เพลงฉ่อยชาววัง

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

อย่าพึ่งฆ่าฉันด้วยน้ำลาย



"หลวงปู่พุทธะอิสระ" โพสต์เปิดใจผ่านเฟซบุ๊ค ลั่น "อย่าพึ่งฆ่าฉันด้วยน้ำลาย" ขอลุยแก้ปัญหาด้านพลังงานด้วยวิธีของตนเองก่อน
วานนี้ ( 27 ก.ย.57 ) หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ระบุ "เปิดใจลูกผู้ชายไท หัวใจราชสีห์" ชี้อย่าพึ่งฆ่าฉันด้วยน้ำลาย "รอให้รบกับกลุ่มผลประโยชน์พลังงานให้เสร็จก่อน เมื่อชนะแล้วพวกคุณๆทั้งหลายจึงฆ่าฉันก็ยังไม่สาย"
โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้
"เปิดใจลูกผู้ชายไท หัวใจราชสีห์
ช่วงเวลาชีวิตที่ผ่านมาฉันได้สั่งสมประสบการณ์กำไรชีวิตมาหลายเรื่อง เช่น
- ต้องเผชิญต่อการไล่ล่าและรุกรานตอนเป็นทหารที่ชายแดนเขมร ในช่วงเขมรแตกทัพ
- ต้องแบกเป้สนามมานอนอยู่สนามรบ เพื่อล้อมจับ พล.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร เมื่อครั้งปฏิวัติ “เมษาฮาวาย”
- ต้องเผชิญกับความรวนเร เลวร้าย เห็นแก่ตัว เห็นแก่หน้า เห็นแก่พวกที่แฝงตัวอยู่ในวงการสงฆ์ จนต้องกำจัดตัวเองให้พ้นจากอำนาจ ตำแหน่ง กระแสที่ไม่พึงปรารถนา
- ต้องต่อสู้กับอิทธิพลคนอันธพาล พวกนักการเมืองตั้งแต่ยุคทักษิณ จนถึงยุคนายกปู
- ต้องทนต่อความกดดันถ่มถุยของพวกเสื้อแดงและพวกโลกสวยที่เห็นว่าพระไม่ควรมายุ่งกับการเมือง
- ต้องกลายเป็นศัตรูกับพวกนิยมลัทธิตระกูลชิน ซึ่งก็มีทั้งนักบวชและฆราวาส
- ต้องฝ่าฟันต่อสู้กับลัทธิคนตระกูลชิน เพื่อเอาชีวิตรอดและพาพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ให้รอดจากการจู่โจมลอบทำร้ายในขณะที่อยู่เวทีแจ้งวัฒนะ
- ต้องคิดหากุศโลบาย ยุทธวิธีในการที่จะขับเคลื่อนมวลชนที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนแก่ๆทั้งหลาย ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวต้องมีประสิทธิภาพ สร้างผลงาน ด้วยหลักคิดที่ว่า “ประโยชน์สูง ประหยัดสุด” ด้วยยุทธวิธีที่ใช้คือการพูดคุยเจรจาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้สมกับเพศภาวะที่ต้องมีเมตตาและจริงใจ แต่ต้องไม่ทำให้เสียหลักการจุดมุ่งหมาย
- ต้องอดทนอดกลั้นต่อความเหนื่อยยากลำบากและอันตรายทั้งจากระเบิด ลูกปืน แก๊สน้ำตา รวมทั้งคนที่จ้องจะลอบทำร้าย ต้องยอมรับสภาพของการมีผู้อารักขาคอยล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อความอยู่รอด ด้วยตระหนักว่า ความอยู่รอดของเรา คือความเจ็บช้ำของศัตรู ทั้งที่นิสัยเดิมอยากมีอิสระ
- ต้องตกเป็นจำเลยผู้ต้องหา และศัตรูของเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็น
- ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาคดีกบฏที่มีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตหรือประหาร
- ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเป็นแกนนำปิดล้อมสถานที่ราชการและทำให้เสียทรัพย์
- ต้องตกเป็นคนผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้ง
- ต้องกลายเป็นลูกหนี้ที่ไม่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้จะมีปัญญาใช้เขาหมดไหม
- ต้องอธิกรณ์ตามพระวินัยที่ว่าด้วยสมณสารูป หากมีผู้โจทก์ขึ้น
- ต้องทำให้แม่ที่อายุ ๘๕ ถูกขู่ฆ่า
- และแม่ต้องควักเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตมาให้เป็นทุนกู้ชาติ เพื่อจะขับไล่รัฐบาลทรราชให้พ้นไทย
- กุฏิถูกลอบวางเพลิง วัดถูกระดมยิง วางระเบิด พระบิณฑบาตไม่ได้
