ GDP เปรียบเสมือนเวลาดูคนที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ ต้องดูด้วยว่าส่วนต่างที่ขาดดุลนั้นเป็นสัดส่วนเท่าไรเมื่อเทียบกับรายได้ของคนๆ นั้น
- ปราการด่านสุดท้ายของตัวชี้วัดเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศคือทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องของประเทศ องค์ประกอบส่วนนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยมั่นคงมาก ไม่ถูกลดระดับความน่าเชื่อถือในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายในบ้านเมืองมากมาย ต่างจากตอนปีพ.ศ. 2540 ที่ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงมาก แม้ว่าส่วนอื่นจะยังดูดีก็ไม่ทำให้ดูน่าเชื่อถืออีกต่อไป ค่าเงินบาทจึงอ่อนตัวลงมาก
- หากดูเสถียรภาพภายในประเทศ ดูที่อัตราว่างงาน, NPL (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ของธนาคาร และสัดส่วนหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับ GDP
- ขณะนี้ ประเทศไทยมีกำลังแรงงาน (อายุ 15-60 ปี)39.7 ล้านคนจากประชากรไทย 65 ล้านคน มีคนว่างงาน 3 แสนคนซึ่งถือว่าน้อยมาก คิดเป็นไม่ถึง 1% จึงเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยดูมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
- ปัจจุบัน NPL ของธนาคารอยู่ที่ 2% และยังมีปราการด่านสุดท้ายอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มความน่าเชื่อถือคือ ข้อกำหนดที่ให้ธนาคารต้องมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง มาตรฐานโลกกำหนดที่ 8%มาตรฐานธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 8.5%ตัวเลขจริงของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 16% ถือว่าธนาคารไทยเข้มแข็งมาก
- สำหรับหนี้สาธารณะ มาตรฐานโลก OECD หรือยุโรปกำหนดสัดส่วนหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับ GDPอยู่ที่ 60% มาตรฐานธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 60% เช่นเดียวกันตามมติคณะรัฐมนตรี ตัวเลขจริงของประเทศอยู่ที่ 46% ถือว่ายังมั่นคงมาก แต่ในอนาคตอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการดำเนินนโยบายของภาครัฐในด้านต่างๆ
- เศรษฐกิจไทยตอนนี้โตน้อยมากเมื่อเทียบกับศักยภาพที่เป็นไปได้
- การส่งออกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีน้ำหนักมาก (75%) ในโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เมื่อภาคส่งออกที่เป็นสัดส่วนใหญ่ไม่โตเท่าที่ตั้งเป้าไว้จึงส่งผลให้เศรษฐกิจไทยแผ่ว
- จากที่เราคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะโตขึ้นด้วยการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ แต่ตัวเลขค่าใช้จ่ายภาครัฐทั้งจากการลงทุนและค่าใช้จ่ายอื่นรวมกันไม่ถึง 15% ของ GDP เศรษฐกิจจึงไม่น่าจะฟื้นได้เร็วจากการกระตุ้นองค์ประกอบนี้อย่างเดียว
- ภายนอกประเทศดูสัดส่วนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเมื่อเทียบกับ GDP เปรียบเสมือนเวลาดูคนที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ ต้องดูด้วยว่าส่วนต่างที่ขาดดุลนั้นเป็นสัดส่วนเท่าไรเมื่อเทียบกับรายได้ของคนๆ นั้น
- ปราการด่านสุดท้ายของตัวชี้วัดเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศคือทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องของประเทศ องค์ประกอบส่วนนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยมั่นคงมาก ไม่ถูกลดระดับความน่าเชื่อถือในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะเกิดเหตุวุ่นวายในบ้านเมืองมากมาย ต่างจากตอนปีพ.ศ. 2540 ที่ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงมาก แม้ว่าส่วนอื่นจะยังดูดีก็ไม่ทำให้ดูน่าเชื่อถืออีกต่อไป ค่าเงินบาทจึงอ่อนตัวลงมาก
- หากดูเสถียรภาพภายในประเทศ ดูที่อัตราว่างงาน, NPL (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ของธนาคาร และสัดส่วนหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับ GDP
- ขณะนี้ ประเทศไทยมีกำลังแรงงาน (อายุ 15-60 ปี)39.7 ล้านคนจากประชากรไทย 65 ล้านคน มีคนว่างงาน 3 แสนคนซึ่งถือว่าน้อยมาก คิดเป็นไม่ถึง 1% จึงเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยดูมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
- ปัจจุบัน NPL ของธนาคารอยู่ที่ 2% และยังมีปราการด่านสุดท้ายอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มความน่าเชื่อถือคือ ข้อกำหนดที่ให้ธนาคารต้องมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง มาตรฐานโลกกำหนดที่ 8%มาตรฐานธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 8.5%ตัวเลขจริงของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 16% ถือว่าธนาคารไทยเข้มแข็งมาก
- สำหรับหนี้สาธารณะ มาตรฐานโลก OECD หรือยุโรปกำหนดสัดส่วนหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับ GDPอยู่ที่ 60% มาตรฐานธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ที่ 60% เช่นเดียวกันตามมติคณะรัฐมนตรี ตัวเลขจริงของประเทศอยู่ที่ 46% ถือว่ายังมั่นคงมาก แต่ในอนาคตอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการดำเนินนโยบายของภาครัฐในด้านต่างๆ
- สรุปคือ เศรษฐกิจไทยปัจจุบันพึ่งพาภาคส่งออกเยอะ ขณะที่ภาคส่งออกไม่ดี การบริโภคในประเทศมีปัญหาแต่ยังไม่สายเกินแก้ เศรษฐกิจจึงแผ่ว แต่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังดีอยู่
• แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้น
- ดร.เอกนิติย้ำ “ท่ามกลางวิกฤติ มีโอกาส”
- เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเปราะบาง สหรัฐมีสัญญาณฟื้นตัว ญี่ปุ่นดูดีขึ้นจากการออกนโยบายช่วงก่อนแต่ยังคงชะลอตัว ขณะที่จีนและยุโรปดูไม่ค่อยดี สำหรับ CLMV ขยายตัวในอัตราเร่ง
- การเงินโลกผันผวน ดอลลาร์แนวโน้มจะแข็งขึ้นและดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้น ภาคส่งออกต้องระวัง ยูโรและเยนมีแนวโน้มอ่อนลง และประเทศเหล่านี้น่าจะออกมาตรการเพื่อพยายามดูแลเศรษฐกิจตัวเองอย่างถึงที่สุด
- การใช้จ่ายในประเทศปรับตัวดีขึ้น จากการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ และการบริโภคและการลงทุนที่ฟื้นตัวจากปีก่อนๆ
- ดร.เอกนิติย้ำ “ท่ามกลางวิกฤติ มีโอกาส”
- เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเปราะบาง สหรัฐมีสัญญาณฟื้นตัว ญี่ปุ่นดูดีขึ้นจากการออกนโยบายช่วงก่อนแต่ยังคงชะลอตัว ขณะที่จีนและยุโรปดูไม่ค่อยดี สำหรับ CLMV ขยายตัวในอัตราเร่ง
- การเงินโลกผันผวน ดอลลาร์แนวโน้มจะแข็งขึ้นและดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้น ภาคส่งออกต้องระวัง ยูโรและเยนมีแนวโน้มอ่อนลง และประเทศเหล่านี้น่าจะออกมาตรการเพื่อพยายามดูแลเศรษฐกิจตัวเองอย่างถึงที่สุด
- การใช้จ่ายในประเทศปรับตัวดีขึ้น จากการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐ และการบริโภคและการลงทุนที่ฟื้นตัวจากปีก่อนๆ