- ต้องรับอาสาเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาพูดคุยเรื่องปัญหาพลังงาน เพื่อหาแนวทางร่วมกันและชี้ทิศทางพลังงานของประเทศ ทั้งที่หลายปีที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างพูด ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าผิด โดยที่ฉันและคนไทยจำนวนมากไม่รู้เลยว่าใครผิดใครถูก อีกทั้งยังไม่รู้เลยว่าแล้วอนาคตพลังงานของประเทศจะเป็นเช่นไร ผลที่ได้สุดท้ายโดนด่า เหตุเป็นเพียงเพราะไม่ถูกใจคนเชียร์ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้ด่าคนไหนถามฉันซักคำว่า มีเหตุผลใดจึงทำให้ไม่ถูกใจ ไม่เป็นกลาง “แต่ฉันว่า ที่โดนกล่าวหาว่าไม่เป็นกลางเพราะไม่เข้าข้างพวกที่ด่ามากกว่า” หรืออาจเป็นเพราะฉันรู้มาว่า ก่อนที่จะมีการจัดเสวนา มีการระดมพลในทางลับเพื่อมาเรียกร้องหาคนผิด โดยคิดว่านี่คือการปฏิรูปพลังงาน ถึงขนาดฉันต้องโทรไปถามหมอกมลพรรณว่า มีการเรียกระดมมวลชนหรือ ทำไมไม่ใช้เวทีพูดคุยแก้ปัญหา
ถ้าหากว่าฉันไม่เป็นนักบวช ไม่ต้องรักษาศีลรักษาสัจจะ ไม่จำเป็นต้องมีเมตตา และไม่จำเป็นต้องซื่อตรง ฉันก็คงจะเข้าข้างพวกคุณ เลยต้องขออภัยที่ฉันทำตามใจพวกคุณไม่ได้ ฉันยังไม่อยากคิดว่าสังคมไทยกำลังจะใช้สุภาษิตที่ว่า “เสร็จหน้านาฆ่าโคถึก เสร็จการศึกฆ่าขุนนาง”
พวกคุณอย่าพึ่งฆ่าฉันด้วยน้ำลายเลย รอให้ฉันรบกับกลุ่มผลประโยชน์พลังงานให้เสร็จก่อน แต่ต้องด้วยวิธีของฉันเท่านั้น ถ้าจะให้ฉันรบ และเมื่อชนะแล้ว พวกคุณๆทั้งหลายจึงฆ่าฉันก็ยังไม่สาย แต่ที่แน่ๆพวกคุณทำให้ฉันเข้าใจลึกซึ้งถึงคำสั่งสอนขององค์พระผู้มีภาคเจ้าเรื่องโลกธรรม ๘ ที่ว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีนินทา มีสรรเสริญ มีสุข มีทุกข์
ชีวิตที่ไม่มีต้นทุนทางสังคมนักสู้อย่างฉัน เป็นธรรมดาที่หากพลาดหรือสงสัยว่าพลาด ก็ต้องโดนถ่มถุยเหยียดหยาม เหตุเพราะการที่พระออกไปนำมวลชนต่อสู้บนถนน สังคมไทยยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีใครทำ เลยยอมรับแบบเสียไม่ได้ ครั้งสู้สำเร็จ เลยต้องกำจัด เพราะหากปล่อยไว้จะเสียโอกาสของนักรบอื่นๆที่มีต้นทุนทางสังคมสูงส่ง เรื่องพวกนี้ฉันพอเข้าใจดี ชั่วชีวิตฉันสู้มาไม่เคยคิดว่าจะเรียกร้องผลประโยชน์อะไร ขอเพียงคนไทยมีความสุข ประเทศชาติแข็งแรง พระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ปลอดภัย แค่นี้ถือว่าเป็นคำตอบแทนที่คุ้มค่าที่จะตายแล้ว
ท่านผู้ด่าที่รักทั้งหลาย ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถึงฉันจะโดนพวกคุณเหยียบย่ำปานใด ฉันก็ยังไม่หยุดที่จะทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินไทย เพื่อตอบแทนบุญคุณที่บรรพบุรุษไทยสร้างชาติไทยให้ฉันเหยียบยืน อย่าพึ่งใจร้อนรีบกำจัดฉันตอนนี้ เดี๋ยวพวกทรราชจะแฮปปี้ เก็บฉันเอาไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของพวกคุณก่อน เหตุเพราะในกลุ่มนักสู้เรื่องพลังงานไม่มีใครที่จะมีสายสัมพันธ์อันดีกับ คสช.และรัฐบาล กลุ่มผลประโยชน์พลังงาน เท่าที่ฉันเห็นคงมีแต่ฉันเท่านั้น (นี่ไม่ได้สำคัญตนผิดหรอกนะ) หรือจะมีก็ไม่รู้
ยังไงๆฉันยังเชื่อว่า ปัญหาพลังงานจะแก้ได้ มันไม่ใช่ใช้วิธีจับผิดชวนทะเลาะ แต่ต่างฝ่ายต้องพยายามทำความเข้าใจด้วยการพูดคุยให้เกียรติต่อกัน ไม่ใช่มานั่งจับผิดกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างยอมรับซึ่งกันและกันแล้วจึงจะนำมาซึ่งการหาทางรอดร่วมกันได้ ฉันเชื่อของฉันเช่นนี้ และยืนยันว่า ฉันจะดำเนินวิธีนี้ต่อไป ส่วนพวกคุณหากเชื่อว่า ปัญหาพลังงานมันจะแก้ได้ด้วยวิธีจับผิดชวนทะเลาะ ก็จงทำไปหากสำเร็จ ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ขอบคุณล่วงหน้าหากทำได้
พุทธะอิสระ
27 กันยายน 2557



วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

99% คนไทย ทุกข์เดือดร้อน เพราะ ปตท

หลังจากคสช.ยึดอำนาจจากรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ นอมินีทักษิณ คนไทยส่วนใหญ่ก็ดีใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนส่วนหนึ่งเริ่มไม่พอใจคสช. โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน เพราะไม่ว่าประชาชนจะอธิบาย จะชี้แจงอย่างไรก็ไม่เคยฟัง ไม่เคยเห็นหัว 

ในทางกลับกัน ปตท.เสนอแผนอะไร กลับรีบดำเนินการทันที

การตั้งคนประวัติไม่ดี มีผลประโยชน์ทับซ้อนพลังงานเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญ สวนกระแสคัดค้านของประชาชน การดำเนินนโยบายพลังงานที่เอาแต่เดินตามแนวทางของปตท. ทั้งการเร่งขายสมบัติชาติ และการปรับขึ้นราคาพลังงาน

คนไทยที่ยึดถือความถูกต้อง มองผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นหลัก จึงไม่พอใจคสช.เป็นอย่างมากเพราะพวกเขาส่อเจตนาไม่ซื่อชัดเจน

แต่ก็ยังมีคนไทยส่วนหนึ่ง ที่ยังเชียร์คสช.อย่างเหนียวแน่น อาจเพราะไม่ได้ติดตามเรื่องพลังงาน จึงไม่ทราบข้อมูลอย่างลึกซึ้ง ส่วนบางคนเป็นกองเชียร์นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามทักษิณ แค่เกลียดทักษิณ ใครจัดการทักษิณ หรือใครยืนตรงข้ามทักษิณ ก็พึงพอใจแล้ว

ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักการเมืองไทยที่สารเลวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย แต่ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงของประเทศ ไม่ใช่แค่ทักษิณ แต่คือ...

" คอร์รัปชั่น "

เราประชาชนคนไทย จึงไม่ควรเกลียดหรือต่อต้านแค่ทักษิณ แต่ต้องต่อต้านทุกคนที่คอร์รัปชั่น เพราะถึงทักษิณจะหมดอำนาจไป ระบอบทักษิณถูกทำลาย แต่คอร์รัปชั่นยังอยู่ บ้านเมืองของเราก็ยังไม่หลุดพ้นจากปัญหา โดยเฉพาะปัญหาคอร์รัปชั่นพลังงาน ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับเราคนไทย

ดังนั้น ใครที่ยังเชียร์คสช.อยู่ ท่านต้องตื่น และรู้ให้เท่าทัน และช่วยกันทักท้วง ต่อต้าน การดำเนินนโยบายพลังงานของคสช. เพราะถึงวันนี้มันชัดเจนแล้วว่า...

คสช.กำลังพยายามกินแก๊ส กินน้ำมัน กินพลังงาน พวกเขายืนอยู่ข้างปตท. กระทืบซ้ำคนไทย !!!

“ณรงค์ชัย” ส่งสัญญาณขึ้น LPG ขนส่งเดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000104942

อารีพงศ์รับคสช.ไฟเขียวปรับโครงสร้างLPG-NGV
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9570000103195

มติกพช.ให้ปตท.แยกธุรกิจท่อก๊าซฯ
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20140815/598872/เธกเธ•เธดเธ%20เธ%20เธ%20.เน%20เธซเน%20เธ%20เธ•เธ—.เน%20เธขเธ%20เธ%20เธธเธฃเธ%20เธดเธ%20เธ—เน%20เธญเธ%20เน%20เธฒเธ%20เธฏ.html



CR: Krisana Oneill

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

คุก 11 ปีอดีตคอลัมนิสต์เสื้อแดง สะอาด จันทร์ดี หมิ่น “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง”

ศาลสั่งจำคุก 11 ปี “สะอาด จันทร์ดี” อดีตคอลัมนิสต์เสื้อแดงเขียนบทความโจมตี “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” และสร้างเรื่องพาดพิงสถาบันเบื้องสูง จำเลยรับสารภาพเหลือติดคุก 5 ปีครึ่ง โดยไม่รอลงอาญา
      
       ที่ห้องสมานฉันท์ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (11 ก.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาท หมายเลขดำ อ.3595/56 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสะอาด จันทร์ดี อายุ 78 ปี อดีตคอลัมนิสต์ นสพ.รายวันฉบับหนึ่ง และอดีต ผอ.นสพ.พีเพิ่ล แชนแนล นิวส์ ออนไลน์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
      
       โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2556 สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 16 เม.ย. - 17 พ.ค. 2554 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้เขียน และโพสต์ข้อความลงใน นสพ.พีเพิ่ลแชนแนล นิวส์ ออนไลน์ รวม 12 ตอน ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปอ่านได้ที่เว็บไซต์ WWW.PCHANNEL.ORG โดยกล่าวหาใส่ร้าย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.สรรหา กับพวก ทำนองว่า เป็นตัวการ และจงใจช่วยกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.๒๕๕๐ ล้มล้างสถาบันเบื้องสูง และอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่า นายเจิมศักดิ์ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง และวงศ์ตระกูล โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14, 15 ด้วย เหตุเกิดที่แขวง - เขตดินแดง กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยให้การรับสารภาพ
      
       ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ รวม 11 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี เป็นจำคุก 11 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้ 5 ปี 6 เดือน
      
       อย่างไรก็ตาม เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับจำเลยได้สร้างเรื่องขึ้นโดยพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงซึ่งประชาชนชาวไทยให้ความเคารพศรัทธาอย่างยิ่ง ทำให้ประชาชนส่วนมากเกลียดชังผู้เสียหาย ซ้ำจำเลยยังกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ารวม 11 ครั้ง โดยมิได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน และมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นับเป็นเรื่องร้ายแรง การที่จำเลยลงขอขมาผู้เสียหายก็หาทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นระงับสิ้นไปได้ กรณีจึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
      
       ภายหลังนายสะอาด จำเลย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดและโฉนดที่ดิน รวมมูลค่า 500,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวชั้นอุทธรณ์ต่อสู้คดี ขณะที่ศาลอาญาพิจารณาคำร้องประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นควรเสนอคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์เป็นพิจารณาเพื่อมีคำสั่งว่าจะ ให้ประกันตัวหรือไม่ต่อไป
      
       จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้ควบคุมตัวนายสะอาด จำเลย ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ฯ จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งมาว่าจะให้ประกันหรือไม่ให้ประกัน

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

เผย 3 เดือน คสช.อนุมัติงบไปแล้วรวม 3.68 แสนล้าน

การเข้ามาบริหารประเทศในครั้งนี้เผย 3 เดือน คสช.อนุมัติงบไปแล้วรวม 3.68 แสนล้าน
1ก.ย.2557 เปิดงบประมาณ คสช. 3 เดือน อนุมัติแล้ว 38 รายการ 3.68 แสนล้าน จ่ายจำนำข้าวมากสุด 9.2 หมื่นล้าน ช่วยสวนยาง 1.2 หมื่นล้าน สร้างพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า ใน ทบ. 2.4 พันล้าน ให้ สตช.สร้างโรงพัก 5.8 พันล้าน ซื้ออาวุธ 2.6 พันล้าน แก้น้ำท่วม 1.7 หมื่นล้าน ให้กทม.ระบายน้ำ 2 หมื่นล้าน กองทุนหมู่บ้าน 2.6 หมื่นล้าน ให้ อปท. 8.5 พันล้าน แต่ห้ามนำไปใช้ดูงานเด็ดขาด ให้ กปภ.ปรับปรุงระบบขาดแคลนน้ำ 1.8 หมื่นล้าน

เว็บไซต์ Thaigov.go.th ของทำเนียบรัฐบาล ได้มีการเผยแพร่การอนุมัติงบประมาณ ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ทำการยึดอำนาจการปกครอง ทั้งรายการปกติในปี 2557 และการอนุมัติงบค้างจ่ายต่อเนื่องมาจากปี 2556 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบผูกพันข้ามปี และการปรับเปลี่ยนรายการงบประมาณ จากจำนวน 12 ครั้ง ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน และการประชุมคณะกรรมการระดับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และการประชุมระดับกระทรวงต่างๆ ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา รวม 38 รายการ วงเงิน 368,133.95 ล้านบาท โดยแยกเป็นรายการพบว่า

1.อนุมัติงบประมาณเพื่อจ่ายเงินค้างชำระหนี้ของชาวนา ในโครงการจำนำข้าว วงเงิน 92,431 ล้านบาท

2.อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตรปี 2555-2557 วงเงิน 5,498.9 ล้านบาท

3.อนุมัติงบกลาง จากรายการงบกลางเพื่อสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยแผ่นดินไหวในจังหวัดเชียงราย วงเงิน 449 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณช่วยเหลือสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนเงิน 322 ล้านบาท และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ วงเงิน 127 ล้านบาท

4.อนุมัติงบประมาณช่วยชาวสวนยาง 2 โครงการ วงเงิน 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เพื่อช่วยเหลือการปลูกยางทั้งระบบจำนวนเงินงบประมาณ 6,600 ล้านบาท มีเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 100,000 ราย และโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นโครงการตกค้างในการให้ความช่วยเหลือตั้งแต่ปี 2555 และปี 2556 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ประสบภัยทางธรรมชาติประมาณ 580,000 กว่าราย และวงเงินอีก 5,400 กว่าล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ

5.อนุมัติงบกลางประจำ ปี 2557 โครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บรวบรวมสมบัติอันล้ำค่าของแผ่นดิน ให้อนุชนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และภาคภูมิใจในความเป็นไทย บริเวณหอประชุมกองทัพบก ถนนนครราชสีมา วงเงิน 2,455 ล้านบาท

6.อนุมัติงบประมาณ เพื่อสมทบค่าเบี้ยประกันภัยนาข้าวปี 2557 วเงิน 2,292 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือชาวนาฤดูกาลผลิต 2557/58 โดยลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการผลิตให้เกษตรปลูกข้าวนาปีลงร้อยละ 3 ต่อปี รายละไม่เกิน 50,000 บาท

7.อนุมัติใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 2 โครงการ 400 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงานปี 2557 วงเงิน 200 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนทุนการศึกษาวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทดแทนปี 2557 วงเงิน 200 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการอยู่ใน 23 โครงการ ที่ทางคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เสนอให้ทบทวน และทางคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนอนุรักษ์พลังงานที่มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน พิจารณาเรียบร้อยแล้วว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์จึงให้ดำเนินการต่อไป

8.อนุมัติงบประมาณสำหรับกระจายผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต วงเงิน 163 ล้านบาท เช่น ลำไยจาก 8 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 74.5 ล้านบาท เงาะ และลองกอง จากภาคตะวันออก จำนวน 51 ล้านบาท มังคุด และลองกอง จากภาคใต้ จำนวน 37.5 ล้านบาท

9.อนุมัติงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือปัจจัยการผลิตเพื่อแก้ปัญหาราคายางพารา ระยะสั้น วงเงิน 6,160 ล้านบาทให้แก่เกษตรกร 112,253 ราย เพื่อช่วยเหลือปัจจัยการผลิตครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ในอัตราไร่ละ 2,520 บาท เฉพาะที่เปิดกรีดแล้ว ขณะที่ระยะยาว จะสนับสนุนให้มีการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการผลิต

10.อนุมัติงบกลาง ให้กรมประมงแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและลดความสูญเสียของสินค้ากุ้งทะเลจากกลุ่มการตายด่วน วงเงิน 96 ล้านบาท